สมาร์ทโฟนแบรนด์ Infinix เป็นแบรนด์ที่ไม่ได้มาเล่นๆ แล้ว พวกเขายกระดับตัวเองสู่แบรนด์สากล สร้างความมั่นใจและน่าเชื่อถือให้กับผู้ใช้งาน โดยมีการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสม่ำเสมอ พร้อมให้คุณสัมผัสได้ชัดเจน ผ่านการลงมือทำกับสมาร์ทโฟนในหลายๆ รุ่น อย่างที่เห็นในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่นี้ คือ "Infinix GT 20 Pro 5G" เพราะชวนให้หลงใหลตั้งแต่การดีไซน์ตัวเครื่อง, จุดเด่นและสเปค รวมถึงความคุ้มค่า ที่สำคัญสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าว ได้กลายเป็นอุปกรณ์เล่นเกมด้วย ด้วยการเป็น Official Gaming Phone ในโปรลีกนานาประเทศ อาทิ MPL Philippines, MAL Malaysia, MDL Indonesia, MEP Myanmar, PUBG MOBILE SUPER LEAGUE, PMSL PUBG Southeast ASIA หรือ RoV RPL 2024 Winter Pro League
ความคุ้มค่านอกจากอุปกรณ์ภายในกล่องที่ให้มาอย่างครบครันแล้ว เมื่อคุณซื้อรับฟรีไปเลยของแถมมูลค่า 1,599 บาท (Game Power Gift Boxset) ในกล่องประกอบด้วยหูฟังไร้สายกับพัดลมระบายความร้อน Phone Cooling
สั่งซื้อออนไลน์ พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ
ความเร็วแรงยืนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เกมไหนก็มา พร้อมลุยทุกเกม
สมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวมีชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8200 ULTIMATE พัฒนามาโดยเฉพาะสำหรับรุ่นนี้ ไม่ต้องกังวลเลยเรื่องประสิทธิภาพ พร้อมลุยกับคุณได้ทุกเกมแน่นอน ทำงานร่วมกับชิปเซ็ตประมวลผลกราฟิกแยก X5 Turbo อีกต่างหาก ทำให้เฟรมเรทไม่มีตก ภาพสวยสด ลื่นไหลอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็นชิปเซ็ตที่พัฒนาโดย Pixelworks
ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8200 ULTIMATE ประสิทธิภาพดีกว่าชิปเซ็ตพลังมังกรอีกนะ
ถ้าใครไม่มั่นใจว่าจะสู้ชิปเซ็ตพลังมังกรได้ไหม โดยประสิทธิภาพดีกว่ามาก เมื่อเปรียบเทียบกับ Snapdragon 7s Gen 2 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตใหม่ล่าสุดเช่นกัน
หลักการทำงานของชิปเซ็ตประมวลผลกราฟิกแยก คืออะไร ?
สมาร์ทโฟนทั่วไปประมวลผลกราฟิกจากชิปเซ็ต บางครั้งเมื่อเจอการประมวลผลกราฟิกหนักๆ จะเกิดอาการภาพค้าง ภาพกระตุก หรือหน่วงล่าช้าเพราะประมวลผลไม่ทัน แต่ "Infinix GT 20 Pro 5G" มีสองขั้นตอนประมวลผล คือ ขั้นตอนแรกจากชิปเซ็ต ต่อมาประมวลผลกราฟิกจากชิปเซ็ตแยกในขั้นตอนที่สองแล้วจึงแสดงผลผ่านหน้าจอ ไม่ว่าจะมีข้อผิดพลาดใด อย่างน้อยมีชิปเซ็ตกราฟิกแยกในขั้นตอนที่สองคอยตรวจสอบอยู่เสมอ ภาพที่ได้จึงลื่นไหลเป็นธรรมชาติ
ใช้งานลื่นไหลต่อเนื่องหายห่วง ด้วยระบบระบายความร้อนแบบใหม่
Infinix ให้ชื่อเรียกระบบนี้ว่า "Vapor Chamber Liquid Cooling" ที่มีเลเยอร์ต่างๆ ครอบคลุมฮาร์ดแวร์เกือบทั้งหมด จึงระบบความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทนต่อความร้อนแฝงได้ดี และถ้ามีอุณหภูมิสูงมากสสารของแข็งจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นของเหลว เพื่อดูดซับอุณหภูมิได้ดียิ่งขึ้น
เพิ่มมิติใหม่ของการเล่นเกม เสมือนคุณกำลังเล่นเครื่องเล่นอยู่เลย
ด้วยเซนเซอร์ประเภทพิเศษ Gyroscore Environment จับการเคลื่อนไหวรอบด้าน จึงเป็นที่มีที่คุณไม่ต้องไปกดปุ่มใดๆ บนหน้าจอเพื่อควบคุมอีกแล้ว แค่ใช้ลักษณะท่าทางในการควบคุมก็เล่นเกมได้เพลินกว่าเดิม อีกทั้งมีมอเตอร์สั่นสะเทือน X-axis เพิ่มอรรถรสมากยิ่งขึ้น
หน้าจอประสิทธิภาพสูง Born to be Gaming Phone
การออกแบบหน้าจอให้มีขอบจอที่บางมาก มีหน้าจอใหญ่ ในขณะที่ตัวเครื่องไม่ได้เทอะทะ มีหน้าจอประเภท AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว อัตรารีเฟรชเรท 144Hz อัตราการตอบสนองทัชสกรีน 360Hz เมื่ออยู่ในโหมดเกมจะเพิ่มความเร็วการตอบสนองต่อการทัชสกรีนมากขึ้นเป็น 1500Hz พร้อมมาตรฐานความเที่ยงตรงของสีสัน DCI P3 100% และเทคโนโลยีปรับความสว่างหน้าจอให้เหมาะสม PWD Diming 2304Hz กับมาตรฐานการรันตีความปลอดภัยจากแสงสีฟ้า
พระเอกตัวจริง เสียงคมชัด ติดยศ MVP กันไปเลย
ถ้าคุณลองใช้งานแล้วจะชื่นชอบ โดยแบรนด์ JBL ได้มากำกับมาตรฐานช่องลำโพงสเตอริโอของตัวเครื่อง นอกจากนี้เสียงไร้สาย เช่น การเชื่อมต่อหูฟัง สามารถเปิดโหมด DTS Sound เพื่อฟังเสียงรอบทิศทางได้ด้วย
ใช้งานยาวๆ พร้อมระบบเชื่อมต่อครบครัน
มีแพลตฟอร์มระบบปฏิบัติการ XOS 14 บนพื้นฐาน Android 14 การใช้งานก็คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น เพราะ Infinix บอกว่ารุ่นดังกล่าวอัปเดต OS ได้นาน 2 ปี พร้อมอัปเดตแพทช์ความปลอดภัยนาน 3 ปี ระบบเชื่อมต่อครบครัน อาทิ 5G, Dual 4G VoLTE, WiFi 6, NFC, Android Auto, Apple CarPlay, Blutooth 5.3 เป็นต้น
ฟีเจอร์ชาร์จเร็ว 45 วัตต์ แต่ประเภทการชาร์จที่มีประสิทธิภาพกว่าโหมดชาร์จทั่วไป เรียกว่า Hyper Charge Mode ที่ผ่านการรองรับมาตรฐานสากล PD 3.0 ส่วนในกล่องแถมอะแดปเตอร์มาด้วยนะ! ไม่ต้องหาซื้อเพิ่มเลย
โหมดเกมแบบใหม่ที่เรียกว่า Esports Mode
Infinix บอกว่าจะไม่มีอะไรมารบกวนการเล่นเกมของคุณเลย (Zero Disruption) ทรัพยากรภายในเครื่อง รวมถึงการแจ้งเตือนต่างๆ สามารถควบคุมการใช้งานได้เอง เลือกที่ต้องการได้ หรือจะให้ AI ทำหน้าที่อัตโนมัติก็ได้เช่นกัน เพื่อมอบประสบการณ์การเล่นเกมสูงสุด
Dynamic Bar
สมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าว Dynamic Bar เป็นแถบลูกเล่นบริเวณกล้องหน้าใช้ในการแสดงข้อมูลสำคัญและการเตือนต่างๆ เช่น การปลดล็อคใบหน้า , การโทร , เครื่องบันทึกเสียง , การชาร์จ
กล้องดิจิตอลเป็นอย่างไร
Infinix GT 20 Pro 5G มาพร้อมกล้องหลังความละเอียดสูง 108 ล้านพิกเซลทำให้ภาพคมชัดแม้ในที่แสงน้อย เซนเซอร์ Samsung HM6 มุมมองถ่ายภาพ 83.63 องศา ประกอบด้วยชิ้นเลนส์ 6 ชิ้น มาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS และ EIS เพื่อให้ภาพและวิดีโอไม่สั่นขณะถ่าย นอกจากมีฟีเจอร์ซูม 3 เท่าทำให้คุณได้ภาพความละเอียดสูงแม้ในระยะไกล และมีเลนส์ Macro กับ Depth อย่างละเลนส์ มีความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
โหมดถ่ายภาพอื่นๆ ที่น่าสนใจ อาทิ ....
เริ่มจากกล่องแพ็กเกจของสมาร์ทโฟน Infinix GT 20 Pro 5G มาในธีมสีดำเข้มสุดเท่ ลวดลายสไตล์ Mecha เพิ่มกลิ่นอายความหรูหรา พรีเมียม สร้างความแตกต่างจากรุ่นทั่วไปในช่วงราคาเดียวกันอย่างชัดเจน แสดงความความปราณีตและเก็บรายละเอียด เข้ากันอย่างลงตัว
เพิ่มเติมจากอุปกรณ์ภายในกล่องที่ครบครันมากๆ แล้ว คือ คุ้มค่าแล้วถ้าซื้อมาใช้งาน ไฮไลท์อยู่ที่เคสที่แถมมาให้ในกล่อง แต่ละจุดที่เป็นช่องว่างของเคส สามารถแสดงแสงไฟ LED ได้ชัดเจน ส่วนโมดูลกล้อง ความน่าสนใจอีกอย่าง คือ เมื่อใส่เคสที่แถมมาให้ในกล่อง โมดูลกล้องไม่ยื่นออกมาเลย แตกต่างจากเคสอื่นๆ ที่บางครั้งโมดูลกล้องยังยื่นออกมานอกตัวเคส ก็เป็นอีกจุดที่ช่วยปกป้องเลนส์กล้องไม่ให้เป็นรอยได้ แสดงถึงความใส่ใจและเก็บรายละเอียดอีกหนึ่งจุด
สมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวเรียกได้ว่า มีดีไซน์สุดเท่ ทางแบรนด์ให้คำนิยามว่า Cyber Mecha Design ภาษาไทยจะอ่านว่า "เมค่ะ" ซึ่งสไตล์ก็อย่างที่เห็นเลยออกแบบสไตล์สมาร์ทโฟนที่มาจากโลกอนาคตค่อนข้างไอคอนิก (Iconic) เป็นเอกลักษณ์ สำหรับเฉดสีตัวเครื่องมีให้เลือก 3 สไตล์ ซึ่งข้อแตกต่างจากรุ่นทั่วไปคือ จะเป็นสีหลายโทนเข้าด้วยกัน ต้องบอกว่าสวยงามมากๆ ไม่ใช่เป็นแบบสีพื้นทั่วไป มีให้เลือกทั้งแบบ Mecha Orange, Mecha Silver และ Mecha Blue
ด้านหลังตัวเครื่อง เมื่อคุณเลือกเฉดสีใด เมื่อไม่ได้เปิดฟีเจอร์ Mecha Loop Light จะเห็นเป็นโทนสีตัวเครื่องที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น คือ สีส้ม, สีเงิน และสีฟ้าอมน้ำเงิน ในวงแหวนตัว C ส่วนโมดูลกล้องก็จะโชว์สีนั้นๆ เลย ไม่มีลูกเล่นอะไร
กลับมาที่วงแหวนตัว C จะมีลูกเล่นซ่อนอยู่ คือ เมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์ Mecha Loop Light ในการใช้งานลักษณะต่างๆ ไฟ LED จะโชว์ในลักษณะที่เราตั้งค่าไว้ทั้งเฉดสีและเอฟเฟ็กต์ แบ่งเป็น 8 โทนเฉดสีกับเอฟเฟ็กต์ไฟ 4 สไตล์ แบ่งเป็น Breathe, Rhythm, Gradient และ Meteor
กล้องหลังแบ่งเป็น 3 เลนส์ มีความละเอียดสูงสุด 108 ล้านพิกเซล มาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวทั้ง OIS+EIS จึงช่วยให้คุณถ่ายภาพคมชัด สวยสมจริงมากยิ่งขึ้น ทำงานร่วมกับเลนส์ Macro กับ Depth อย่างละเลนส์ มีความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
สมาร์ทโฟน Infinix GT 20 Pro 5G มีขนาดตัวเครื่อง 164.26 x 75.43 x 8.15 มม. น้ำหนัก 194 กรัม มาพร้อมคุณสมบัติป้องกันน้ำป้องกันฝุ่น IP54 หน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 2436 x 1080 พิกเซล อัตรารีเฟรชเรท 144Hz แต่การันตีการแสดงผลเมื่อเล่นโหมดเกม ROV สามารถรันเฟรมเรทสูงสุด 120Hz
ความน่าสนใจของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ สามารถใช้งานได้หลากหลายแบบ เพราะมีเซนเซอร์ครบถ้วนเลย อาทิ G-SENSOR, GYROSCOPE, E-COMPASS, LIGHT SENSOR และ PROXIMITY SENSOR เหนือหน้าจอมีเลนส์กล้องเซลฟี่ ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล มุมมองถ่ายภาพ 88.9 องศา ประกอบด้วยชุดเลนส์ 5 ชิ้น รูรับแสง f/2.2
ฝั่งขวาตัวเครื่อง Infinix GT 20 Pro 5G จะมีปุ่มควบคุม แบ่งเป็น ปุ่ม Power สำหรับล็อค/ปลดล็อค/เปิด-ปิดเครื่อง โดยสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชั่นกดปุ่ม Power เพื่อเรียกใช้งาน Google Assistant หรือกดปุ่ม Power พร้อมปุ่มลดเสียง เพื่อแคปหน้าจอ ตามการตั้งค่า
ด้านบนตัวเครื่องเติมเต็มความสวยงามมากยิ่งขึ้น มีสัญลักษณ์ Sound By JBL กำกับไว้อยู่ ช่วยเพิ่มความพรีเมียม โดยจะมีช่องลำโพง, ช่องยิงคลื่นอินฟราเรด สำหรับควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า ถัดไปเป็นรูไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน
ด้านล่างตัวเครื่องมีรูไมโครโฟนรับเสียงสนทนา, ช่องลำโพง และพอร์ต USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือถ่ายโอนข้อมูล รวมถึงถาดซิมการ์ดประเภท Dual 5G SIM Standby
อุปกรณ์ภายในกล่อง
ราคาและการวางจำหน่าย
Infinix GT 20 Pro 5G มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Mecha Blue , Mecha Orange และ Mecha Silver มาพร้อมความจุ 12GB + 256GB วางจำหน่ายในราคา 12,999 บาท สามารถหาซื้อได้ตั้งวันที่ 27 มิถุนายน ทาง Shopee , Lazada , Tiktok Shop , Banana , Jaymart , iT City , TG Fone และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ
สรุปสเปคเบื้องต้น Infinix GT 20 Pro 5G
หน้าจอหลักและหน้าเมนูการใช้งาน
เมนูทางลัดการใช้งานด่วน
เรียกใช้งานด้วยการปัดลงมาจากหน้าจอด้านบน การปัดครั้งแรกจะเป็นเมนูที่จำเป็นต่อการใช้งานเท่านั้น เช่น WiFi, Bluetooth, ไฟฉาย, โหมดประหยัดพลังงาน เป็นต้น หากเลื่อนปัดสองครั้งจะรวมเมนูทางลัดด่วนทั้งหมด และคุณก็เลือกได้ว่าจะให้เมนูใดอยู่ตรงไหน แค่กดปุ่มแก้ไข
การเปิดปุ่มควบคุม
ให้คุณควบคุมการใช้งานได้สะดวกตามต้องการ แบ่งเป็น ใช้ท่าทางในการสัมผัส, ปุ่ม 3 ปุ่ม คือ ย้อนกลับ | Home | แอปพลิเคชั่นล่าสุด
การแสดงผล
เมนูสำหรับตั้งค่าการแสดงผลของหน้าจอ โดยสามารถปรับระดับความสว่าง, สี หรือเลือกโหมดการใช้งานได้ อาทิ โหมดอ่านทำให้โทนสีอุ่นขึ้น เพื่อความสบายตาในการใช้งาน และตั้งเวลาได้ด้วย นอกจากนี้ยังเปลี่ยนขนาดตัวอักษรภายในเครื่องได้ ถ้าใครต้องการตัวเล็ก ตัวใหญ่ก็เปลี่ยนในเมนูขนาดอักษรได้เลย รวมถึงการเปิดใช้งานแตะหน้าจอสองครั้งติดกันเพื่อปลุกหน้าจอ หรือเปิดใช้งานโหมดแสงทึบ, โหมดฟิลเตอร์แสงสีฟ้า, การซูมหน้าจอ เป็นต้น
การเลือกธีม/วอลเปเปอร์/ไอคอน
ปรับแต่งอินเทอร์เฟชสมาร์ทโฟนของคุณให้มีความหลากหลาย จะเท่ จะน่ารัก หรือจะแบบสบายตา ก็ปรับแต่งได้ดั่งใจ มีทั้งแบบเสียเงินกับฟรี ก็ไม่มีทางจำเจเลยละ
การโคลนแอปพลิเคชั่น
เลือกใช้ได้สองบัญชี เพื่อสลับเปลี่ยนระหว่าง User ส่วนตัว หรือ User สำหรับการทำงานได้ง่าย ๆ ในตัวเครื่อง ไม่ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นอื่นเพิ่มเติมให้ยุ่งยาก
วิธีใช้งานฟีเจอร์ Mecha Loop Light
ต้องเข้าไปในการตั้งค่า เลือกหัวข้อ "รัศมีเกราะหุ่นยนต์" เป็นรายละเอียดที่คุณสามารถเลือกได้ว่าต้องการให้แสงไฟ LED ด้านหลังตัวเครื่องแสดงผลในลักษณะใดบ้าง เช่น สายโทรเข้า, การแจ้งเตือน, กำลังชาร์จแบตเตอรี่ หรือเล่นเพลง
รีวิวโทรศัพท์มือถือ Infinix GT 20 Pro 5G
ขอขอบคุณ : Infinix Thailand
จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท