Infinix NOTE 40 PRO+ 5G สมาร์ทโฟนพรีเมียมที่พร้อมเขย่าตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทย ต้องบอกว่าดีไซน์สวยมาก โดยเฉพาะสีเขียวเหนี่ยวทรัพย์ Vintage Green ด้านหลังเป็นหนังสังเคราะห์ตัดด้วยเฉดสีทอง เพิ่มความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น ทั้งมีจุดเด่นจัดเต็ม สเปคเร็วแรง หายห่วงทุกการใช้งาน ไฮไลท์น่าสนใจ คือ วงแหวนกลมไฟ LED ด้านหลังตัวเครื่อง มีฟีเจอร์ Active Halo AI lighting จะแสดงแสงสีในแต่ละลักษณะการใช้งาน นอกจากนี้การใช้งานก็คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น เพราะ Infinix บอกว่ารุ่นดังกล่าวอัปเดต OS ได้นาน 2 ปี พร้อมอัปเดตแพทช์ความปลอดภัยนาน 3 ปี ด้านความบันเทิงก็สามารถรับชมอย่างเพลิดเพลินด้วยหน้าจอประสิทธิภาพสูง กับลำโพงสเตอริโอมาตรฐานเสียงจาก JBL นอกจากจุดเด่นและสเปคจัดหนักจัดเต็มแล้ว ด้านอุปกรณ์ภายในกล่องที่แถมมาให้ก็เลิศเช่นกัน มาครบถ้วนเลยทั้ง สายชาร์จ USB Type-C, อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 100 วัตต์ และ Wireless MagChargeความเร็ว 20 วัตต์ เรียกได้ว่าซื้อมาแล้ว ไม่ต้องไปหาซื้ออุปกรณ์อื่นเพิ่มเติมเลย
Infinix NOTE 40 PRO+ 5G วางจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการแล้วที่ร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ ผ่านร้านค้าตัวแทนได้ที่ BaNANA, Jaymart,TG, IT CITY และ CSC มีให้เลือก 2 เฉดสี ได้แก่เขียวหนังวีแกน Vintage Green และสีดำ Obsidian Black ราคา 11,999 บาท พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ 450 คำสั่งซื้อแรกรับฟรี Magcase, Magpad และ Premium Gift box มูลค่า 3,198 บาท
Infinix NOTE 40 PRO+ 5G หน้าจอแสดงผลมีขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว มีขอบโค้งเล็กน้อย อัตรารีเฟรชเรท 120Hz อัตราการตอบสนองทัชสกรีน 1500Hz พร้อมมาตรฐานการแสดงเฉดสีมากกว่า 10 ล้านสี ในระดับ DCI-P3 100% และมีอัตราการกะพริบหน้าจอ 2160 PWM Dimming ช่วยให้ถนอมสายตามากยิ่งขึ้นเมื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมแสงน้อย โดยมีความสว่างหน้าจอ 1300nits เรียกได้ว่าการแสดงผลจัดเต็มทุกคอนเทนต์ สีสวยสดสมจริง
นอกจากนี้ภายในกล่องยังแถมกระจกนิรภัย Tempered Glass สามารถใช้ติดกับหน้าจอได้เลย เรียกได้ว่าพร้อมใช้งาน ไม่ต้องไปหาซื้ออุปกรณ์อื่นเพิ่ม
Active Halo AI lighting จะเป็นแสงไฟ LED แสดงสีสันแตกต่างกันไปตามลักษณะการใช้งาน อาทิ การแจ้งเตือน, เล่นเกม, เพลง, คำสั่งเสียง หรือชาร์จแบตเตอรี่ เป็นต้น โดยตำแหน่งแสดงแสงไฟจะอยู่ที่วงแหวนไฟ LED ของโมดูลกล้อง
ดีไซน์ Infinix NOTE 40 PRO+ 5G พรีเมียมมากยิ่งขึ้น ด้านหน้าจอมีการครอบทับกระจก Corning Gorilla Glass ตัวเครื่องมีความบาง ส่วนสีสันก็สวยงามน่าจับจองกับสองเฉดสี Vintage Green และ Obsidian Black ข้อแตกต่างของทั้งสองสีคือ สีเขียว Vintage Green จะเป็นวัสดุหนังสังเคราะห์ ส่วน Obsidian Black เป็นพื้นผิวด้าน
Infinix NOTE 40 PRO+ 5G ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Mediatek Dimensity 7020 สถาปัตยกรรมการผลิตชิปเซ็ต 6 นาโนเมตร มาพร้อม RAM 12GB และมีฟีเจอร์สร้าง RAM เสมือนสูงสุด 12GB เมื่อรวมกับสเปคตัวเครื่องสามารถมี RAM ได้มากถึง 24GB กับเทคโนโลยีพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน UFS 2.2 ความจุ 256GB โดยยังเพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้อีก 1TB มาพร้อมระบบเชื่อมต่อครบครัน อาทิ 5G, Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5.3, GPS/ GLONASS/ Beidou, USB Type-C, NFC เป็นต้น
Infinix NOTE 40 PRO+ 5G ไฮไลท์สำคัญของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เลย โดยมีชิปเซ็ต Infinix Cheetah X1 ทำหน้าที่ควบคุมกับมอนิเตอร์การชาร์จแบตเตอรี่โดยเฉพาะ ตั้งแต่ควบคุมกระแสไฟฟ้าผ่าน AI, ลดอุณหภูมิขณะชาร์จด้วยเทคนิคการชาร์จ Bypass Charging 2.0 ลดอุณหภูมิลงได้ประมาณ 4.5 องศาเซลเซียส และระบบความปลอดภัย เนื่องจากรองรับเทคโนโลยีชาร์จความเร็วสูงถึง 100 วัตต์
ฟีเจอร์ชาร์จเร็ว 100 วัตต์ ต้องบอกว่าเป็นสมาร์ทโฟนอีกรุ่นหนึ่งที่ชาร์จเร็วเอามากๆ ในเวลานี้เลย ไม่ต้องรอนาน แปปเดียวแบตเตอรี่ก็เต็มแล้ว นำเวลาไปทำอย่างอื่นได้สบายๆ เพราะมีความเร็วในการชาร์จมากถึง 100 วัตต์ ส่วนในกล่องแถมอะแดปเตอร์มาด้วยนะ! เคลมว่าชาร์จ 0%-50% ภายในระยะเวลา 12 นาที หรือชาร์จเพียง 5 นาที เคลมว่า เล่นเกมต่อได้อีกประมาณ 3 ชั่วโมง หรือดูคอนเทนต์วิดีโอเพิ่มขึ้นประมาณ 6 ชั่วโมง
นอกจากนี้สมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวแถมอุปกรณ์ MagCharge คือ คุณสามารถนำอุปกรณ์อื่นมาชาร์จแบตเตอรี่ได้ด้วยที่ความเร็ว 20 วัตต์ เรียกได้ว่าเหมือนมีแบตเตอรี่สำรองพกพาไปในตัว หรือจะสายชาร์จแบบปกติก็ได้เช่นกัน ด้วยฟีเจอร์ Reverse Charge
Infinix NOTE 40 PRO+ 5G ใช้งานได้ต่อเนื่อง แม้โหลดมากแค่ไหน เพราะมีแผ่นระบายความร้อนมากถึง 11 เลเยอร์ เกือบครอบคลุมพื้นที่หน่วยประมวลผลทั้งหมด จึงช่วยระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากประสิทธิภาพในห้องทดลอง พบว่าลดอุณหภูมิโดยรวมลงอีก 7 องศาเซลเซียส
ความบันเทิงที่มีอรรถรส โดยสมาร์ทโฟน Infinix NOTE 40 PRO+ 5G มีลำโพงสเตอริโอที่ได้ JBL มาดูแลกำกับ ทั้งมีโลโก้สุดเท่สลักไว้อีกด้วย เคลมว่า เสียงเบสจะหนักแน่นขึ้น ให้เสียงแบบ 360 ได้ นอกจากนี้มีมอเตอร์สั่นสะเทือนแบบ Wind-Band X-axis ให้ความรู้สึกแบบ 4D ตั้งค่าได้ 5 ลักษณะการสั่นสะเทือน
Infinix NOTE 40 PRO+ 5G มีคุณสมบัติป้องกันน้ำป้องกันฝุ่น IP53 เพื่อให้คุณสามารถใช้งานได้ทุกสถานการณ์ แม้เปียกชื้น นอกจากนี้ยังเป็นเหมือนรีโมทคอนโทรล โดยมีฟีเจอร์ IR Remote สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่รองรับได้ ในการควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า
Infinix NOTE 40 PRO+ 5G มาพร้อมกล้องหลังความละเอียดสูง 108 ล้านพิกเซลทำให้ภาพคมชัดแม้ในที่แสงน้อย อีกทั้งเลนส์สามารถรับแสงได้มากขึ้นถึง 10% กว่าเลนส์ทั่วไป มาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS และ EIS เพื่อให้ภาพและวิดีโอไม่สั่นขณะถ่าย นอกจากมีฟีเจอร์ซูม 3 เท่าทำให้คุณได้ภาพความละเอียดสูงแม้ในระยะไกล และมีเลนส์ Macro กับ Depth อย่างละเลนส์ มีความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
โหมดถ่ายภาพอื่นๆ ที่น่าสนใจ อาทิ ....
Infinix NOTE 40 PRO+ 5G ให้ความรู้สึกพรีเมียม หรูหรามากกว่า เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในช่วงราคาเดียวกัน โทนสีมีอัตลักษณ์ของแต่ละโทนสี และไม่มีรอยนิ้วมือเลย ขนาดตัวเครื่อง 164.28 x 74.5 x 8.09 มม. น้ำหนัก 196 กรัม
หน้าจอแสดงผลมีขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว มีขอบโค้งเล็กน้อยทำมุม 55 องศา อัตรารีเฟรชเรท 120Hz และอัตราการตอบสนองทัชสกรีน 1500Hz พร้อมมาตรฐานการแสดงเฉดสีมากกว่า 10 ล้านสี ในระดับ DCI-P3 100% และมีอัตราการกะพริบหน้าจอ 2160 PWM Dimming ช่วยให้ถนอมสายตามากยิ่งขึ้นเมื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมแสงน้อย โดยมีความสว่างหน้าจอ 1300nits ด้านล่างหน้าจอตรงกึ่งกลางหน้าจอ เป็นตำแหน่งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
เหนือหน้าจอ Infinix NOTE 40 PRO+ 5G มีเลนส์กล้องหน้าเซลฟี่แบบเจาะรูอยู่ตรงกลางหน้าจอ ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล และเหล่าเซนเซอร์ต่าง ๆ อาทิ LIGHT SENSOR และ PROXIMITY SENSOR เป็นต้น
ด้านบนตัวเครื่องมีช่องลำโพง และรูไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน พร้อมช่องยิงคลื่นอินฟราเรด นอกจากนี้จะเห็นโลโก้สลักว่า SOUND BY JBL
ฝั่งขวาตัวเครื่อง Infinix NOTE 40 PRO+ 5G จะมีปุ่มควบคุม แบ่งเป็น ปุ่ม Power สำหรับล็อค/ปลดล็อค/เปิด-ปิดเครื่อง และปุ่มเพิ่มเสียง/ลดเสียง โดยสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชั่นกดปุ่ม Power ติดต่อกันสองครั้งเพื่อเรียกใช้งานถ่ายภาพด่วน หรือกดปุ่ม Power พร้อมปุ่มลดเสียง เพื่อแคปหน้าจอ ตามการตั้งค่า
ด้านล่างตัวเครื่องมีรูไมโครโฟนรับเสียงสนทนา, ช่องลำโพง และพอร์ต USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือถ่ายโอนข้อมูล โดยน่าเสียดายที่ไม่มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร อีกทั้งมีโลโก้สลักว่า SOUND BY JBL
ด้านหลังตัวเครื่อง Infinix NOTE 40 PRO+ 5G ออกแบบใหม่ แต่คงแล้วแต่มุมมองเพราะโมดูลกล้องใหญ่และนูนมาก ออกมานอกพื้นผิวตัวเครื่องค่อนข้างเยอะ ทำให้ต้องระมัดระวังในการวางและจัดเก็บ เช่น ใส่กระเป๋า หรือใส่กระเป๋ากางเกง เพราะอาจขูดขีดเป็นรอย แต่นั่นคงเพราะเป็นเลนส์กล้องสามเลนส์ ความละเอียดสูงสุด 108 ล้านพิกเซล
อุปกรณ์ภายในกล่อง
สรุปสเปคเบื้องต้น Infinix NOTE 40 PRO+ 5G
หน้าจอหลักและหน้าเมนูการใช้งาน
เมนูทางลัดการใช้งานด่วน
เรียกใช้งานด้วยการปัดลงมาจากหน้าจอด้านบน การปัดครั้งแรกจะเป็นเมนูที่จำเป็นต่อการใช้งานเท่านั้น เช่น WiFi, Bluetooth, ไฟฉาย, โหมดประหยัดพลังงาน เป็นต้น หากเลื่อนปัดสองครั้งจะรวมเมนูทางลัดด่วนทั้งหมด และคุณก็เลือกได้ว่าจะให้เมนูใดอยู่ตรงไหน แค่กดปุ่มแก้ไข
การเปิดปุ่มควบคุม
ให้คุณควบคุมการใช้งานได้สะดวกตามต้องการ แบ่งเป็น ใช้ท่าทางในการสัมผัส, ปุ่ม 3 ปุ่ม คือ ย้อนกลับ | Home | แอปพลิเคชั่นล่าสุด
การแสดงผล
เมนูสำหรับตั้งค่าการแสดงผลของหน้าจอ โดยสามารถปรับระดับความสว่าง, สี หรือเลือกโหมดการใช้งานได้ อาทิ โหมดอ่านทำให้โทนสีอุ่นขึ้น เพื่อความสบายตาในการใช้งาน และตั้งเวลาได้ด้วย นอกจากนี้ยังเปลี่ยนขนาดตัวอักษรภายในเครื่องได้ ถ้าใครต้องการตัวเล็ก ตัวใหญ่ก็เปลี่ยนในเมนูขนาดอักษรได้เลย รวมถึงการเปิดใช้งานแตะหน้าจอสองครั้งติดกันเพื่อปลุกหน้าจอ หรือเปิดใช้งานโหมดแสงทึบ, โหมดฟิลเตอร์แสงสีฟ้า, การซูมหน้าจอ เป็นต้น
PHONE MASTER
ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนใหม่เสมอด้วยลูกเล่นการเคลียพื้นที่จัดเก็บข้อมูลภายใน, การตรวจสอบข้อมูลที่มีความสุ่งเสี่ยงต่อความเสียหายแก่สมาร์ทโฟนและข้อมูลส่วนตัว เป็นต้น
การเลือกธีม/วอลเปเปอร์/ไอคอน
ปรับแต่งอินเทอร์เฟชสมาร์ทโฟนของคุณให้มีความหลากหลาย จะเท่ จะน่ารัก หรือจะแบบสบายตา ก็ปรับแต่งได้ดั่งใจ มีทั้งแบบเสียเงินกับฟรี ก็ไม่มีทางจำเจเลยละ
การโคลนแอปพลิเคชั่น
เลือกใช้ได้สองบัญชี เพื่อสลับเปลี่ยนระหว่าง User ส่วนตัว หรือ User สำหรับการทำงานได้ง่าย ๆ ในตัวเครื่อง ไม่ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นอื่นเพิ่มเติมให้ยุ่งยาก
รีวิวโทรศัพท์มือถือ Infinix NOTE 40 PRO+ 5G
ขอขอบคุณ : Infinix Thailand
จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท