OPPO Reno10 5G และ OPPO Reno10 Pro 5G คู่หูสมาร์ทโฟนใน OPPO Reno10 Series แม้จะเป็นรุ่นรอง และรุ่นเล็ก แต่ดีไซน์ และการใช้งานยังโดดเด่นอยู่ โดยเฉพาะการเซลฟี่ ที่จัดได้ว่ารุ่นระดับเรือธงยังมีเขิน สมกับเป็นสมาร์ทโฟน The Portrait Expert อย่างไรก็ตามความโดดเด่นของ OPPO Reno10 5G และ OPPO Reno10 Pro 5G ไม่ได้มีดีแค่กล้องหน้า ด้านหน้าจอแสดงผลก็ใช้พาแนล 3D AMOLED อัตรา Refresh Rate สูงสุด 120Hz มีชิปเซ็ตที่ใช้งานอย่างราบรื่น และยังมีแบตเตอรี่อึดทน พร้อมสนับสนุนการชาร์จเร็ว SUPERVOOC
OPPO Reno10 5G
Lazada : https://s.lazada.co.th/s.94kgt?cc
Shopee : https://shope.ee/1VVStVSxE4
OPPO Reno10 Pro 5G
Lazada : https://s.lazada.co.th/s.94khB?cc
Shopee : https://shope.ee/VcvhhegT2
OPPO Enco Air3 Pro
Lazada : https://s.lazada.co.th/s.94kli?cc
Shopee : https://shope.ee/505L3suMWK
การเซลฟี่ระดับ Expert เทียบชั้นเรือธง
ทั้ง OPPO Reno10 5G และ OPPO Reno10 Pro 5Gใช้กล้องหน้าตัวเดียวกัน โดยเป็นเซนเซอร์ Sony IMX709 ความละเอียด 32MP รับแสงได้ดีขึ้น 60% และลด Noise ภายในภาพได้ถึง 35% สามารถถ่ายเซลฟี่ได้แบบชัดๆ ทุกสภาพแสง และยังมีการตัดเบลอภาพได้อย่างมืออาชีพ สวยยังกะกล้อง DSLR ไม่พอแค่นั้นตัวกล้องยังมีระบบออโต้โฟกัส ซึ่งส่วนใหญ่กล้องหน้าจะไม่มี ช่วยให้จับใบหน้าได้ชัดเจน (ออโต้โฟกัสรองรับเฉพาะรุ่น OPPO Reno10 Pro 5G)
ทดสอบการใช้งานกล้องหลัง
กล้องหลัง OPPO Reno10 5G และ OPPO Reno10 Pro 5G จะมี 3 ตัวเหมือนกัน แต่ต่างๆ กันที่กล้องหลัก โดยเป็น ความละเอียด 50MP พร้อมกันสั่น OIS และ ความละเอียด 64MP ไม่มีกันสั่น ตามลำดับ ส่วนอีก 2 กล้องเหมือนกัน เป็นกล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 8MP มุมกว้าง 112 องศา และกล้อง Telephoto ความละเอียด 32MP สามารถซูมแบบ Optival ได้ 2 เท่า และแบบ Digital 20 เท่า บันทึกวิดีโอได้สูงสุด 4K ที่ 30fps ส่วนโหมดการใช้งานก็มีครบ ตรวจจับซีนด้วย AI , โหมดกลางคืน, โหมด Portrait, โหมดมุมกว้าง
หน้าจอ 3D AMOLED รีเฟรช 120Hz
หน้าจอโค้งสวยงามทั้ง 2 รุ่น และเป็นพาแนล AMOLED กว้าง 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับคอนเทนด์ HDR10+ ใช้งาน หรือดูหนังดูซีรี่ย์ได้แบบจุกๆ ทั้งนี้ยังมีอัตรา Refresh Rate สูงสุด 120Hz ช่วยให้แสดงผลได้ลื่น การปัดการสัมผัสก็ลื่นด้วยเช่นกัน และยังสามารถปรับเป็นแบบ Dynamic ช่วยให้หน้าจอปรับรีเฟรชได้แบบอัตโนมัติ ตามการใช้งานต่างๆ ซึ่งช่วยให้ประหยัดพลังงานได้มากขึ้น
ชิปเซ็ตกำลังดีใช้งานลื่นๆ มีเทคโนโลยี system-level ไม่หน่วงไป 2 ปี
ในส่วนของชิปเซ็ต OPPO Reno10 Pro 5G จะใช้เป็น Qualcomm Snapdragon 778G และ OPPO Reno10 5G ใช้เป็น MediaTek Dimensity 7050 เอาจริงๆ ทั้ง 2 ชิปเซ็ตแทบไม่ต่างกัน แต่จากผลทดสอบ OPPO Reno10 Pro 5G จะแรงกว่าเล็กน้อย สามารถใช้งานพื้นฐานต่างๆ ได้สบายๆ ให้ความลื่นสูง และยังมี RAM 8GB + Extended RAM สูงสุดอีก 8GB ช่วยให้ตัวเครื่องมีการทำงานที่ลื่นมากขึ้น
ความพิเศษของOPPO Reno10 5G และ OPPO Reno10 Pro 5G ยังมีเทคโนโลยี System-Level ซึ่งเป็นเทคโนโลยีจากทาง OPPO เอง ช่วยให้เครื่องใช้งานแบบลื่นๆ ไปได้อีกราวๆ 48 เดือน เพราะปกติแล้วสมาร์ทโฟน Android เมื่อใช้ไปซักระยะ ระบบจะหน่วงๆ ไม่ลื่นเหมือนตอนใช้งานครั้งแรก ซึ่งตรงนี้ใครจะใช้งานในระยะยาวก็สบายใจได้เลย
เล่นเกมปรับกราฟฟิกในระดับสูงได้ด้วย
ในส่วนของการเล่นเกม แม้ว่าทั้ง OPPO Reno10 5G และ OPPO Reno10 Pro 5G จะขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ตระดับกลาง แต่การเล่นเกมถือว่าทำได้ดีมากๆ โดยได้ทดสอบกับเกม ROV สามารถปรับกราฟฟิกในระดับสูง ดันเฟรมเรตในระดับ 58-60fps ตลอดทั้งแมตช์ ส่วนอีกเกมเป็น PUBG Mobile ก็สามารถปรับกราฟฟิกได้ถึง HDR HD และเฟรมเรตที่ Ultra ในการเล่นก็มีความลื่นมาก แถมยังได้ภาพสวยๆ ไปอีก
ทั้งนี้ในระหว่างเล่นเกม ยังมีระบบ Hyper Boost ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่่นเกมให้ดีมากขึ้น และมีเฟรมเรตที่ไหลลื่น นอกจากนี้ยังมีระบบจัดการต่างๆ ในระหว่างเล่นเกมเช่น จัดการการแจ้งเตือน, บันทึกหน้าจอ, และดู fps เป็นต้น
ลำโพงเสียงไม่เหมือนกัน
OPPO Reno10 5G แม้ว่าเป็นรุ่นเล็กกว่า แต่มาพร้อมลำโพงเสียงคู่ Stereo ซึ่งให้เสียงที่มีมิติมากกว่า แบ่ง 2 ฝั่งซ้ายขวา แต่ทาง OPPO Reno10 Pro 5G จะเป็นลำโพงตัวเดียวแบบ Mono
แบตเตอรี่ใหญ่ สนับสนุนชาร์จเร็ว SUPERVOOC
แบตเตอรี่ OPPO Reno10 Pro 5G จะมีขนาดเล็กกว่าที่ 4,600mAh แต่สนับสนุนการชาร์จเร็วผ่านสาย 80W SUPERVOOC ใช้เล่นเกมระยะเวลา 1 ชั่วโมงปรับสุดทั้ง ROV และ PUBG Mobile จากแบตเตอรี่ 80% ลดลงมาเหลือ 66% ใช้เวลาชาร์จราวๆ 40 นาทีจาก 1% ก็กลับมาเต็ม 100% นอกจากนี้ยังมีการจัดการแบตเตอรี่ด้วยชิป SUPERVOOC S ที่ทาง OPPO พัฒนาขึ้นมาช่วยให้แบตเตอรี่จัดการพลังงานได้ดีขึ้น และถนอมแบตเตอรี่ในตัว โดยมีระบบไม่ชาร์จแบตเตอรี่เมื่อชาร์จในตอนกลางคืน ระบบจะค้างแบตเตอรี่ไว้ 80% และจะชาร์จเต็ม 100% ให้ในช่วงเช้า สามารถชาร์จไฟค้างไว้ก่อนนอนได้เลย
ทางด้าน OPPO Reno10 5G มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่าที่ 5,000mAh แต่สนับสนุนการชาร์จเร็วเพียง 67W ใช้เล่นเกม ROV แบบปรับสุดไป 1 ชั่วโมง จากแบตเตอรี่ 95% ลดมาเหลือ 17% ส่วนการชาร์จจากแบตเตอรี่ 1% ใช้เวลาราวๆ 1 ชั่วโมงก็กลับมาเต็ม 100%
รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
ทั้งคู่จะรองรับความปลอดภัยไบโอเมตริกทั้ง สแกนใบหน้า และสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ซึ่งมีการทำงานอย่างราบรื่น สแกนได้ดีทั้ง 2 ระบบ
OPPO Reno10 5G ขนาดตัวเครื่อง 162.29x74.05x7.99 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 185 กรัม OPPO Reno10 Pro 5G ขนาดตัวเครื่อง 162.3x74.2x7.89 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 185 กรัม ทั้งคู่มีขนาด และน้ำหนักพอๆ กัน ดีไซน์แบบขอบเครื่องโค้งจับใช้งานได้ถนัด
OPPO Reno10 5G และ OPPO Reno10 Pro 5Gมีหน้าจอแสดงผลเหมือนกันคือ พาแนล 3D AMOLED กว้าง 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2412x1080 พิกเซล) อัตรา Refresh Rate สูงสุด 120Hz ปกป้องด้วยกระจก AGC DT-Star2
เหนือหน้าจอแสดงผลของทั้งคู่ ใช้ดีไซน์รอยแหว่งแบบจอเจาะรู ในนั้นมีกล้องหน้า ความละเอียด 32MP เป็นเลนส์แบบ 5P และสนับสนุนระบบ AF ออโต้โฟกัส ส่วนขอบหน้าจอด้านบนเป็นลำเสียงสำหรับการสนทนา
ล่างหน้าจอแสดงผล ไม่มีปุ่มใช้งานแบบฮาร์ดแวร์ ปุ่มนำทางจะมาในรูปแบบซอฟแวร์ และที่สแกนลายนิ้วมือก็เป็นแบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอด้วยเช่นกัน
ข้างซ้ายตัวเครื่อง ไม่มีปุ่ม หรือพอร์ตใช้งานใดๆ ส่วนข้างขวาตัวเครื่อง ปุ่มยาวเป็นปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียง และปุ่มเล็กเป็นปุ่มเพาเวอร์
ส่วนบนตัวเครื่อง เป็นไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน และเลเซอร์ IR เปลี่ยนเป็นรีโมต
ใต้ตัวเครื่อง ทางซ้ายเป็นถาดซิมกาดแบบ Nano SIM 2 ช่อง ถัดมาทางขวาเป็นรูไมโครโฟน ตรงกลางเป็นพอร์ต USB Type-C และขวาสุดเป็นลำโพงเสียง
พลิกมาที่ฝาหลังตัวเครื่อง มุมบนซ้ายเป็นโมดูลกล้องหลังแบบแคปซูล ในนั้นมีกล้องหลัง 3 ตัว (ความละเอียดไม่เท่ากัน) พร้อมไฟแฟลช และทำงานร่วมกับ AI สำหรับฝาหลังของOPPO Reno10 5G เป็นแบบผิวด้านและ OPPO Reno10 Pro 5G เป็นแบบผิวเงา
อุปกรณ์ภายในกล่อง
เพลินได้อีกกับหูฟัง OPPO Enco Air3 Pro
เสริมความบันเทิงด้านเสียงให้กับ OPPO Reno10 Series 5G ด้วยหูฟังไร้สาย TWS รุ่นใหม่ OPPO Enco Air3 Pro โดยเป็นหูฟังแบบ In-Ear มีก้านยาวลงมา รองรับการสั่งการด้วยการสัมผัสเป็นหูฟังเสียงดีจากเทคโนโลยี Bamboo-Fiber Diaphragm ที่มีน้ำหนักเบา ส่งย่านเสียงเกิน 40kHz ได้อย่างชัดเจน
ด้านระบบเสียงใช้ไดรเวอร์ขนาด 12.4 มิลลิเมตร พร้อม OPPO Alive Audio ที่ช่วยให้ฟังเสียงแบบ Surround ได้ 360 องศา ซึ่งเป็นเทคโนโลยีของ OPPO เอง ด้านการเชื่อมต่อแบบไร้สาย Bluetooth 5.3 มีชิป LDAC ช่วยให้รับเสียงได้สมจริงเทียบเคียงต้นฉบับ แม้ว่าเป็นการเชื่อมต่อแบบไร้สายก็ตาม ส่วนแบตเตอรี่ใช้งานได้ 7 ชั่วโมง เมื่อใช้ความดังที่ 50% ตัวเคสมีแบตเตอรี่ขนาด 440mAh ชาร์จเพิ่มได้อีก 30 ชั่วโมง
สเปคของ OPPO Reno10 5G
สเปคของ OPPO Reno10 Pro 5G
ตัวเลือก RAM และ ROM
ตัวเลือก RAM ของ OPPO Reno10 Pro 5G จะมีให้เลือกตัวเลือกเดียวคือ 12GB + 256GB ส่วน OPPO Reno10 5G ก็มีให้เลือกตัวเลือกเดียวเช่นกัน โดยเป็น 8GB + 256GB อย่างไรก็ตามทั้งคู่รองรับการใช้งานฟีเจอร์ Extented RAM สามารถเพิ่ม RAM ได้อีก 8GB รวมๆ แล้วจะมี RAM ใช้งานสูงสุดเป็น 20GB กับ 16GB เลยทีเดียว
ระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการใช้เป็น ColorOS 13.1 บนพื้นฐาน Android 13 มีการปรับแต่ง UI ให้ดูเรียบง่าย ประกอบกับไอคอนที่มีสีสันสวยงาม นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นต่างๆ เพิ่มเข้ามาเสริมให้ผู้ใช้งานใช้งานได้อย่างสะดวก
หน้าจอหลัก
หน้าจอหลักเป็นแบบฉบับ ColorOS โดยเน้นความเรียบง่ายน่าใช้งาน มีให้เลือกทั้งแบบพื้นฐานแอพฯ รวมในหน้าจอหลัก และแบบลิ้นชัก นอกจากนี้ยังปรับแต่งธีม พื้นหลัง และลักษณะไอคอนแอพฯ ได้อีกด้วย
หน้าจอ Always-On Display
ทั้ง OPPO Reno10 5G และ OPPO Reno10 Pro 5Gหน้าจอจะรองรับการใช้งานโหมด Always-On Display ช่วยให้หน้าเวลาถูกพัก สามารถแสดงข้อมูลที่จำเป็น เช่น วันที่ เวลา การแจ้งเตือน ข้อมูลแบตเตอรี่เป็นต้น ไม่พอแค่นั้นยังสามารถปรับแต่งดีไซน์ได้มากมายอีกด้วย
โหมดมืด
โหมดมืด เมื่อเปิดใช้งานจะเป็นการปรับเปลี่ยนธีมเป็นสีดำ และใช้ตัวหนังสือสีขาว ช่วยให้ใช้งานในที่แสงน้อยได้สบายตามากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการประหยัดแบตเตอรี่ไปในตัว เพราะพาแนลหน้าจอเป็นแบบ AMOLED หากเปิดใช้งาน
ระบบ O1 Ultra Vision Engine
ระบบ O1 Ultra Vision Engine เป็นเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพให้หน้าจอแสดงผล โดยเฉพาะการแสดงภาพของคอนเทนด์วิดีโอ ไม่ว่าจะเป็นความสว่างของภาพ HDR และเพิ่มสีสันในวิดีโอ
ปรับอัตรา Refresh Rate
หน้าจอแสดงผลรองรับอัตรา Refresh Rate สูงสุด 120Hz และปรับต่ำสุดได้ 60Hz แต่ระบบมีการปรับแบบไดนามิก หรือการปรับอัตรา Refresh Rate แบบอัตโนมัติตามลักษณะการใช้งาน ช่วยให้ประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น
การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง OPPO Reno10 Pro 5G
ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ดังนี้
การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง OPPO Reno10 5G
ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ดังนี้
ราคาและวันวางจำหน่าย
สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ OPPO Reno10 Series 5G ล่วงหน้าระหว่างวันนี้ – 26 กรกฎาคม 2566 รับฟรีทันทีของสมนาคุณรวมมูลค่
และเป็นเจ้าของ OPPO Reno10 Series 5G ได้ง่ายขึ้นเมื่อซื้อกับผู้ให้
ขอขอบคุณ : OPPO
จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท