realme GT Neo 3 Series สมาร์ทโฟนสเปคคุ้ม ได้เปิดตัวออกมาให้ยลโฉมอีก 2 รุ่น ซึ่งรุ่นที่ได้มารีวิวเป็น realme GT Neo 3 และ realme GT Neo 3T ทั้งคู่มีลวดลายแบบรถแข่ง ให้ความรู้สึกเร็วแรงอยู่ตลอดเวลา ด้วยการใช้สัญลักษณ์ของสนามแข่งมาเป็นลวดลายบนฝาหลัง ไม่ว่าจะเป็นลาย 2 ขีดบนรถแข่ง และลายตารางหมากรุกที่เป็นธงตรงเส้นชัย นอกจากลวดลายแล้ว สเปคภายในก็ยังแรงไม่แพ้กัน โดยได้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8100 และ Qualcomm Snapdragon 870 ถือว่าเป็น 2 ชิปเซ็ตตัวแรง รองรับการทำงานได้อย่างราบรื่น และเล่นเกมกราฟฟิกสูงๆ ได้สบาย
ทั้ง 2 รุ่นมีขนาดตัวเครื่องพอๆ กัน โดย realme GT Neo 3T มีขนาด 162.9 x 75.8 x 8.7 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 194.5 กรัม ส่วน realme GT Neo 3 มีขนาดอยู่ที่ 163.3 x 75.6 x 8.2 กับน้ำหนัก 188 กรัม
หน้าจอแสดงผลใช้เป็นพาแนล AMOLED อัตรา Refresh Rate สูงสุด 120Hz แต่ realme GT Neo 3T มีความกว้าง 6.62 นิ้ว ความละเอียด 2400x1080 พิกเซล ส่วน realme GT NEO 3 มีความกว้าง 6.7 นิ้ว ความละเอียด 2412x1080 พิกเซล
เหนือหน้าจอแสดงผลทั้งคู่ ใช้ดีไซน์รอยแหว่งแบบจอเจาะรู และมีลำโพงเสียงอยู่ขอบหน้าจอด้านบน แต่รอยแหว่งของ realme GT Neo 3T จะอยู่มุมบนซ้ายของหน้าจอ และ realme GT NEO 3 จะอยู่ตรงกลางหน้าจอ ในรอบแหว่งมีกล้องหน้า ความละเอียด 16MP เหมือนกัน
ด้านล่างหน้าจอแสดงผล ไม่มีปุ่มใช้งานแบบฮาร์ดแวร์ และรองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอเหมือนกัน
ข้างซ้ายตัวเครื่อง จะพบกับปุ่มเพิ่มเสียง และลดเสียง
ข้างขวาตัวเครื่อง มีปุ่มการใช้งานปุ่มเดียวคือ ปุ่มเพาเวอร์
ส่วนบนตัวเครื่อง ทางขวาสุดมีช่องไมโครโฟน แต่ realme GT NEO 3 ทางซ้ายจะมีช่องลำโพงเสียงเสริมอีกตำแหน่ง
ส่วนใต้ตัวเครื่อง ตรงกลางเป็นพอร์ต USB Type-C ทางขวาเป็นลำโพงเสียง และทางซ้ายเป็นช่องใส่ถาดซิมกาด โดยเป็นถาดเป็น 2 ช่อง รองรับ Nano SIM ทั้งคู่
ต่อกันที่ฝาหลัง โดย realme GT Neo 3T จะมีโมดูลแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า ในนั้นมีกล้องหลัง 3 เลนส์พร้อมไฟแฟลช LED แต่ละกล้องประกอบไปด้วย กล้องหลัก ความละเอียด 64MP, กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 8MP และกล้อง Macro ความละเอียด 2MP ทั้งนี้ยังมีลวดลายตารางหมากรุกอยู่บนโมดูลด้วย
ส่วน realme GT NEO 3 ใช้โมดูลแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าเช่นกัน ในนั้นมีกล้อง 3 ตัว โดยเป็นเลนส์หลัก ความละเอียด 50MP, เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 8MP และเลนส์ Macro ความละเอียด 2MP พร้อมไฟแฟลช Dual LED
อุปกรณ์ภายในกล่อง
สเปคของ realme GT Neo 3T
สเปคของ realme GT NEO 3
ตัวเลือก RAM และที่เก็บข้อมูลภายใน
ตัวเครื่องที่ได้มาเป็น RAM 8GB ทั้ง 2 รุ่น และมีระบบ Virtual RAM เพิ่มได้อีกสูงสุดถึง 5GB ทำให้มี RAM ใช้จริงๆ รวมแล้ว 13GB ส่วน ROM เป็น 256GB เหมือนกันทั้ง 2 รุ่น
ระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการใช้เป็น realme UI 3.0 บนพื้นฐาน Android 12 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด ช่วยให้ใช้งานได้ลื่นๆ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นต่างๆ ให้ปรับแต่งมากมาย และสะดวกกับผู้ใช้งานมากขึ้น
หน้าจอหลัก
หน้าจอหลักก็เป็นไปตามฉบับ realme UI ซึ่งเน้นความเรียบง่ายๆ น่าใช้งาน มีถาดเก็บแอพฯ ทั้งหมดเมื่อปัดหน้าจอขึ้น และเน้นใช้ไอคอนเป็นแบบวงกลม อย่างไรก็ตามผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งเป็นรูปแบบอื่นๆ ตามที่ต้องการได้
การปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ
หากรูปแบบต่างๆ ในหน้าจอหลักยังดูไม่ค่อยชอบ ก็สามารถเข้าไปปรับแต่งเองได้ที่ การตั้งค่า > การปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ โดยในนั้นจะมีให้เลือกปรับเปลี่ยนรูปแบบอื่นๆ มากมาย ทั้ง Wallpaper, ธีม, ไอคอน, ถาดตั้งค่าด่วน, หรือแม้แต่อนิเมชั่นที่สแกนนิ้ว ก็ปรับแต่งได้
การแสดงผลหน้าจอตลอดเวลา
realme UI 3.0 จะมาพร้อมโหมด Always On Display หรือแสดงผลหน้าจอตลอดเวลา เมื่อมีการพักหน้าจอแสดงผล ระบบจะแสดงข้อมูลเบื้องต้นให้รับทราบเช่น วันเวลา เปอร์เซนแบตเตอรี่ และการแจ้งเตือน ช่วยให้ผู้ใช้งานไม่ต้องปลดล็อกเครื่องเพื่อเข้ามาดูข้อมูลเหล่านี้ สามารถเปิดการใช้งานได้ที่ การตั้งค่า > การปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ > แสดงผลหน้าจอตลอดเวลา
โหมดกลางคืน
โหมดกลางคืน เมื่อเปิดใช้งานจะเป็นการปรับเปลี่ยนธีมเป็นสีดำ และใช้ตัวหนังสือสีขาว เพื่อใช้งานได้อย่างสบายตาในที่แสงน้อย นอกจากนี้ทั้ง realme GT NEO 3T และ realme GT NEO 3 ใช้หน้าจอพาแนล AMOLED เมื่อเปิดใช้งานโหมดกลางคืน จะเป็นการประหยัดแบตเตอรี่้ได้อีกทาง ส่วนการเปิดใช้งานให้เข้าไปที่ การตั้งค่า > จอแสดงผลและความสว่าง > โหมดกลางคืน
O1 Ultra Vision Engine
ระบบ O1 Ultra Vision Engine จะช่วยให้การดูคอนเทนด์วิดีโอ มีความสวยงามมากขึ้น ซึ่งจะช่วยปรับภาพวิดีโอให้เป็นแบบ HDR สว่าง แต่ต้องแลกมากด้วยการกินแบตเตอรี่ที่มากขึ้น หากเปิดใช้งานในโหมดนี้
ปรับอัตรา Refresh Rate หน้าจอ
realme GT Neo 3T และ realme GT NEO 3 มาพร้อมหน้าจอแสดงผลอัตรา Refresh Rate สูงสุดที่ 120Hz แต่หากเปิดใช้งาน 120Hz ตลอดเวลาจะเป็นการสิ้นเปลืองแบตเตอรี่โดยใช่เหตุ ซึ่ง realme UI 3.0 ก็มีโหมดปรับอัตรารีเฟรชแบบอัตโนมัติ ซึ่งจะปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยเข้าไปที่ การตั้งค่า > จอแสดงผลและความสว่าง > อัตรารีเฟรชจอภาพ
การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง realme GT Neo 3T
การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง realme GT NEO 3
ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ดังนี้
ฝาหลังได้แรงบันดาลใจจากสนามแข่ง
realme GT NEO 3 และ realme GT Neo 3T ออกแบบลวดลายฝาหลังได้ดีทีเดียว โดยใช้แรงบันดาลใจจากสนามแข่งรถ เป็นตัวแทนบ่งบอกถึงความเร็วของตัวเครื่อง โดย realme GT NEO 3 จะมีลวดลาย 2 ขีดแบบรถแข่งสมัยก่อน ส่วน realme GT NEO 3T จะมีฝาหลังเป็นลวดลายตารางหมากรุก เหมือนธงเข้าเส้นชัยของสนามแข่ง
หน้าจอ AMOLED อัตรา Refresh Rate สูงสุด 120Hz
หน้าจอแสดงผลของทั้ง 2 รุ่นจะใช้เป็นพาแนล AMOLED ซึ่งให้การแสดงผลของสีที่สด และรองรับคอนเทนด์ HDR10+ ช่วยให้เข้าถึงอรรถรสในการรับชมวิดีโอ หรือวิดีโอสตีมมิ่งมากขึ้น แม้ว่า realme GT NEO 3 จะมีขนาดหน้าจอใหญ่กว่าเล็กน้อย แต่เมื่อเอามาเทียบกับก็ไม่รู้สึกว่าแตกต่างกันเท่าไหร่ นอกจากนี้ทั้ง realme GT NEO 3 และ realme GT Neo 3T ยังมาพร้อมหน้าจอแสดงผลอัตรา Refresh Rate สูงสุด 120Hz ทำให้การแสดงผลดูไหลลื่น การแสดงผลของอะนิเมชั่นต่างๆ แทบไม่มีความหน่วง แถมยังมีการปรับอัตรา Refresh Rate แบบอัตโนมัติ ช่วยปรับอัตราที่เหมาะสมกับการใช้งานในตอนนั้นๆ เป็นการประหยัดแบตเตอรี่ได้อย่างดี
ชิปเซ็ตแรงแบบคุ้มๆ ทั้งคู่ พร้อมรองรับสัญญาณ 5G
realme GT Neo 3T จะถูกขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 870 และ realme GT NEO 3 ใช้ชิปเซ็ตเป็น MediaTek Dimensity 8100 จากที่ลองใช้งานก็มีความเร็วและประสิทธิภาพในการใช้งานพื้นฐานพอๆ กัน ไม่ว่าจะ ตอบแชท เล่นแอพฯ สังคมออนไลน์ ดูวิดีโอ ก็ยังใช้งานได้แบบไม่มีปัญหา และมีความไหลลื่นไม่ติดขัด ไม่พอแค่นั้นทั้ง 2 รุ่นยังรองรับการใช้งานเครือข่าย 5G ทำให้เปิดประสบการณ์ความเร็วบนคลื่น 5G ได้ไม่มีปัญหา
ลำโพงคู่ Stereo ดังกระหึ่ม
ด้านระบบเสียงของทั้ง 2 รุ่น ก็ให้มาแบบเน้นๆ ด้วยลำโพงคู่ Stereo ช่วยให้การรับฟังเสียงมีมิจิ และเสียงดังมากขึ้น สามารถใช้งานเช่น ดูวิดีโอ หรือการเช่นเกม ได้อย่างดี แต่ทั้งคู่จะไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรมาด้วย
ทดสอบการเล่นเกม
เริ่มกันที่ realme GT NEO 3 ที่ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8100 ก็ถือว่าเป็นชิปเซ็ตตัวแรงในราคากลางๆ ที่ให้ประสิทธิภาพค่อนข้างสูง โดยเฉพาะการเล่นเกม ซึ่งจากที่ทดสอบเล่นกับเกมใหม่อย่าง Apex Legend Mobile สามารถปรับกราฟฟิกในระดับ Extreme ได้เลย และดันเฟรมเรตในระดับสูงสุดได้อีกด้วย ซึ่งในการเล่นจริงก็เล่นได้ลื่นมากๆ ทำเฟรมเรตในระดับ 59-60fps ตลอดเวลา ส่วนเกมอย่าง ROV ก็คงไม่มีปัญหาปรับภาพระดับสูง และดันเฟรมเรตระดับสูงได้ แต่เกม PUBG Mobile จะปรับกราฟฟิกได้สูงสุดที่ HDR HD และเฟรมเรตระดับ Ultra คาดว่ากราฟฟิกระดับ Ultra HD อาจจะมีการอัปเดตให้ใช้ได้ในอนาคต
ต่อมาเป็น Qualcomm Snapdragon 870 ของ realme GT Neo 3T ในการเล่นเกมดูจะเป็นรอง MediaTek Dimensity 8100 ของ realme GT NEO 3 อยู่หน่อยๆ เพราะเกมอย่าง Apex Legend Mobile ไม่สามารถทำเฟรมเรตในระดับสูง บนกราฟฟิกระดับ Extreme ได้ ในการเล่นจริงก็ทำ fps ได้อยู่ราวๆ 30-40 เท่านั้น และเกมดูไม่ไหลลื่นมีอาการหน่วงๆ เฟรมเรตไม่ค่อยนิ่ง แต่เกมอย่าง ROV และ PUBG Mobile ยังเล่นได้ไม่มีปัญหา และเกมหลังยังปรับกราฟฟิกได้ถึง Ultra HD
เพิ่มประสิทธิภาพด้วยโหมด GT
เพื่อเป็นการใช้ประสิทธิภาพของชิปเซ็ตได้อย่างเต็มที่ ทั้ง relame GT NEO 3 และ realme GT Neo 3T ก็มีโหมด GT มาให้ ซึ่งเป็นการรีดพลังของชิปเซ็ตอย่างเต็มกำลัง ทำให้การใช้งาน หรือการเล่นเกมมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยระบบจะเพิ่มเฟรมเรตให้สูง และนิ่งขึ้น พร้อมความละเอียดที่สูงขึ้น แต่เครื่องจะเกิดความร้อน และกินแบตเตอรี่มากขึ้น สามารภเปิดใช้งานได้ที่ การตั้งค่า > แบตเตอรี่ > โหมด GT
สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และสแกนใบหน้า
เรื่องความปลอดภัยทั้ง relame GT NEO 3 และ realme GT Neo 3T ก็จัดมาให้ครบ โดยมีระบบความปลอดภัยไบโอเมตริกทั้ง การสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ซึ่งสแกนลายนิ้วมือได้รวดเร็วมากๆ และการสแกนใบหน้า ซึ่งสามารถสแกนในที่แสงน้อยได้ เพราะใช้แสงจากหน้าจอช่วย
ที่สแกนลายนิ้วมือ วัดการเต้นของหัวใจได้
บริเวณที่สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ไม่ได้มีเพียงใช้สแกนลายนิ้วมือ และปลดล็อกเข้าใช้งานเท่านั้น เพราะยังเป็นที่วัดอัตราการเต้นของให้ใจได้ด้วย ซึ่งเข้าไปใช้งานได้ที่ การตั้งค่า > realme Lab > การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ
แบตเตอรี่ 5,000mAh ชาร์จเร็ว 80W
จัดเต็มจัดหนักด้วยแบตเตอรี่ขนาด 5,000mAh ทั้งคู่ ถือว่าเป็นขนาดที่เพียงพอต่อการใช้งานพื้นฐานตลอด 1 วัน หากชาร์จเต็ม 100% ส่วนการชาร์จก็สนับสนุนการชาร์จเร็วผ่านสายถึง 80W จากที่ทดสอบการชาร์จด้วยแบตเตอรี่ 38% ใช้เวลาเพียง 25 นาทีเท่านั้นก็กลับมาเต็ม 100%
การใช้งานกล้องถ่ายรูป
realme GT Neo 3T จะโดดเด่นในเรื่องกล้องถ่ายรูปขึ้นมาเล็กน้อย เพราะมีกล้องหลัก ความละเอียด 64MP ตามมาด้วยกล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 8MP และกล้อง Macro ความละเอียด 2MP รองรับการทำงานร่วมกับ AI และมีโหมดการถ่ายรูปมาให้แบบครบๆ ส่วนการบันทึกวิดีโอทำความละเอียดได้สูงสุดที่ 4K แต่ระบบกันสั่น EIS จะทำงานกับความละเอียด 1080p ได้เท่านั้น ในขณะที่กล้องหน้า มีความละเอียด 16MP
realme GT NEO 3 ยังมาพร้อมกล้องหลัง 3 เลนส์ แต่ความละเอียดกล้องหลังจะเป็น 50MP ส่วนอีก 2 กล้องยังเหมือนเดิคือ กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 8MP และกล้อง Macro ความละเอียด 2MP รองรับการทำงานร่วมกับ AI สามารถบันทึกวิดีโอได้สูงสุดที่ 4K และไม่มีระบบกันสั่น EIS ส่วนกล้องหน้ายังมีความละเอียด 16MP เหมือนกัน
ถ่ายรูปปกติ มีระบบ AI ตรวจจับซีน
การถ่ายภาพปกติก็ง่ายๆ เพียงกดชัตเตอร์เพียงอย่างเดียว ก็ได้ภาพออกมาสวยๆ วิวแจ่มๆ เพราะมีระบบ AI ตรวจจับซีน ทำให้ภาพมีการปรับแต่งภาพซีนต่างๆ แบบอัตโนมัติ แถมยังมีระบบโฟกัสอัตโนมัติที่รวดเร็ว
โหมดพิเศษ 50MP และ 60MP
เพื่อเป็นการรีดประสิทธิภาพของกล้องหลักอย่างเต็มที่ ทั้ง relame GT NEO 3 และ realme GT Neo 3T ก็มีโหมดความละเอียดสูงพิเศษมาให้ พร้อมทำงานร่วมกับระบบ AI ตรวจจับซีนได้ด้วย โดย relame GT NEO 3 ที่มีความละเอียดพิเศษ 50MP ได้ความละเอียดของภาพ 8192x6144 พิกเซล และ realme GT Neo 3T จะเป็นโหมดพิเศษ 64MP ซึ่งได้ความละเอียดของภาพเป็น 9248x6936 พิกเซล
โหมดมุมกว้าง
โหมดมุมกว้าง จะเป็นการใช้กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 8MP ซึ่งสามารถเปิดมุมกว้างได้ 119 องศา โดยภาพที่ออกมาก็มีความสวยงาม ถ่ายรายละเอียดได้มากขึ้น และภาพดูไม่เบี้ยวเหมือนเลนส์ Ultra-Wide รุ่นเก่าๆ อีกด้วย
โหมดกลางคืน
โหมดกลางคืน ก็ยังได้ภาพที่สวยงาม เพราะมีเทคโนโลยี All Pixel Omni-directional PDAF ช่วยให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยระดับกลาง ถึงน้อยสุดได้ดี และยังมีการโฟกัสอัตโนมัติที่รวดเร็ว
โหมด Street Photographt หรือโหมดท้องถนน
ถ่ายแนว Street บนสมาร์ทโฟน realme ถือว่าเป็นจุดขายในช่วงหลังๆ เมื่อใช้งานในโหมดนี้จะได้ภาพที่ดูย้อนยุค ภาพออกโทนสีเหลืองๆ ส้มๆ เหมือนใช้กล้องฟิมล์ถ่าย
โหมด Macro พิเศษ
ในเมื่อมีกล้อง Macro ความละเอียด 2MP การถ่ายภาพในระยะใกล้ๆ ก็ทำได้ดี โดยใช้งานผ่านโหมด Macro พิเศษ ซึ่งช่วยให้ถ่ายภาพแนวธรรมชาติ หรือสิ่งของที่มีดีเทลเยอะๆ ออกมาได้ดีทีเดียว
โหมด Portrait
โหมด Portrait หรือการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ ก็ทำได้ค่อนข้างดี โดยมีการเบลอพื้นหลังที่สวยงาม พร้อมทำงานร่วมกับโหมดปรับแต่งใบหน้า เพื่อให้ใบหน้าดูโดดเด่นยิ่งขึ้น โดยโหมดนี้สามารถใช้งานได้ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง ซึ่งกล้องหน้าจะปรับแต่งใบหน้าได้แบบละเอียดกว่ากล้องหลัง
ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า 16MP
กล้องหน้าก็ใช้งานเซลฟี่ได้ชิวๆ สบายๆ ด้วยความละเอียด 16MP ถือว่าเป็นความละเอียดกำลังดี ให้ใบหน้าที่ดูสวยงาม สามารถใช้งานร่วมกับโหมดปรับแต่งหน้าสวยได้ เพิ่มความมั่นใจในการถ่ายเซลฟี่ได้อย่างดี
ขอขอบคุณ : realme Thailand
แคตตาล็อกตัวเครื่อง : https://www.siamphone.com/spec/realme/gt_neo_3.htm
แคตตาล็อกตัวเครื่อง : https://www.siamphone.com/spec/realme/gt_neo_3t.htm
จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท