OPPO ตอกย้ำความเป็นตัวจริงเรื่องพอร์ตเทรต ส่งสมาร์ทโฟนน้องใหม่ของ OPPO Reno Series ซีรีส์สมาร์ทโฟนสุดฮอต ซึ่งเปิดตัวมาด้วยกัน 2 รุ่น คือ OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G ชูจุดเด่นด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นมีเอกลักษณ์ ยกระดับฟีเจอร์การถ่ายพอร์ตเทรตอย่าง Bokeh Flare Portrait ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอให้เก่งขึ้น เสมือนยกกล้อง DSLR มาไว้บนสมาร์ทโฟน ให้สมกับความเป็น “The Portrait Expert” เลยทีเดียว
เริ่มกันที่ดีไซน์ของ OPPO Reno7 5G มาพร้อมตัวเครื่องความบางเพียง 7.81 มม. น้ำหนักเบา 173 กรัม ฝาหลังแบบ 3 มิติ ทั้งสวยงาม และจับถือได้อย่างสบายมือ จอแสดงผลเป็น AMOLED ความกว้าง 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400x1080 พิกเซล) มองเห็นได้เต็มตา มีความคมชัด รองรับอัตรา Refresh Rate 90Hz และ Touch Sampling Rate สูงสุดถึง 180Hz แสดงผลได้สมูทลื่นไหล ตอบสนองต่อการสัมผัสได้รวดเร็ว
ส่วนบนของหน้าจอเป็นดีไซน์รอยเจาะที่มุมซ้าย ติดตั้งกล้องหน้า ความละเอียดสูงถึง 32 ล้านพิกเซล จอด้านล่างยังคงมาพร้อมระบบนำทางแบบซอร์ฟแวร์ ปรับเปลี่ยนได้ที่การตั้งค่าในภายหลังได้ และรองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอเพื่อปลดล็อคด้วย
ตัวเครื่องด้านข้างมีปุ่มการใช้งานต่างๆ โดยด้านขวาเป็นปุ่ม Power และทางด้านซ้ายเป็นช่องใส่ซิมการ์ด ถัดลงมาเป็นปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง
ด้านล่างของตัวเครื่องมาพร้อมพอร์ตแบบ USB C ช่วยให้การเสียบสายเชื่อมต่อมีความง่าย ด้านข้างเป็นลำโพงเสียง และไมโครโฟน
ในส่วนของฝาหลังใช้เทคนิคการให้สีแบบ OPPO Glow ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ เพิ่มความโฉบเฉี่ยวด้วยลวดลายฝนดาวตกที่สวยงาม กล้องหลังติดตั้งมาให้ 3 เลนส์ โดยเลนส์หลักมีความละเอียด 64MP, เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 8MP และเลนส์ Macro ความละเอียด 2MP
OPPO Reno7 Pro 5G มาพร้อมตัวเครื่องแบบแบน แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ของซีรี่ย์ที่จะมีความมน ส่วนของกรอบข้างใช้วัสดุเป็นเซรามิกผสานกับโลหะ มอบความแข็งแกร่ง และทำให้รูปทรงดูพรีเมี่ยมมากขึ้น หน้าจอแสดงผล AMOLED ความกว้าง 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400x1080 พิกเซล) อัตรา Refresh Rate สูงสุด 90Hz อัตราTouch Sampling Rate อยู่ที่ 180Hz ปรับความสว่างได้สูงสุด 920nits สนับสนุนคอนเทนด์ HDR10+
ใช้ดีไซน์รอยแหว่งแบบจอเจาะรูเช่นเดียวกัน ติดตั้งกล้องหน้าความละเอียด 32MP มีเซนเซอร์ Sony IMX 709 อยู่ด้าย ส่วนล่างของจอรองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอเพื่อปลดล็อค
รอบตัวเครื่องมีความเหลี่ยม ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ ส่วนปุ่ม Power จะอยู่ทางขวา มีขีดสีเขียวตัดกับสีของเครื่อง ทำให้ดูสะดุดตายิ่งขึ้น
ด้านล่างของตัวเครื่องมีพอร์ตแบบ USB type C ตรงกลาง ขนาบข้างด้วยลำโพงเสียง, ไมโครโฟน และช่องใส่ซิมการ์ด
กล้องหลังติดตั้งมาด้วยกัน 3 เลนส์ ประกอบไปด้วย เลนส์หลัก Sony IMX766 ความละเอียด 50MP, เลนส์ Wide Angle ความละเอียด 8MP และเลนส์ Macro ความละเอียด 2MP อีกทั้งยังใส่ลูกเล่นแสงไฟไว้ที่กรอบของโมดูลกล้อง ที่จะส่องสว่างขึ้นมาเมื่อมีการโทรเข้าหรือแจ้งเตือนต่างๆ อยู่ด้วย
จุดเด่นของ OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G ที่ต้องขอหยิบยกมาพูดถึงเป็นอันดับแรก นั่นก็คือความสามารถของกล้อง ซึ่งตอกย้ำความเป็น The Portrait Expert ตัวจริงเรื่องกล้องถ่ายภาพพอร์ตเทรตบนสมาร์ทโฟน มอบประสบการณ์การถ่ายภาพระดับมืออาชีพได้เสมือนกล้อง DSLR
ด้วยเลนส์หลัก Sony IMX766 ความละเอียด 50MP ที่มีอยู่ในรุ่น OPPO Reno7 Pro 5G ช่วยให้การถ่ายภาพ Portrait และบันทึกวิดีโอ Portrait สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น สามารถบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 4K ที่ 30fps ทั้งยังรองรับกันสั่น EIS ที่ความละเอียด 1080p อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกล้องหน้าเลนส์ Sony IMX766 ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ที่ช่วยให้การถ่ายภาพเซลฟี่มีความคมชัด สว่างสดใสขึ้นกว่าเดิม ลงรายละเอียดของแสง สี และพื้นผิวต่างๆ ได้ดีขึ้น เรียกได้ว่า OPPO Reno7 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่มีกล้องพอร์ตเทรตระดับแฟล็กชิพ พร้อมทั้งถ่ายวิดีโอพอร์ตเทรตได้เหมือนมืออาชีพ เพียงแค่กดปุ่มชัตเตอร์เพื่อบันทึกภาพเท่านั้นเอง
ทางด้าน OPPO Reno7 5G ก็ไม่น้อยหน้า ติดตั้งกล้องหลัง 3 เลนส์มาให้ โดยเลนส์หลักมีความละเอียดสูงถึง 64MP ช่วยให้การถ่ายภาพสวยงามคมชัด ฟีเจอร์การถ่ายภาพพอร์ตเทตก็มีเหมือนกันกับรุ่นโปรฯ ดังนี้
ด้วยอัลกอริธึม AI ที่ได้รับการอัปเดทของ OPPO ช่วยมอบเอฟเฟกต์ระยะชัดลึกให้กับกล้องสมาร์ทโฟน เสมือนว่าเราได้ใช้กล้อง DSLR ในการถ่าย เพียงแต่ย่อให้ฟังก์ชันเหล่านั้นสามารถใช้งานได้ง่ายขึ้นบนมือถือ โดย Bokeh Flare Portrait ที่มีอยู่ใน OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G จะช่วยมอบดวงไฟโบเก้ที่มีความเสถียรมากขึ้น จับจุดโฟกัสและเก็บภาพวัตถุต่างๆ ในเฟรมได้สมบูรณ์ยิ่งกว่า มอบภาพนิ่งและวิดีโอพอร์ตเทรตที่สวยงามในระดับมืออาชีพ เพียงแค่กดปุ่มชัตเตอร์บนหน้าจอ
ในโหมด Portrait ของ OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G ได้เพิ่มขีดความสามารถของการถ่ายภาพบุคคล โดยผู้ใช้งานสามารถปรับความชัดลึกและดวงไฟโบเก้บนพื้นหลังได้แบบกล้อง DSLR ทำให้ภาพที่ออกมาจะมีความสวยงาม เบลอฉากหลังได้ตามระดับที่ต้องการ มีความกลมกลืนกับบุคคลหรือวัตถุที่โฟกัส ดูสวยเป็นธรรมชาติมากขึ้น ถือเป็นเอฟเฟกต์โบเก้ที่สามารถทำได้ด้วยกล้อง DSLR ที่มีรูรับแสงขนาดใหญ่เท่านั้น
นอกจากความเป็นผู้นำด้านกล้องถ่ายพอร์ตเทรตแล้ว OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G ยังมาพร้อมดีไซน์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ผสานความสวยงามกับการใช้งานให้เข้ากันได้อย่างลงตัว โดยมาพร้อมกับเทคโนโลยี LDI ในฝาหลังของสี Startails Blue ทำให้เสมือนฝนดาวตกกำลังพาดผ่านฝาหลังอย่างสวยงาม อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี OPPO Glow ให้ความระยิบระยับในขณะเดียวกันก็ไม่เปื้อนรอยนิ้วมือ นอกจากความสวยงามแล้ว ยังลดการเกิดรอยนิ้วมือบนตัวเครื่องได้เป็นเยี่ยม
นอกจากนี้ OPPO Reno7 5G ยังมีตัวเครื่องที่บางเฉียบ มีความหนาเพียง 7.81 มม. น้ำหนักเบา 173 กรัม พร้อมฝาหลังแบบ 3 มิติ ที่ช่วยให้ถือจับได้รับกระชับมือ ซึ่งทั้ง OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G มาพร้อม 2 เฉดสีที่สวยงาม ได้แก่
ทางด้านชิปเซ็ต OPPO Reno7 5G เลือกใช้ MediaTek Dimensity 900 5G SoC ที่รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 5G และ Wi-Fi 6 เพื่อการเชื่อมต่อที่รวดเร็วขึ้น ให้การทำงานที่ทรงประสิทธิภาพ มาพร้อมแบตเตอรี่ 4,500mAh แถมพ่วงมากับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperVOOC สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ 100% ในเวลาเพียง 31 นาทีเท่านั้น เรียกได้ว่าสเปคไม่ธรรมดาเลย
เตรียมพบกับ OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด ที่พร้อมจะเปิดตัวและ เร็วๆ นี้ และสำหรับใครที่สนใจ สามารถเข้าไปติดต่อสอบถามได้ที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 โดยผู้จองจะได้รับของแถม โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ขอขอบคุณ : OPPO
ข้อมูลผู้ใช้ร่วมแสดงความเห็นกับ : OPPO Reno7 5G & OPPO Reno7 Pro 5G
https://community.siamphone.com/viewtopic.php?t=466018
https://community.siamphone.com/viewtopic.php?t=466020
แคตตาล็อกตัวเครื่อง : OPPO Reno7 5G & OPPO Reno7 Pro 5G
จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท