หน้าแรก สยามโฟน ดอท คอม

 
                          
หน้าแรก : สยามโฟน ดอท คอม รวมแคตตาล็อกมือถือ รีวิวผลิตภัณฑ์ & โทรศัพท์มือถือ SP Community : ชุมชนผู้ใช้มือถือ โนเกีย เอนเกจ คลับ ประกาศซื้อ-ขาย ราคาโทรศัพท์มือถือ ดาวน์โหลด ไดเรคทอรี่

  บทความพิเศษ (หน้า 2) : มือถือไทย ... อดีต ปัจจุบัน กับพัฒนาการสู่อนาคต โดย อ.ไพโรจน์ ไววานิชกิจ

- รายละเอียดเนื้อหาโดยหัวข้อ :

  1. สภาวะการแข่งขันในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่
  2. การเติบโตของตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ไทย
  3. เส้นทางสู่ยุค 3G ของเครือข่าย 2G ทั่วโลก
  4. Mobile Data : คลื่นร้อนของธุรกิจสื่อสารไร้สาย (ต่อหน้า 2)
  5. EDGE ทางออกสำหรับการก้าวสู่ยุค 3G
  6. แนวทางการให้บริการเทคโนโลยี EDGE
  7. วิเคราะห์อนาคตเทคโนโลยี EDGE ในประเทศไทย

 

  Mobile Data : คลื่นร้อนของธุรกิจสื่อสารไร้สาย

ของธุรกิจ Mobile Data เริ่มถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่การประกาศตัวเทคโนโลยี WAP ในช่วงปี พ.ศ. 2543 การกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาแอปพลิเคชั่น (Application) ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดกระแสนิยมในการใช้เครื่อง
ลูกข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ WAP ท่องโลกอินเตอร์เน็ต หรือติดต่อดำเนินธุรกรรมหลากหลายชนิด ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ซึ่งผู้เขียนมองว่าเป็นการเชื่อมโยงโลกสื่อสารโทรคมนาคมที่เคยถูกมองว่าเป็นเรื่องซับซ้อนและเป็นเทคโนโลยีปิดเฉพาะกลุ่มคนหรือองค์กร เข้ากับโลกของบรรดานักพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และกลุ่มเว็บมาสเตอร์ (WEB Master)

ซึ่งส่วนใหญ่มีประสบการณ์ค่อนข้างมากในการผลักดันเครือข่ายอินเตอร์เน็ตให้เกิดความสำเร็จทางธุรกิจจนถึงทุกวันนี้ การเปิดกว้างในเรื่องของข้อกำหนดและการออกแบบโปรแกรมกับบรรดานักพัฒนาซอฟท์แวร์เหล่านี้ ก่อให้เกิดความพร้อมระดับหนึ่งในปัจจุบัน ซึ่งความพร้อมดังกล่าวจะได้รับการขยับขึ้นเป็นการพัฒนาแอปพลิเคชั่นสำหรับเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่ GPRS และ 3G ในอนาคตอันใกล้



รูปที่ 4 การปรับเปลี่ยนโครงสร้างของห่วงโซ่ธุรกิจสำหรับธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่


บริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จำเป็นต้องคำนึงถึงการสร้างห่วงโซ่ในการดำเนินธุรกิจที่เหมาะสม สำหรับเตรียมพร้อมเปิดให้บริการ Mobile Internet การสร้างผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างสื่อข้อมูลจะช่วยทำให้เกิดสภาวะ “Win-Win-Win” หรือความลงตัวในการประสบผลสำเร็จทางธุรกิจ

ผู้เขียนไม่เชื่อว่าลำพังบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แต่เพียงผู้เดียวจะสามารถสร้างความหลากหลายจนถึงขั้นประสบความสำเร็จทางธุรกิจ Mobile Internet ได้ในเวลาอันสั้น เนื่องจากความชำนาญของบริษัทเหล่านี้นั้นเป็นเพียงผู้สร้างและให้บริการสื่อสารข้อมูลผ่านเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ เห็นได้จากรูปแบบการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน ซึ่งบริษัทเหล่านี้มีรายได้จากการใช้วงจรสื่อสารผ่านเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อการสนทนาของลูกค้าผู้ใช้บริการของตน ความพยายามในการสรรหาบริการเสริมต่าง ๆ (Value Added Service) ที่พบเห็นในปัจจุบันนั้นก็เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้บริโภคมีพฤติกรรมใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่บ่อยขึ้น ในขณะที่เราต้องยอมรับความจริงว่าอัตราค่าบริการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ ไม่ว่าจะเป็นค่าบริการรายเดือนหรือค่าใช้โทรศัพท์นั้นมีแต่จะลดลงเรื่อย ๆ ตามสภาวะการแข่งขันทางการตลาด ถึงวันหนึ่งบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็ย่อมต้องประสบกับปัญหารายได้รวมที่ลดลงอย่างแน่นอน

เนื่องจากขีดความสามารถของเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในอนาคต ซึ่งเริ่มต้นจากเทคโนโลยี GPRS ทำให้การสื่อสารไร้สายสามารถรองรับรูปแบบในการบริโภคชนิดใหม่ ๆ ได้ การผนึกกำลังระหว่างผู้ให้บริการเครือข่ายกับบริษัทหรือองค์กรต่าง ๆ ที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตเนื้อหาข้อมูลแต่ละประเภท ไม่ว่าจะเป็น กีฬา ดนตรี ข่าว รายการภาพยนตร์ รวมไปถึงสื่อข้อมูลเฉพาะด้านเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องเกิดขึ้น ทั้งนี้เพื่อสร้างความหลากหลายในการนำเสนอข้อมูลต่อผู้บริโภค อันจะส่งผลกลับไปให้เกิดมูลค่าในการบริโภคข่าวสารข้อมูลผ่านเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่สูงขึ้น เป็นการทดแทนรายได้ที่ลดลงจากการเปิดให้บริการเฉพาะสื่อสารทางเสียงแต่เพียงอย่างเดียว ผู้เขียนเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้ บรรดาบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อาจจะต้องกำหนดบทบาทของตนเองให้เป็นเสมือนกับสถานีวิทยุหรือสถานีโทรทัศน์ ซึ่งจะมีรายได้ทั้งจากการใช้เครือข่ายของผู้ใช้บริการ รวมถึงรายได้พิเศษที่เป็นส่วนแบ่งจากการบริโภคสื่อข้อมูลประเภทต่าง ๆ การจัดสรรส่วนแบ่งเหล่านี้ก็คงจะต้องเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่กับบริษัทผู้ให้บริการข้อมูลแต่ละราย อย่างไรก็ตามรายได้จากการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในการติดต่อสื่อสารโดยใช้เสียงพูด หรือการสนทนาแบบเห็นหน้ากันนั้น ก็ยังคงถือเป็นรายได้สำคัญที่เป็นของบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แต่เพียงผู้เดียว


ของบรรดายักษ์ใหญ่ในแวดวงข่าวสารข้อมูลและการบันเทิงทั่วโลกต่อธุรกิจ Mobile Internet ในปัจจุบัน เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความคึกคักของธุรกิจผลิตข่าวสารข้อมูลในปี พ.ศ. 2545 ได้เป็นอย่างดี การให้ความสนใจของผู้นำตลาดซอฟท์แวร์และการสื่อสารผ่านคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นค่ายไมโครซอฟท์ ไปจนถึงค่ายเน็ตสเคป (Netscape) ล้วนเป็นการเริ่มต้นจุดกระแสการดำเนินการทางการตลาดผู้บริโภคเกี่ยวกับการสื่อสารแบบมัลติมีเดียไร้สาย เครื่องลูกข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นใหม่ ๆ ที่มีขีดความสามารถใกล้เคียงกับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กจะเริ่มทะยอยเข้าสู่ท้องตลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2545 การสนับสนุนของรัฐบาลในประเทศต่าง ๆ ที่มีต่ออุตสาหกรรมการผลิตซอฟท์แวร์และการพัฒนาเว็บไซด์สำหรับธุรกิจ Mobile Internet นั้นเป็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาอันใกล้นี้

สิ่งที่น่าจับตามองก็คือการปรับเปลี่ยนบทบาทของบรรดาผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายและเครื่องลูกข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ ซึ่งคาดกันว่าหลังจากเสร็จสิ้นการสร้างเครือข่าย 3G แล้ว ปริมาณความต้องการอุปกรณ์เครือข่ายสื่อสารไร้สาย รวมถึงโครงข่ายสื่อสัญญาณความเร็วสูง (High Speed Transmission Backbone) ของตลาดสื่อสารโทรคมนาคมทั่วโลกจะลดลง ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมจะเริ่มเปลี่ยนเส้นทางไปรวมตัวกับธุรกิจอินเตอร์เน็ตมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งข้อเท็จจริงดังกล่าวเริ่มมีปัจจัยบ่งชี้ที่ชัดเจนขึ้นนับตั้งแต่การออกแบบเทคโนโลยี GPRS ให้สามารถใช้เครือข่าย GSM ได้โดยไม่ต้องการการลงทุนติดตั้งเครือข่ายสถานีฐานขึ้นใหม่ งบประมาณในการลงทุนติดตั้งเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ใหม่ ๆ เริ่มลดลง ยิ่งไปกว่านั้นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่หลายรายก็สนใจแต่เพียงการเปิดให้บริการ Mobile Internet โดยใช้เฉพาะเทคโนโลยี GPRS เท่านั้น โดยให้เหตุผลว่า 3G เป็นการลงทุนที่สูงเกินไป และไม่เชื่อว่าตลาดผู้บริโภคจะให้ความสนใจอย่างจริงจังกับเทคโนโลยี 3G สถานภาพทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์สื่อสารจึงก้าวเข้าสู่ภาวะที่เสี่ยงมากขึ้น การลงทุนวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ หลายโครงการถูกชะลอ บางโครงการถึงกับถูกยกเลิก

การกระโดดเข้าสู่ธุรกิจ Mobile Internet โดยเป็นผู้ผลิตแอปพลิเคชั่น และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่น่าสนใจในการดำเนินธุรกิจพาณิชย์อิเล็คทรอนิคส์ (Electronics Commerce) เป็นสิ่งที่บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์บางรายกำลังพิจารณาอยู่ อย่างไรก็ตามแนวคิดดังกล่าวกลับสร้างคำถามให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องว่าบริษัทผู้ผลิตเหล่านี้มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์เพียงใด เรื่องนี้จึงเป็นสิ่งที่ต้องจับตาดูกันต่อไปอีกระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตามในภาพโดยรวม ผู้อ่านจะเห็นว่าธุรกิจ Mobile Internet ซึ่งเป็นการสร้างคุณค่าเพิ่มเติม (Value Added Application) ให้กับการสื่อสารผ่านเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยเฉพาะ GPRS และ 3G ย่อมเป็นแนวทางที่ชัดเจนสำหรับธุรกิจโทรคมนาคมทั่วโลกในปัจจุบัน

การทดลองเปิดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G ในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ถือเป็นการทดสอบคำทำนายของผู้เชี่ยวชาญในวงการสื่อสารโทรคมนาคม เกี่ยวกับความสำคัญของเทคโนโลยี Mobile Data ได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามในมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนยังคงมีข้อสงสัยอยู่บ้างว่า พฤติกรรมการบริโภคของชาวญี่ปุ่นโดยทั่วไปมีความแตกต่างจากผู้บริโภคในประเทศอื่น ๆ ในแง่ของกระแสความคลั่งไคล้เชิงแฟชั่น ดังจะเห็นได้จากผลสำเร็จของเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ I-Mode ของบริษัท NTT DoCoMo ซึ่งแม้จะสร้างความมหัศจรรย์ในการเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการอย่างรวดเร็วสูงกว่าเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ใด ๆ ในโลก แต่ถึงวันนี้ทั่วโลกก็ยังไม่อาจทราบได้ว่าจะสามารถถ่ายโอนสูตรแห่งความสำเร็จของเครือข่าย I-Mode ไปให้กับเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใดในโลก โดยให้ได้ผลสำเร็จที่เทียบเคียงกับในประเทศญี่ปุ่นได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามเนื่องจากภาวะการถดถอยของเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงความพยายามอย่างมากในการสร้างเครือข่าย 3G ที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบในประเทศญี่ปุ่นเพื่อใช้สำหรับการทดสอบตลาดผู้บริโภค ไม่ว่าผลลัพธ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้จะออกมาในรูปแบบใด ก็คาดกันว่าน่าจะนำมาใช้เป็นแม่แบบสำหรับการผลักดันเทคโนโลยีเครือข่าย 3G ให้กับหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกได้พอสมควร

กลับขึ้นด้านบน - TOP  

 

  EDGE ทางออกสำหรับการก้าวสู่ยุค 3G

หรือ Enhanced Data rate for GSM/GPRS Evolution เป็นข้อกำหนดทางเทคนิค ที่ได้รับการออกแบบและกำหนดขึ้นโดยหน่วยงาน ETSI (European Telecommunications Standard Institute) ซึ่งเป็นผู้สร้างมาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ GSM และ GPRS โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาขีดความสามารถของเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ GSM/GPRS ให้รองรับการสื่อสารข้อมูลด้วยอัตราเร็วที่สูงขึ้นเทียบเท่ากับมาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ UMTS แบบ W-CDMA แต่ใช้งบประมาณในการลงทุนที่ต่ำ ที่สำคัญก็คือผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ GSM ทั่วโลก ไม่ว่าจะใช้ความถี่ 900, 1800 หรือ 1900 เมกกะเฮิตรซ์ ต่างก็สามารถพัฒนาเครือข่ายของตนให้รองรับเทคโนโลยี EDGE ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ความถี่ในย่าน 3G แต่อย่างใด ถือเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการสื่อสารข้อมูลแบบมัลติมีเดียให้กับเครือข่าย GSM/GPRS โดยใช้เวลาอันสั้น และด้วยงบประมาณที่ต่ำมาก

รูปที่ 5 เป็นการเปรียบเทียบขีดความสามารถของเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ตามแนวทางการพัฒนาของมาตรฐาน GSM จะเห็นได้ว่าการพัฒนาเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่จาก GPRS ซึ่งรองรับการสื่อสารข้อมูลได้สูงสุดเท่ากับ 171.2 กิโลบิตต่อวินาที ให้กลายเป็นเครือข่าย EDGE จะสามารถเพิ่มอัตราเร็วในการสื่อสารได้สูงถึง 384 กิโลบิตต่อวินาที ซึ่งเป็นอัตราเร็วที่เท่ากับมาตรฐาน UMTS แบบ W-CDMA ในทางปฏิบัติอัตราเร็วที่ผู้ใช้บริการแต่ละรายจะสามารถใช้ในการรับส่งข้อมูลได้นั้น ขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าตัวแปรและการวางแผนเครือข่ายของบริษัทผู้ให้บริการเป็นสำคัญ ผู้เขียนจะกล่าวถึงรายละเอียดทางเทคนิคอื่น ๆ ที่สำคัญเป็นลำดับถัดไป


รูปที่ 5 การเปรียบเทียบอัตราเร็วในการรับส่งข้อมูล จะเห็นว่า EDGE มีความสามารถที่เทียบเท่ากับ
ระบบ W-CDMA ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรฐาน UMTS แต่ใช้เงินลงทุนที่น้อยกว่ามาก


พิจารณาในแง่ของผลประโยชน์ที่ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่พึงได้รับจากเทคโนโลยี EDGE ก็คือความรวดเร็วในการรับส่งข้อมูล ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพในการสื่อสารข้อมูลผ่านเครือข่ายโทรคมนาคมชนิดต่าง ๆ ดังแสดงใน รูปที่ 6 แล้วก็จะพบว่าทั้งเครือข่าย EDGE, UMTS แบบ W-CDMA หรือแม้กระทั่ง cdma2000 ซึ่งต่างมีขีดความสามารถในการรองรับการสื่อสารข้อมูลที่เทียบเท่ากัน จะสามารถตอบสนองความพึงพอใจของผู้ใช้บริการได้ใกล้เคียงกัน จากรูปจะเห็นว่าผู้ใช้บริการสามารถใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่มาตรฐาน 3G ดาวน์โหลดข้อมูลที่เป็น Video Clip ได้ในเวลาเพียงสิบกว่าวินาทีเท่านั้น ในขณะที่ต้องใช้เวลาในการดาวน์โหลดข้อมูลดังกล่าวผ่านเครือข่าย GPRS นานถึง 2-3 นาที ยิ่งกว่านั้นในกรณีของการดาวน์โหลดข้อมูลผ่านเครือข่าย GSM ซึ่งรองรับการสื่อสารข้อมูลได้ด้วยอัตราเร็วสูงสุดเพียง 9.6 กิโลบิตต่อวินาที อีกทั้งยังเป็นการสื่อสารแบบสวิทช์วงจร ก็จะต้องใช้เวลานานถึงเกือบ 1 ชั่วโมง ทำให้มองเห็นได้ชัดเจนว่า ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ EDGE สามารถใช้ประโยชน์จากขีดความสามารถของเครือข่ายในการเพิ่มรายได้ให้กับตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอบริการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง เช่น การรับส่งสัญญาณวิดีโอ ฯลฯ ไปจนถึงการแบ่งสรรทรัพยากรช่องสื่อสารอัตราเร็วสูงดังกล่าวให้กับผู้ใช้บริการหลาย ๆ รายได้ใช้งานร่วมกัน โดยผู้ใช้บริการแต่ละรายอาจไม่ต้องการความเร็วในการสื่อสารข้อมูลมากนัก ซึ่งอาจเป็นการรับส่งอีเมล, การเข้าชมเว็บไซด์ หรือการรับส่งไฟล์รูปภาพต่าง ๆ ฯลฯ



รูปที่ 6 เปรียบเทียบประสิทธิผลในการให้บริการรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายชนิดต่าง ๆ จะเห็นว่า
ทั้งมาตรฐาน W-CDMA, EDGE และ cdma2000 มีความสามารถที่เท่าเทียมกัน


กลับขึ้นด้านบน - TOP
 

 

  แนวทางการให้บริการเทคโนโลยี EDGE

ในการพัฒนาเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ GSM ให้มีความสามารถในการสื่อสารข้อมูลอัตราเร็วสูง มีความชัดเจน และมีความเป็นไปได้ในแง่การลงทุนมากขึ้น แนวคิดในการวางแผนการตลาด เพื่อประชาสัมพันธ์และจูงใจผู้ใช้บริการ ให้หันมานิยมการสื่อสารข้อมูลผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่มากขึ้น ก็มีความชัดเจนยิ่งขึ้น รูปที่ 7 เป็นตัวอย่างแนวคิดในการเปิดให้บริการแบบ Non-voice รูปแบบต่าง ๆ โดยพิจารณาให้เหมาะสมกับลำดับขั้นตอนของการพัฒนาเครือข่าย โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้



รูปที่ 7 การเปิดให้บริการรูปแบบใหม่ ๆ ที่สัมพันธ์กับขีดความสามารถของเครือข่ายในแต่ละขั้นตอน


- เครือข่าย GPRS : สามารถเปิดให้บริการรับส่งอีเมล, การอ่านและเขียนฐานข้อมูล ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานภายในกลุ่มพนักงานขององค์กรต่าง ๆ และยังสามารถรองรับการทำธุรกรรมและพาณิชย์อิเล็คทรอนิคส์ต่าง ๆ ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่

- เครือข่าย EDGE : ด้วยอัตราเร็วในการสื่อสารข้อมูลที่สูงขึ้น ผู้ให้บริการเครือข่ายจึงสามารถให้บริการรายงานข่าว, การรับส่งไฟล์รูปภาพและเสียงเพลง, พาณิชย์อิเล็คทรอนิคส์ที่มีสีสันมากขึ้น ไปจนถึงการเปิดให้บริการสนทนาโทรศัพท์แบบเห็นหน้ากัน (Video Telephony)

- เครือข่าย UMTS : สามารถให้บริการต่าง ๆ ตามที่กล่าวถึงข้างต้น และยังสามารถเพิ่มบริการประชุมแบบเห็นหน้ากันได้อีก


สิ่งที่กลายเป็นประเด็นสำคัญ ต่อการผลักดันเทคโนโลยี EDGE ให้เป็นทางเลือกในการให้บริการสื่อสารข้อมูลอัตราเร็วสูงผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ ประเด็นหนึ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือความพร้อมของเครื่องลูกข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ EDGE ซึ่งคาดกันว่าภายในช่วงกลางปี พ.ศ. 2546 นี้ จะมีเครื่องลูกข่าย GSM/GPRS/EDGE แบบ Triple Band ที่รองรับความถี่ 850, 1800 และ 1900 เมกกะเฮิตรซ์ออกจำหน่ายเป็นจำนวนมากในท้องตลาด สาเหตุที่ต้องเป็นความถี่ 850 เมกกะเฮิตรซ์ก็เพราะสหรัฐอเมริกา ซึ่งวางเครือข่าย GSM ในช่วงความถี่ดังกล่าว จะเป็นตลาดหลักตลาดแรกของเครื่องลูกข่ายประเภทนี้ สำหรับเครื่องลูกข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ GSM/GPRS/EDGE แบบ Triple Band ที่ใช้งานกับความถี่ 900, 1800 และ 1900 เมกกะเฮิตรซ์ จะมีการวางจำหน่ายเป็นจำนวนมากในท้องตลาด ภายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ และเป็นที่แน่นอนว่าเครื่องลูกข่ายแบบ Triple Band ในลักษณะนี้ก็จะกลายเป็นมาตรฐานหลักภายในท้องตลาด แทนที่โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบ Dual Band ที่มีการวางจำหน่ายในปัจจุบัน สรุปว่าปัญหาในเรื่องความพร้อมของเครื่องลูกข่ายย่อมจะหมดไปก่อนสิ้นปี พ.ศ. 2546 นี้อย่างแน่นอน



รูปที่ 8 การทำงานร่วมกันระหว่างเครือข่าย UMTS และเครือข่าย GSM/GPRS/EDGE


ประเด็นต่อไปซึ่งแม้จะไม่มีความสลักสำคัญต่อการพิจารณามากนัก แต่ก็มีบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ GSM/GPRS หลายรายให้ความกังวลสงสัยอยู่ นั่นคือข้อสงสัยที่ว่าหากบรรดาบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายตัดสินใจพัฒนาเครือข่ายของตนให้รองรับเทคโนโลยี EDGE แล้ว เมื่อมีโอกาสที่จะก้าวไปสู่เครือข่าย UMTS ในอนาคต การลงทุนพัฒนาเครือข่าย EDGE ซึ่งกระทำไปก่อนหน้านี้จะมีปัญหาต่อการให้บริการ UMTS หรือไม่ และจะมีผลกระทบต่อผู้ใช้บริการรายเดิมมากน้อยเพียงใด คำตอบในเรื่องนี้สามารถอธิบายได้ด้วยรูปที่ 8 ซึ่งเป็นการแสดงมาตรฐานการทำงานร่วมกันระหว่างเครือข่าย EDGE กับ UMTS โดยสิ่งที่เป็นข้อกำหนดตายตัวก็คือ เครือข่ายหลัก หรือ Core Network ซึ่งประกอบไปด้วยชุมสายโทรศัพท์เคลื่อนที่ กับอุปกรณ์ SGSN และ GGSN นั้นสามารถได้รับการพัฒนาให้รองรับการเชื่อมต่อได้ทั้งกับเครือข่ายสถานีฐาน GSM/GPRS/EDGE และเครือข่าย UTRAN ในกรณีของมาตรฐาน UMTS ดังนั้นเผู้ให้บริการเครือข่ายจึงมีการลงทุนสร้างเฉพาะเครือข่าย UTRAN ขึ้นใหม่เท่านั้น โดยอุปกรณ์เครือข่ายหลักจะสามารถให้รองรับผู้ใช้บริการทั้งที่เป็นกลุ่ม GSM และกลุ่ม UMTS ได้โดยไม่มีผลกระทบซึ่งกันและกัน

เมื่อพิจารณาถึงเครื่องลูกข่ายโทรศัพท์ในอนาคต ที่มีแนวโน้มจะเป็นเครื่องแบบ Dual Mode ซึ่งรองรับการติดต่อสื่อสารทั้งเครือข่าย W-CDMA กับ GSM/GPRS/EDGE ก็จะกลายเป็นจุดดึงดูดความสนใจของผู้ให้บริการเครือข่าย ทั้งนี้เนื่องจากตามข้อกำหนดมาตรฐานของหน่วยงาน 3GPP (3rd Generation Partnership Program) ซึ่งเป็นผู้วางข้อกำหนดโทรศัพท์เคลื่อนที่ UMTS กำหนดไว้ว่าเครือข่าย UTRAN จะต้องสามารถเชื่อมต่อกับเครือข่าย GERAN (GPRS/EDGE Radio Access Network) เพื่อให้มีบริการใช้งานข้ามเครือข่ายโดยอัตโนมัติ (Automatic Network Roaming) ระหว่างเครือข่าย UMTS กับ เครือข่าย GSM/GPRS/EDGE ได้ หากเครื่องลูกข่ายนั้น ๆ มีความสามารถในการทำงานแบบ Dual Mode ตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น

สิ่งที่ผู้เขียนได้กล่าวมาจนถึงจุดนี้ คงจะทำให้ผู้อ่านเห็นภาพของเทคโนโลยี EDGE และแนวทางในการพัฒนาเครือข่าย GSM/GPRS เข้าสู่ยุค 3G ได้อย่างชัดเจนขึ้น ในปัจจุบัน EDGE กลายเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงอย่างมาก ในฐานะของตัวแทนในการนำพาเครือข่าย 2G และ 2.5G เข้าสู่ยุค 3G พร้อม ๆ กับการสร้างข้อเสนอที่น่าสนใจซึ่งยากจะปฏิเสธ ให้กับผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ GSM ทั่วโลก สำหรับการเปิดโลกการสื่อสารข้อมูลผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ ร่วมกับเทคโนโลยี Mobile Data Business ประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น WAP (Wireless Application Protocol), Video Streaming, Payment, J2ME (Java 2nd Micro Edition) ฯลฯ โดยบริษัทผู้ให้บริการมีต้นทุนในการพัฒนาเครือข่ายต่ำมาก ในขณะที่ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อเครื่องลูกข่ายซึ่งน่าจะความหลากหลายและราคาไม่แพงมาก สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ถือเป็นกุญแจสำคัญต่อการสร้างรายได้ประเภท Non-voice ให้กับบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายและพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อทดแทน ARPU ของการให้บริการสื่อสารทางเสียงที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน

กลับขึ้นด้านบน - TOP  

 

  วิเคราะห์อนาคตเทคโนโลยี EDGE ในประเทศไทย

ผู้เขียนขอปิดท้ายบทความเรื่องนี้ ด้วยการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของบรรดาผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ตระกูล GSM ในประเทศไทย กับทิศทางในการพัฒนาเครือข่ายเข้าสู่เทคโนโลยี EDGE โดยในปัจจุบัน บริการแบบ Non-voice ที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้บริการ ก็คือการดาวน์โหลดเสียงเพลงเรียกเข้า (Ringtone) และการส่งรูปภาพหากันระหว่างผู้ใช้บริการ (Picture Messaging) รองลงมาคือการส่งรูปภาพที่เป็น Screen Saver และการดาวน์โหลดโลโก้หน้าจอ ทั้งนี้ไม่นับรวมถึงการส่งข้อความ SMS ทั่ว ๆ ไปหากัน ข้อมูลเหล่านี้ทำให้สามารถคาดคะเนได้ว่า การพัฒนาบริการและแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ สำหรับผลักดันให้ธุรกิจการสื่อสารข้อมูลแบบ Non-voice เติบโตขึ้น น่าจะมุ่งเน้นไปที่กิจกรรมด้านความบันเทิง (Entertainment) และกิจกรรมที่เกี่ยวกับการสร้างสังคม (Community) เป็นสำคัญ

ผู้ให้บริการระบบเครือข่าย
เทคโนโลยี
ความถี่ 3G การพัฒนาเครือข่ายสู่ GPRS และ EDGE
แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส
- AIS
GSM900
GSM1800
ความถี่ 900 และ 1800 MHz ต้องประมูลความถี่ 3G มีเครือข่าย GPRS ในกรุงเทพและจังหวัดสำคัญ
สามารถเข้าสู่ยุค EDGE ได้ทันที
โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิชั่น
- DTAC
GSM1800
มีเฉพาะความถี่ 1800 MHz ต้องประมูลความถี่ 3G มีเครือข่าย GPRS ในกรุงเทพและจังหวัดสำคัญ
สามารถเข้าสู่ยุค EDGE ได้ทันที
ทีเอ-ออเรนจ์ - ORANGE
GSM1800
มีเฉพาะความถี่ 1800 MHz ต้องประมูลความถี่ 3G มีเครือข่าย GPRS ในกรุงเทพและจังหวัดสำคัญ
สามารถเข้าสู่ยุค EDGE ได้ทันที
กิจการร่วมค้าไทยโมบาย
- THAI MOBILE
GSM1900
ได้รับสิทธิ์อยู่แล้ว สร้างเครือข่าย UMTS แบบ W-CDMA ได้ทันที มีเฉพาะ GSM แต่สามารถเข้าสู่ยุค EDGE ได้ทันที
โดยลงทุนสร้างเครือข่ายหลักของ GPRS เพิ่มเท่านั้น

ตารางที่ 1 สถานภาพของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ GSM แต่ละรายในประเทศไทย


เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ผู้อ่านก็ย่อมจะมองเห็นแนวทางในการตัดสินใจพัฒนาเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ GSM ของผู้ให้บริการเครือข่ายแต่ละราย ซึ่งพฤติกรรมของผู้ใช้บริการก็ไม่น่าจะแตกต่างจากในกรณีของ AIS มากนัก ให้รองรับเทคโนโลยี EDGE แม้จะเป็นการเสี่ยงลงทุนโดยไม่ยังไม่มั่นใจในผลตอบรับของผู้ใช้บริการนัก แต่ก็เป็นการเสี่ยงที่มีต้นทุนต่ำมาก จึงน่าจะเป็นไปได้มากว่าภายในปี พ.ศ. 2546 ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทย คงจะได้รับทราบการประชาสัมพันธ์ของบรรดาผู้ให้บริการรายต่าง ๆ เกี่ยวกับการก้าวเข้าสู่ยุคของ EDGE มากขึ้น เมื่อพิจารณาถึงสถานภาพของผู้ประกอบการแต่ละรายในประเทศไทย ดังแสดงในตารางที่ 1 ร่วมกับนโยบายการจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุของภาครัฐ ซึ่งยังคงไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ในปัจจุบัน ก็จะเข้าใจได้ชัดเจนขึ้นว่า บรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายแต่ละรายน่าจะให้ความสนใจกับการพัฒนาเครือข่ายไปสู่เทคโนโลยี EDGE แทนที่จะรอคอยเวลาประมูลคลื่นความถี่ย่าน 2,000 เมกกะเฮิตรซ์ สำหรับให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ UMTS

จากกรณีของกิจการร่วมค้าไทยโมบาย ซึ่งเกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่างบริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับการสื่อสารแห่งประเทศไทย ได้รับสิทธิในการใช้งานคลื่นความถี่วิทยุทั้งย่าน 1900 เมกกะเฮิตรซ์และ 2000 เมกกะเฮิตรซ์บางช่วง ตั้งแต่ พ.ศ. 2543 ปัจจุบันเปิดให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ GSM 1900 เมกกะเฮิตรซ์ และมีการวางแผนขยายเครือข่ายเพื่อให้รองรับจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มสูงขึ้น ถือเป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวที่มีความได้เปรียบ ในแง่ของการมีทางเลือกสำหรับก้าวสู่ยุค 3G ได้ทั้งการเข้าสู่เทคโนโลยี EDGE ก่อนเช่นเดียวกับคู่แข่งขันรายอื่น ๆ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในเรื่องของบริการและแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ จวบจนเมื่อมีความพร้อมทั้งในแง่ของฐานลูกค้าผู้ใช้บริการ และความพร้อมในการดำเนินธุรกิจ Mobile Data Business ดีพอแล้ว ก็จะสามารถขยับตัวไปสู่เทคโนโลยี UMTS แบบ W-CDMA โดยใช้สิทธิ์ในการใช้งานคลื่นความถี่วิทยุตามที่ได้รับมอบมาอย่างเหมาะสม หรือมิฉะนั้นกิจการร่วมค้าไทยโมบายก็สามารถก้าวไปสู่การให้บริการเครือข่าย UMTS โดยตรง ทางเลือกต่างๆ เหล่านี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณและการวางแผนทางกลยุทธ์ของไทยโมบายเป็นสำคัญ

ผู้เขียนขอฝากมุมมองต่อภาพของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ไทยไว้แต่เพียงเท่านี้ พบกันใหม่ในโอกาสหน้าีครับ...


Pairoj.com
ไพโรจน์ ไววานิชกิจ
wpairoj@chula.com

ร่วมแสดงความเห็น มือถือไทย ... อดีต ปัจจุบัน กับพัฒนาการสู่อนาคต


กลับหน้า 1 สภาวะการแข่งขันในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่


 

ด้วยความปรารถนาดี จาก

กลับหน้าแรก สยามโฟน ดอท คอม


 


MOBILEMAG : ทุกสาระบันเทิงที่ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือต้องการ