OPPO Reno11 F 5G นับเป็นน้องเล็กสุดของ OPPO Reno11 Series 5G แต่ความสวยงามและความสามารถ เรียกได้ว่าโดดเด่นไม่แพ้พี่ๆ ทั้ง 2 เลย เริ่มตั้งแต่ดีไซน์ขอบเหลี่ยมบางเบา เฉดสีใหม่ที่มีให้เลือกตามสไตล์ความชอบแบบฉ่ำๆ กล้องถ่ายคนอย่างโปร ความคมชัด 64MP ถ่ายแบบหน้าชัดหลังละลายชัดเจนทุกระยะ หน้าจอ AMOLED 120Hz มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP65 พร้อมลุยไปทุกสถานการณ์ และแบตเตอรี่ 5,000mAh รองรับการชาร์จไว 67W SUPERVOOC ให้ใช้กันยาวนานไร้กังวล จะน่าสนใจแค่ไหน ไปดูกัน
Shopee : https://shope.ee/2q5z8jhFZQ
Lazada : https://s.lazada.co.th/s.m4ENK?cc
แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ สู่ดีไซน์ที่โดดเด่น
OPPO Reno11 F 5G มีการออกแบบที่แตกต่างไปจากรุ่นอื่นๆ ในซีรี่ย์ ด้วยดีไซน์ขอบเหลี่ยมและมุมโค้งมน ผสานกันอย่างลงตัวระหว่างหน้าจอและฝาหลัง ตัวเครื่องน้ำหนักเบา 178 กรัม และบางเพียง 7.54 มม. ทำให้การถือใช้งานนานๆ หรือการใส่เครื่องลงไปในกระเป๋าสะดวกสบาย พกพาง่าย ไม่ดูบอบบาง มีสีของฝาหลังให้เลือก 3 สไตล์แบบฉ่ำๆ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติแนวชายฝั่งทะเลซึ่งมีความสวยโดดเด่นแตกต่างกันไป พร้อมชื่อสีมงคลเสริมดวงรับปีใหม่ ไม่ว่าจะเป็น
ส่วนของโมดูลกล้องถ่ายภาพ ก็โชว์ไฮไลท์เด่นๆ ด้วยการเพิ่มขนาดให้กว้างขึ้นเพื่อการดึงดูดสายตา วางเลนส์กล้องทรงกลม 2 อัน ไว้บนโมดูลทรงสีเหลี่ยมอีกชั่น แต่ก็ไม่ได้หนาเทอะทะจนเกะกะหรือส่งผลต่อการใช้งานแต่อย่างใด ซึ่งทาง OPPO ได้ให้ชื่อกับกล้องนี้ว่ากล้อง Sunshine Ring สะท้อนแสง มอบลูกเล่นที่สะดุดตา โดยแต่ละกล้องมีมุมเอียงเพื่อสร้างมิติอย่างเป็นเอกลักษณ์
นอกจากความสวยงามแล้ว OPPO Reno11 F 5G ยังเติมความแข็งแกร่งให้กับตัวเครื่อง ด้วยมาตรฐานป้องกันน้ำและฝุ่นระดับ IP65 สามารถทนต่อฝนที่ตกลงมาได้ อีกทั้งปุ่มการใช้งานต่างๆ ก็ได้รับการทดสอบคุณภาพที่ใช้กับสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ด้วยเช่นกัน ได้แก่ ความทนทานต่อการกดปุ่มปรับระดับเสียง 100,000 ครั้ง, การกดปุมเปิด/ปิด
200,000 ครั้ง และการเสียบและถอดสาย USB-C ได้ถึง 20,000 ครั้ง รองรับการใช้งานที่ยาวนานหลายปีอย่างไร้ปัญหา
จอ AMOLED 120Hz ไร้ขอบ
OPPO Reno11 F 5G มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2412x1080 พิกเซล) มีดีไซน์หน้าจอที่เรียบแบน ไม่มีความโค้งเหมือนรุ่นอื่นในซีรี่ย์ แต่มอบมุมมองที่เต็มสายตาได้เช่นกัน เพราะมีขอบหน้าจอที่บางมากเพียง 1.57 มม. จนแทบเรียกได้ว่าไร้ขอบ และดีไซน์แบบ Punch Hole Display จึงทำให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องถึง 93.4% ทั้งนี้ยังรองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz ใช้งานได้อย่างลื่นไหล เต็มอิ่มด้วยสีสันที่หลากหลายกว่า 1 พันล้านสี หน้าจอสว่างสูงสุด 1100 nits พร้อมการปรับความสว่างอัตโนมัติ มีโหมดถนอมสายตาให้เลือกใช้เมื่ออยู่ในที่สว่างน้อย และรองรับการแสดงผลคอนเทนต์ HDR10+ ไม่ว่าคอนเทนต์ไหนก็รับชมได้อย่างเต็มอรรถรส
ถ่ายคนอย่างโปร
ไฮไลท์ OPPO Reno11 F 5G ยังคงเป็นกล้องถ่ายพอร์ตเทรตที่ในรุ่นนี้มีความละเอียดสูงถึง 64 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ OmniVision OV64B ถ่ายรูปคนได้สวยคมชัดแบบหน้าชัดหลังละลายด้วยโหมดพอร์ตเทรต จับโฟกัสรูปคนได้รวดเร็ว ตัดขอบพื้นหลังค่อนข้างเนียน เก็บปอยผมได้ดี โดยมีกล้องถ่ายรูปที่ติดตั้งมาทั้งหมด ดังนี้
กล้องเซลฟี่ 32MP
กล้องหน้าเซลฟี่ ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f 2.4 ถ่ายภาพเซลฟี่สว่างคมชัดดี สามารถถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอได้ หรือจะทำการถ่ายภาพเซลฟี่หมู่ด้วยมุมมองที่กว้างขึ้นด้วยการปรับระยะ ก็มีมุมมองกว้างที่ไม่บิดเบี้ยวจนผิดสเกล และมีโหมดหน้าสวยที่ปรับใบหน้าให้เเรียบเนียนมีชีวิตชีวาอย่างธรรมชาติไม่หลอกตา
ภาพมุมกว้าง
OPPO Reno11 F 5G มาพร้อมเลนส์ Ultrawide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมมองการถ่ายภาพ 112 องศา ถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ได้สวยงามดี เก็บภาพมุมกว้างที่ต้องการได้ครบองค์ประกอบ
LinkBoost
มาพร้อมกับเทคโนโลยี LinkBoost เครื่องมือใหม่เพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายที่พัฒนาขึ้นเองของ OPPO ซึ่งจะช่วยให้กำลังส่งสัญญานเร็วขึ้น 100% และการรับสัญญาณที่แข็งแกร่งขึ้น 44% ส่งผลดีในกรณีที่เราอยู่ในลิฟท์ หรือสถานที่อับสัญญานในระยะเวลาหนึ่ง เมื่อเราออกมาแล้ว อุปกรณ์จะสามารถจับสัญญานได้รวดเร็วขึ้น ทำให้ผู้ใช้งานกลับมาออนไลน์ได้เร็วกว่าคู่แข่งถึง 87% นั่นเอง
ลื่นไหลด้วย ColorOS 14
สำหรับระบบปฏิบัติการใน OPPO Reno11 F 5G คือ ColorOS 14 บนพื้นฐาน Android 14 ติดตั้งมาให้ตั้งแต่แกะกล่อง หน้าตา UI เน้นที่ความเรียบง่าย สวยงามทันสมัย รองรับการใช้งานที่เข้าถึงสะดวกและลื่นไหล ทั้งยังมีฟังก์ชันเด็ดๆ ที่น่าใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น
ชาร์จไว 67W SUPERVOOC
ด้วยความจุแบตขนาดใหญ่ 5,000mAh จึงทำให้สามารถใช้งาน OPPO Reno11 F 5G ได้ยาวนานตลอดทั้งวัน จากการใช้งานในการเปิดคลิปวิดีโอความยาว 2 ชั่วโมง ด้วยประสิทธิภาพหน้าจอสูงสุด และเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ต พบว่าแบตเตอรี่ลดลงไปประมาณเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์
สำหรับเทคโนโลยีชาร์จไว 67W SUPERVOOC ที่มาพร้อมกับ OPPO Reno11 F 5G ซึ่งทางแบรนด์ให้ข้อมูลมาว่าสามารถชาร์จเต็ม 100% ภายใน 30 นาที จากการทดสอบชาร์จ 21 - 100 เปอร์เซ็นต์ ใช้เวลาไปประมาณ 32 นาที เป็นเวลาที่ใกล้เคียงกับทางแบรนด์เคลมไว้ สามารถเสียบชาร์จและนำไปใช้งานต่อได้อย่างรวดเร็ว และไม่พบความร้อนที่สูงผิดปกติจากการชาร์จด้วย
เสียงดัง - ฟังชัด
เมื่อเปิด โหมด Ultra-Volume Mode ใน OPPO Reno11 F 5G จะทำให้เสียงดังขึ้นสูงสุดถึง 300% เมื่อทดลองเปิดในห้องขนาด 10 x 10 เมตร ยังได้ยินเสียงเพลงหรือเสียงพูดคุยสนธนาในซีรี่ย์ ใครที่อยากรับเสียงกระหึ่มแบบเซอร์ราวน์ต้องไม่พลาด และหลังจากกลับมาใช้ระดับเสียงปกติ ลำโพงยังคงปกติ ไม่มีเสียงแตกหรือเสียงซ่า แม้จะเปิดด้วยเสียงดังสุดในระยะเวลานานๆ ก็ตาม
นอกจากเสียงดัง ยังสามารถฟังชัดด้วย โหมด Clear Voice ที่จะช่วยตัดเสียงรบกวนรอบข้าง เมื่อต้องรับสายและพูดคุยผ่านไมโครโฟนอีกด้วย
OPPO Reno11 F 5G มีขนาดตัวเครื่อง 161.63 × 74.73 × 7.54 มม. น้ำหรัก 177 กรัม ดีไซน์เครื่องเรียบแบน ถือจับใช้งานได้พอดีมือ ขอบเหลี่ยม มุมโค้งมน
หน้าจอพาเนล AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2412x1080 พิกเซล) รองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz หน้าจอสว่างสูงสุด 500 nits และรองรับการแสดงผลคอนเทนต์ HDR10+
หน้าจอส่วนบนดีไซน์แบบ Punch Hole Display มีกล้องหน้า ความละเอียด 32MP เซ็นเซอร์ Sony IMX615 รูรับแสง f/2.4 เหนือขึ้นไปเป็นลำโพงเสียง
ส่วนล่างของหน้าจอเป็นระบบนำทางแบบซอฟต์แวร์ ปรับการตั้งค่าได้ภายหลัง รองรับการสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอเพื่อปลดล็อค และมีขอบหน้าจอที่บางเพียง 1.57 มม.
ตัวเครื่องด้านบนมีไมโครโฟนตัดเสียง
ฝั่งขวาของเครื่องเป็นที่ใส่ถาดซิมแบบไฮบริด รองรับ Nano SIM จำนวน 2 ซิม หรือเลือกใส่ Nano Sim ช่องหนึ่ง และเพิ่มการ์ด microSD ได้สูงสุดถึง 2TB อีกช่องหนึ่ง
ฝั่งซ้ายมีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่ม Power ซึ่งผ่านการทดสอบความทนทานในระดับสมาร์ทโฟนไฮเอน
ด้านล่างของตัวเครื่องมีพอร์ตแบบ USB C ตรงกลาง ถัดไปทางขวาเป็นไมโครโฟน และทางซ้ายเป็นลำโพงเสียง
สำหรับตัวเครื่องด้านหลังมีโมดูลกล้องทรงสี่เหลี่ยม ซึ่งต่างจากรุ่นพี่ทั้ง 2 ซึ่งเป็นแบบแคปซูล ติดตั้งกล้องหลัง 3 เลนส์ ประกอบด้วย เลนส์หลัก ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ OmniVision OV64B, เลนส์ Ultrawide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX355 และเลนส์ Macro Camera ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช
ฝาหลังของเครื่องมีลักษณะลวดลาย และริ้วลูกเล่นแตกต่างกันไปตามสีสัน วาววาว ระยิบระยับ สัมผัสลื่น ไม่ต้องใส่เคสก็โชว์ผิวฝาหลังได้แบบสวยๆ แข็งแรงทนทาน ป้องกันรอยนิ้วมือได้ดี
สเปคพื้นฐานของ OPPO Reno11 F 5G
หน่วยประมวลผล หน่วยความจำ และระบบปฏิบัติการ
OPPO Reno11 F 5G ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 7050 ประมวลผลการใช้งานพื้นฐานได้แบบไร้กังวล รองรับการเชื่อมต่อ 5G มาพร้อม RAM 8GB และฟังก์ชัน Dynamic RAM อีก 4GB, 6GB และสูงสุด 8GB สามารถเลือกใช้งานได้ตามความต้องการเพื่อให้เหมาะสม มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ ROM 256GB ทำให้มีพื้นที่ให้ใช้งานเพียงพอแบบเหลือๆ
สำหรับระบบปฏิบัติการเป็น ColorOS 14 บนพื้นฐาน Android 14 ที่มีมาให้ตั้งแต่แกะกล่อง หน้าตา UI เน้นที่ความเรียบง่าย แต่ดูทันสมัยสวยงาม รองรับการใช้งานที่เข้าถึงสะดวก ปรับแต่งได้หลากหลาย มีความลื่นไหลรวดเร็วดี
หน้าจอหลัก
หน้าจอหลักเป็นแบบฉบับ ColorOS โดยเน้นความเรียบง่ายน่าใช้งาน มีให้เลือกทั้งแบบพื้นฐานแอพฯ รวมในหน้าจอหลัก และแบบลิ้นชัก นอกจากนี้ยังปรับแต่งธีม พื้นหลัง และลักษณะไอคอนแอพฯ ได้อีกด้วย
การแสดงผลของหน้าจอ
สามารถตั้งค่าตามความใช้งานได้หลากหลาย ปรับระดับความสว่างของหน้าจอได้ทั้งการปรับเอง หรือให้ระบบปรับอัตโนมัติตามสภาพแสงแวดล้อม หรือโหมดสีหน้าจอที่สดใสขึ้นเมื่อตั้งเป็น "เจิดจ้า" และหากต้องการค่าสีมาตรฐานก็ปรับเป็น "ธรรมชาติ" ซึ่งสีก็ยังดูสดสมจริงอยู่
นอกจากนี้ยังมี "โหมดถนอมสายตา" ที่เมื่อเปิดแล้วหน้าจอจะแสดงผลจอเป็นโทนอุ่นๆ ก่อน แต่ปรับทีหลังตามต้องการได้ ซึ่งจะยังคงเห็นสีอื่นๆ อยู่ แต่จะซีดลง เพื่อให้สามารถใช้งานหน้าจอนานๆ ได้แบบสบายตา เช่น การอ่านหนังสือ หรือหากต้องการคุมโทนเป็นสีดำและขาวก็ปรับได้เช่นกัน
โหมดมืด
โหมดมืด เมื่อเปิดใช้งานจะเป็นการปรับเปลี่ยนธีมเป็นสีดำ และใช้ตัวหนังสือสีขาว ช่วยให้ใช้งานในที่แสงน้อยได้สบายตามากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการประหยัดแบตเตอรี่ไปในตัว เพราะพาแนลหน้าจอเป็นแบบ AMOLED หากเปิดใช้งาน อีกทั้งสามารถเลือกรูปแบบได้ 3 รูปแบบด้วย
การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง OPPO Reno11 F 5G
ราคาวางจำหน่ายและโปรโมชั่น
OPPO Reno11 F 5G มีให้เลือกด้วยกัน 3 สี ได้แก่ สีฟ้าน้ำทะเล Ocean Blue, สีม่วง Purple Coral และสีเขียว Palm Green มีราคา 11,999 บาท และโปรโมชั่นช่วง First Sale วางจำหน่ายในราคาเพียง 10,990 บาท สามารถไปทดลองสัมผัสหรือเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ ณ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
พิเศษ เมื่อลูกค้าที่ซื้อสินค้าในวันที่ 13 - 29 กุมภาพันธ์ 2567 จะได้รับของสมนาคุณมูลค่า 9,097 บาท ประกอบไปด้วย
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.facebook.com/oppothai
จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท