ขึ้นชื่อว่า Redmi ความน่าสนใจคือการให้สเปคได้อย่างโดดเด่น ซึ่งล่าสุดเป็นสมาร์ทโฟน 5G รุ่นกลาง Redmi Note 11 Pro 5G ที่ใช้หน้าจอพาแนล AMOLED กว้าง 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ และอัตรา Refresh Rate สูงสุดถึง 120Hz ด้านชิปเซ็ตเป็น Snapdragon 695 รองรับสัญญาณ 5G และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5,000mAh สนับสนุนชาร์จเร็ว 67W ทั้งนี้กล้องถ่ายรูปก็มาแบบหนักๆ ซึ่งกล้องหลังติดตั้งมา 3 เลนส์ ความละเอียดสูงสุด 108MP และมีการทำงานร่วมกับ AI โดยทั้งหมดที่ว่ามา Redmi Note 11 Pro 5G มีราคาเปิดตัวในประเทศไทยเพียง 10,990 บาทเท่านั้น
Redmi Note 11 Pro 5G มีตัวเครื่องแบบขอบแบน แต่ส่วนเหลี่ยมก็ยังทำเป็นโค้งๆ ไม่เหลี่ยมจัด ทำให้จับใช้งานได้ถนัด โดยมีตัวเครื่องที่ 164.19x76.1x8.12 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 202 กรัม
หน้าจอแสดงผลพาแนล AMOLED กว้าง 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400x1080 พิกเซล) ช่วงสีกว้าง DCI-P3 ความหนาแน่นพิกเซล 395ppi ปรับความสว่างได้สูงสุด 1200nits และมีอัตรา Refresh Rate สูงสุด 120Hz
เหนือหน้าจอแสดงผล ใช้ดีไซน์รอยแหว่งแบบจอเจาะรู ในนั้นมีกล้องหน้า ความละเอียด 16MP และขอบหน้าจอด้านบนเป็นลำโพงเสียงสำหรับการสนทนา
ล่างหน้าจอแสดงผล ไม่มีปุ่มการใช้งานใดๆ โดยปุ่มเป็นแบบซอฟแวร์ในหน้าจอแสดงผล
ข้างซ้ายตัวเครื่องไม่มีปุ่มใช้งานใดๆ ส่วนข้างขวาตัวเครื่อง จะพบกับปุ่มใช้งานมาตรฐาน โดยปุ่มยาวเป็นปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียง และปุ่มเล็กเป็นปุ่มเพาเวอร์ และยังเป็นที่สแกนลายนิ้วมือ
ส่วนบนตัวเครื่อง ทางซ้ายสุดเป็นช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ถัดมาทางขวาเป็นลำโพงเสียง รูไมโครโฟน และเซนเซอร์ IR อินฟราเรต
ส่วนใต้ตัวเครื่อง ทางซ้ายสุดเป็นช่องใส่ซิมการ์ด ซึ่งการ์ดเป็นแบบ Hybrid รองรับ Nano SIM 2 ช่อง หรือเปลี่ยน 1 ช่องเป็น MicroSD Card ได้สูงสุด 1TB ถัดมาตรงกลางเป็นพอร์ต USB Type-C และรูไมโครโฟน ส่วนขวาสุดเป็นลำโพงเสียงอีกตัว
พลิกมาที่ฝาหลังตัวเครื่อง กล้องหลังทั้ง 3 เลนส์จะอยู่ที่มุมบนซ้าย โดยอยู่บนโมดูลแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า และเลนส์หลักจะอยู่บนโมดูลที่สูงขึ้นมาอีกชั้น สำหรับกล้องหลังประกอบไปด้วย เลนส์หลัก ความละเอียด 108MP, เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 8MP และเลนส์ Macro ความละเอียด 2MP
ทั้งนี้ดีไซน์ฝาหลังของ Redmi Note 11 Pro 5G ที่ได้มาจะเป็นสีดำ ซึ่งมีผิวแบบด้านแอบสะท้อนแสงเล็กน้อย และมุมล้างซ้ายจะเขียนกำกับว่า Redmi 5G
อุปกรณ์ภายในกล่อง
สเปคของ Redmi Note 11 Pro 5G
RAM และที่เก็บข้อมูลภายใน
ตัวเลือก RAM และพื้นที่เก็บข้อมูลภายในของ Redmi Note 11 Pro 5G จะมีให้เลือกด้วยกัน 3 แบบคือ 6GB+64GB / 6GB+128GB / 8GB+128GB โดยเครื่องที่ได้มารีวิวเป็นรุ่น 8GB+128GB ซึ่ง Redmi Note 11 Pro 5G มีระบบส่วนขยายหน่วยความจำ ทำให้เพิ่้มได้อีก 3GB รวมๆ แล้วจะมี RAM ทั้งหมด 11GB นอกจากนี้เมื่อเปิดเครื่องมาครั้งแรก ระบบจะมีการกินพื้นที่เก็บข้อมูลภายในไปกว่า 28.3GB ทำให้เลือกพื้นที่ใช้งานจริงๆ ประมาณ 99.7GB หากยังไม่พอใช้งานก็สามารถเพิ่ม MicroSD Card ได้อีกสูงสุด 1TB
ระบบปฏิบัติการ
Redmi Note 11 Pro 5G รันบนระบบปฏิบัติการ MIUI 13 บนพื้นฐาน Android 11 ซึ่ง MIUI 13 จะเน้นเพิ่มความรวดเร็วในการใช้งาน และใช้งานแอพฯ ที่ดาวน์โหลดมาใช้งานได้รวดเร็วขึ้น ส่วนฟังก์ชั่นการใช้งานก็ยังเน้นให้ผู้ใช้งาน สามารถปรับแต่ง และมีความสะดวกมากขึ้น
หน้าจอหลัก
เริ่มแรกมาหน้าจอหลักจะเป็นแบบคลาสสิก โดยจะรวมแอพฯ ทั้งหมดไว้ที่หน้าจอหลัก และมีไอคอนแอพฯ แบบสี่เหลี่ยมขอบมน แต่ทั้งหมดก็สามารถปรับแต่งได้เอง ไม่ว่าจะเป็นขยายไอคอน หรือปรับให้เป็นแบบลิ้นชัก โดยเข้าไปที่ การตั้งค่า > หน้าจอหลัก ทั้งนี้หน้าจอหลักยังสามารถเปิดดูการแจ้งเตือน ด้วยการปัดหน้าจอมุมบนซ้ายลง และดูแผงควบคุมด้วยการปัดหน้าจอมุมบนขวาลง
ธีม และ Wallpaper
การเปลี่ยนธีม และ Wallpaper จะมีให้เลือกมากมาก โดย MIUI 13 จะมีสโตร์ดาวน์โหลดของพวกเขาเอง และได้ถูกเพิ่มรูปแบบใหม่ๆ เข้ามามากมาย ทั้งภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว Live
ปุ่มการนำทาง
การตั้งค่าเริ่มต้น ปุ่มนำทางจะเป็นรูปแบบ ปุ่มนำทาง 3 ปุ่มคือ ปุ่มแอพฯ ก่อนหน้า, ปุ่มโฮม, ปุ่มย้อนกลับ แต่หากผู้ใช้มองว่าปุ่มนำทางแบบนี้บังหน้าจอ ก็สามารถเปลี่ยนเป็นท่าทางสัมผัสได้ โดยเข้าไปที่ การตั้งค่า > หน้าจอหลัก > การนำทางของระบบ
แถบด้านข้าง
แถบด้านข้างจะอยู่ที่ขอบหน้าจอทางซ้าย หรือขวา (ตามการตั้งค่า) ซึ่งภายในแถบจะมีแอพฯ ไว้สำหรับเปิดใช้งาน เมื่อเปิดใช้งานจะมาในรูปแบบหน้าต่างๆ Pop-Up สามารถไปตั้งค่าได้ที่ การตั้งค่า > คุณลักษณะพิเศษ > แถบด้านข้าง
การแบ่งหน้าจอ
วิธีแบ่งหน้าจอ ให้เข้าไปที่แอพฯ ก่อนหน้า จากนั้นกดค้างที่แอพฯ และเลือกเมนูแบ่งหน้าจอ
โหมดมืด
โหมดมืดจะเป็นการปรับเปลี่ยนธีมเป็นสีดำ และใช้ตัวหนังสือสีขาว ช่วยให้ใช้งานได้สบายตามากขึ้นเวลาอยู่ในที่แสงน้อย นอกจากนี้ Redmi Note 11 Pro 5G ยังมีหน้าจอพาแนล AMOLED หากใช้งานในโหมดมืด จะเป็นการประหยัดพลังงานได้อีกทาง โดยการเปิดใช้งานโหมดมืดให้เข้าไปที่ การตั้งค่า > การแสดงผล > โหมดมืด
Always On Display
Redmi Note 11 Pro 5G จะรองรับโหมด Always On Display ซึ่งจะช่วยบอกข้อมูลเมื่อพักหน้าจอเช่น วัน เวลา การแจ้งเตือน และเปอร์เซนต์แบตเตอรี่เป็นต้น แต่โหมด Always On Display จะไม่ได้แสดงตลอดเวลา ต้องแตะหน้าจอเพื่อปลุก ทั้งนี้สามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบ ทั้งดีไซน์ และสีของตัวหนังสือ โดยเข้าไปที่ การตั้งค่า > จอแสดงผลแบบเปิดตลอดและหน้าจอล็อก > จอแสดงผลแบบเปิดตลอด
เอฟเฟคแสงการแจ้งเตือน
ลูกเล่นการแจ้งเตือนไม่ได้มีแค่หน้าต่างลงมาเท่านั้น ยังมีแสงไฟเอฟเฟคที่ขอบหน้าจอ ช่วยให้ดูสวยงามมากขึ้น โดยเข้าไปเปิดใช้งาน และเลือกรูปแบบเอฟเฟคได้ที่ การตั้งค่า > จอแสดงผลแบบเปิดตลอดและหน้าจอล็อก > เอฟเฟคแสงการแจ้งเตือน
การปรับอัตรา Refresh Rate
Redmi Note 11 Pro 5G มีหน้าจออัตรา Refresh Rate สูงสุดที่ 120Hz ซึ่งสามารถเข้าไปปรับเพิ่ม หรือลดได้ที่ การตั้งค่า > การแสดงผล > อัตราการรีเฟรช อย่างไรก็ตามยังมีข้อเสียอยู่ 1 อย่างคือ ไม่มีระบบปรับอัตรา Refresh Rate แบบอัตโนมัติ ซึ่งหากเปิดใช้งาน 120Hz ตลอดเวลาก็จะเป็นการสิ้นเปลืองแบตเตอรี่ หากแบตเตอรี่เหลือน้อยก็แนะนำให้เข้าไปปรับเป็น 60Hz จะดีกว่า
การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง
ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ดังนี้
ตัวเครื่องดีไซน์ขอบแบน โดดเด่นไม่แพ้พรีเซนเตอร์!
การดีไซน์ตัวเครื่องของ Redmi Note 11 Pro 5G จะเป็นแบบขอบแบน ซึ่งเป็นรูปแบบที่สวย ทันสมัยในปี 2022 โดยการจับใช้งานถือว่ายังจับได้ถนัด เพราะตรงมุมขอบเหลี่ยมต่างๆ เป็นแบบโค้งมน และมีความแข็งแกร่งมากขึ้นด้วยกระจกในส่วนฝาหลัง ถือว่าเป็นอีกสมาร์ทโฟนที่ดูโดดเด่น ตีคู่มากับพรีเซนเตอร์อย่างคูมอิ้งค์ไปเต็มๆ
หน้าจอ AMOLED อัตรา Refresh Rate สูงสุด 120Hz
Redmi Note 11 Pro 5G มาพร้อมหน้าจอแสดงผล พาแนล AMOLED กว้าง 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ช่วงสีแบบ DCI-P3 เรียกว่าเป็นอีกหน้าจอคุ้มๆ ที่ได้ทั้งสีที่สดสวยงาม แถมยังมีความกว้าง และความละเอียดที่สูง ช่วยให้ใช้งานดูหนังดูซีรี่ย์ได้อย่างสบายๆ ส่วนรอยแหว่งก็ไม่บังมากนักเพราะเป็นแบบ DotDisplay หรือจอเจาะรู
นอกจากนี้การแสดงผลก็ยังลื่นตาติดนิ้ว ด้วยอัตรา Refresh Rate สูงสุดถึง 120Hz แต่เสียดายที่ไม่มีระบบไดนามิก ปรับอัตรา Refresh Rate ให้แบบอัตโนมัติ ใครที่อยากได้หน้าจอลื่นตลอดเวลา แต่กินแบตเตอรี่ก็ไปปรับเป็น 120Hz และใครที่ต้องการประหยัดแบตเตอรี่ ไม่เน้นใช้งานลื่นนัก ก็เข้าไปปรับเป็น 60Hz กันได้
ฟังเพลงได้ดีด้วยลำโพงคู่ Stereo และมีช่องเสียบหูฟัง 3.5mm
คุณภาพด้านเสียงจะมีการติดตั้งลำโพงคู่ Stereo มาให้ พร้อมรองรับระบบ Dolby Atmos ทำให้เสียงออกมามีมิติ และยังปรับเสียงตามสไตล์ต่างๆ ได้ ถือว่าตรงนี้เป็นข้อได้เปรียบของ Redmi Note 11 Pro 5G หากนำไปเทียบกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นในราคาพอๆ กัน บางทีก็มีลำโพงตัวเเดียวเท่านั้น ทั้งนี้ Redmi Note 11 Pro 5G ยังมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ช่วยให้หาหูฟังมาใช้งานได้ง่าย หรือจะต่อหูฟังไร้สายก็ทำได้ดีเช่นกัน เพราะรองรับระบบ Bluetooth 5.1
ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 695
ชิปเซ็ตที่มาขับเคลื่อนให้กับ Redmi Note 11 Pro 5G จะเป็น Qualcomm Snapdragon 695 ซึ่งเป็นขุมพลังระดับกลางไม่ได้โดดเด่นในการใช้เล่นเกมกราฟฟิกสูงๆ แต่จะเน้นใช้งานพื้นฐานเช่น แอพฯ สังคมออนไลน์ ดูหนัง ฟังเพลง และระบบ AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการใช้งานกล้องถ่ายรูป นอกจากนี้ Qualcomm Snapdragon 695 ยังเป็นชิปเซ็ตขนาด 6 นาโนเมตร ช่วยให้ประหยัดพลังงานได้มากขึ้น จากที่ได้ลองใช้งานก็ถือว่าลื่นไม่มีปัญหา ผสมกับหน้าจอ 120Hz ยิ่งทำให้ดูลื่นขึ้นไปอีก
รองรับสัญญาณ 5G
Redmi Note 11 Pro 5G มาพร้อมโมเดม Snapdragon X51 5G ทำให้รองรับสัญญาณ 5G ทั้งแบบ Sub-6GHz, mmWave, และ SA/NSA ซึ่งสามารถใช้งานสัญญาณ 5G ตามผู้บริการในประเทศไทยได้อย่างแน่นอน
ทำสอบการเล่นเกม
ในการทดสอบเล่นเกมที่ต้องการสเปคเครื่องสูงๆ ทั้ง PUBG Mobile และ ROV ก็ยังสามารถเล่นได้ แต่ต้องปรับลดกราฟฟิกลงมาสำหรับเกม PUBG Mobile แต่เกม ROV สามารถปรับในระดับสูงตามที่ตัวเกมสามารถปรับได้ ทั้งนี้ Redmi Note 11 Pro 5G ยังมีระบบ Game Turbo ซึ่งเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ระหว่างเล่นเกม เช่น บล็อกการแจ้งเตือน, บันทึกหน้าจอ, หรือแคปหน้าจอ เป็นต้น และยังมีระบบเพิ่มกระสิทธิภาพให้ตัวเกมไปอีก ด้วยระบบเพิ่มประสิทธิภาพ โดยระบบจะเพิ่มประสิทธิภาพของกราฟฟิกให้ดีขึ้น ช่วยให้เล่นเกมได้ลื่น และเฟรมเรตที่นิ่งขึ้น แต่ก็แลกมาด้วยการกินแบตเตอรี่ที่มากขึ้น และตัวเครื่องที่ร้อนขึ้น
ระบบระบายความร้อน LiquidCool
ใช้งาน Redmi Note 11 Pro 5G ได้แบบสบายใจ ไม่ต้องห่วงเครื่องจะร้อนจนเกินไป เพราะภายในมีระบบ LiquidCool ประกอบไปด้วย ท่อฮีทไปค์รูปวงแหวน และแผ่นแกรไฟต์หลายเลเยอร์ ซึ่งจากที่ทำสอบเล่นเกมแบบปรับประสิทธิภาพให้สูงขึ้น เครื่องก็ยังมีอุ่นๆ อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ร้อนจนถึงขั้นเครื่องดับไปเลย ถือว่ายังควบคุมความร้อนได้ดี
ระบบความปลอดภัยไบโอเมตริก
Redmi Note 11 Pro 5G มาพร้อมระบบไบโอเมตริก 2 แบบคือ สแกนใบหน้า และสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มเพาเวอร์ โดยการสแกนใบหน้าก็ถือว่าใช้งานได้ดี จดจำใบหน้าได้ 2 แบบ และสแกนในที่แสงน้อยได้ด้วย ส่วนการสแกนลายนิ้วมือจะอยู่ที่ปุ่มเพาเวอร์ ก็ใช้งานได้แบบไม่มีปัญหา สแกนได้อย่างรวดเร็ว และจดจำลายนิ้วมือได้ถึง 5 ลายนิ้วมือ
แบตเตอรี่ 5,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 67W
ขนาดแบตเตอรี่เป็นอีกความโดดเด่นของ Redmi Note 11 Pro 5G ซึ่งให้มาขนาดใหญ่ถึง 5,000mAh ก็น่าจะเพียงพอต่อการใช้งานตลอดทั้งวันแบบสบายๆ โดยการทดสอบได้ใช้เล่นเกม PUBG Mobile ปรับกราฟฟิกเป็นสมดุล และใช้เฟรมเรตระดับ Ultra ปรับความสว่างหน้าจอที่ 70% ใช้เวลาเล่น 1 ชั่วโมง จากแบตเตอรี่ 90% ก็ลดลงมาเหลือ 78%
ทั้งนี้ Redmi Note 11 Pro 5G ยังสนับสนุนการชาร์จเร็วผ่านสายถึง 67W และมีอะแดปเตอร์ 67W แถมมาให้ทันทีในกล่อง จากที่ได้ลองชาร์จแบตเตอรี่ที่ 24% ใช้เวลาเพียง 45 นาทีเท่านั้นก็กลับมาเต็ม 100%
ทดสอบการใช้งานกล้องถ่ายรูป
สำหรับการใช้งานกล้องถ่ายรูปก็เป็นอีกไฮไลท์สำคัญของ Redmi Note 11 Pro 5G โดยเฉพาะกล้องหลังมีการติดตั้งมาด้วยกัน 3 เลนส์ เลนส์หลักใช้เซนเซอร์ขนาด 1/1.52 นิ้ว ความละเอียด 108MP รองรับการทำงานร่วมกับ AI และมีเทคโนโลยีรวมพิกเซล 9 in 1 Pixel ช่วยทำให้ภาพมีความละเอียดสูงมากขึ้น ส่วนการบันทึกวิดีโอ สามารถบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 1080p 30fps ในขณะที่กล้องหน้า มีความละเอียด 16MP บันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 1080p 30fps
ถ่ายภาพปกติ มี AI จดจำซีน
การถ่ายปกติถือว่ามีความสวยงาม และให้ความละเอียดที่ดีพอสมควร ด้วยกล้องที่มีความละเอียดสูง พร้อมเทคโนโลยี 9 in 1 Pixel และระบบ AI ที่ช่วยประแต่งภาพตามสถานการณ์ต่างๆ เช่น หน้าคม, สัตว์เลี้ยง, ตัวหนังสือ, ต้นไม้, ท้องฟ้า เป็นต้น เรียกว่าเพียงกดชัตเตอร์เพียงปุ่มเดียว ก็ได้ภาพสวยๆ ออกมาแล้ว ทั้งนี้ยังมีระบบปรับภาพฟรุ๊งฟริ๊ง ทำให้ภาพออกมาดูเนียนมากขึ้น
โหมดความละเอียดพิเศษ 108MP
เพื่อเป็นการรีดประสิทธิภาพกล้องหลักความละเอียด 108MP ได้อย่างเต็มที่ Redmi Note 11 Pro 5G เลยมีโหมดความละเอียดพิเศษ 108MP มาให้ เมื่อใช้งานในโหมดนี้จะได้รูปที่มีความละเอียดสูงถึง 12000x9000 พิกเซล ถือว่าเป็นความละเอียดที่สูง ช่วยให้ทุกส่วนของภาพมีความชัดเป็นพิเศษ สามารถนำไปครอปส่วนไหนของภาพก็ได้
โหมดมุมกว้าง
การถ่ายภาพมุมกว้าง จะได้เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 8MP จากกล้องหลังในการถ่าย โดยทำมุมกว้างได้ที่ 118 องศา ซึ่งภาพที่ออกมาก็ดูสวยงาม และให้รายละเอียดในมุมมองที่กว้างขึ้น
โหมด Macro
นอกจากมีเลนส์กว้างไปแล้ว การถ่ายภาพระยะใกล้ๆ ก็มีเลนส์ Macro มาให้ใข้งาน ซึ่งช่วยในการถ่ายภาพระยะใกล้มากๆ ได้ดี โดยภาพที่ออกมาก็ให้รายละเอียดในมุมใกล้ๆ ได้ชัดเจน มีการโฟกัสดีเทลที่สวยงาม เหมาะกับการถ่ายภาพแนวธรรมชาติเช่น ดอกไม้ ใบไม้ หรือแมลงต่างๆ เป็นต้น
โหมดกลางคืน
โหมดกลางคืนก็เป็นอีกโหมดที่ทำได้ดี ซึ่งให้รายละเอียด และแสงสีในตอนกลางคืนที่ดูสวยงาม และท้องฟ้าก็ดูเป็นกลางคืน ไม่ได้ดึงแสงให้ดูสว่างจนเวอร์เกินไป
การถ่ายเซลฟี่จากกล้องหน้า
กล้องหน้าที่จะมาพร้อมความละเอียด 16MP ทำให้ถ่ายเซลฟี่ได้ดีระดับหนึ่ง และยังปรับแต่งหน้าสวยได้หลากหลายกว่ากล้องหลัง โดยมีให้เลือกปรับทั้ง ผิวเนียน, หน้าเรียว, และตาโต ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ดีทีเดียว แต่การใช้งานในโหมด Portrait จะปรับได้แต่เพียงฟรุ๊งฟริ๊งเท่านั้น
ขอขอบคุณ : Xiaomi Thailand
ข้อมูลผู้ใช้ ร่วมแสดงความเห็นกับ : Redmi Note 11 Pro 5G
https://community.siamphone.com/viewtopic.php?t=466377
แคตตาล็อกตัวเครื่อง : https://www.siamphone.com/spec/redmi/note_11_pro_5g.htm
จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท