มากันอีก 1 รุ่นกับรุ่นเล็กราคาสบายกระเป๋า โดยเป็น Nokia C1 2nd Edition (2022) สมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android 11 Go Edition รองรับการอัปเดตความปลอดภัยนาน 2 ปีเต็ม ซึ่งเป็นจุดขายของ HMD Global ในการทำตลาดสมาร์ทโฟนแบรนด์ Nokia อยู่แล้ว นอกจากนี้ Nokia C1 2nd Edition (2022) ยังมีความโดดเด่นที่หน้าจอแสดงผลกว้าง 5.45 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD+ รองรับการปลดล็อกด้วยใบหน้าจากระบบ AI พร้อมติดตั้งไฟแฟลช LED ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง
ตัวเครื่องของ Nokia C1 2nd Edition (2022) จะมีขนาดเล็กจับใช้งานได้ถนัด โดยมีขนาดตัวเครื่องที่ 148x71.8x9.3 มิลลิเมตร และน้ำหนักเพียง 154 กรัม หน้าจอแสดงผลกว้าง 5.45 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1440x720 พิกเซล)
เหนือหน้าจอแสดงผล ทางซ้ายสุดเป็นไฟแฟลช LED และกล้องหน้า ความละเอียด 5MP ถัดมาตรงกลางเป็นช่องลำโพงเสียงสำหรับการสนทนา
ล่างหน้าจอแสดงผล ไม่มีปุ่มนำทางเป็นฮาร์ดแวร์ มีแต่เพียงโลโก้ Nokia
ทางซ้ายตัวเครื่อง ไม่มีปุ่มการใช้งานใดๆ
ทางขวาตัวเครื่องมีปุ่มใช้งานมาตรฐาน โดยปุ่มยาวเป็นปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียง และปุ่มเล็กเป็นปุ่มเพาเวอร์
ส่วนบนตัวเครื่อง Nokia C1 2nd Edition (2022) จะมาแหวกแนวหน่อยๆ โดยพอร์ต Micro USB จะอยู่ตรงกลางด้านบน และทางขวาเป็นช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
ส่วนใต้ตัวเครื่องมีเพียงรูไมโครโฟน 1 ตัว
พลิกมาที่ฝาหลัง จะพบกับกล้องหลัง ความละเอียด 5MP และไฟแฟลช LED วางเรียงเป็นแนวตั้ง ส่วนตรงกลางฝาหลังเป็นโลโก้ Nokia และมุมล่างซ้ายเป็นลำโพงเสียง
ทั้งนี้ Nokia C1 2nd Edition (2022) เป็นสมาร์ทโฟนแบบเปิดฝาหลังได้ เมื่อเปิดออกมาจะมีช่องใส่แบตเตอรี่ขนาด 2500mAh และช่องใส่ MicroSD Card กับใส่ซิมการ์ดแบบ Nano SIM 2 ช่อง
อุปกรณ์ในกล่อง
สเปคของ Nokia C1 2nd Edition (2022)
พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน
ROM หรือพื้นที่เก็บข้อมูลภายในของ Nokia C1 2nd Edition (2022) จะมีให้เลือกเพียงตัวเลือกเดียวคือ 16GB โดยการเปิดใช้งานครั้งแรกระบบมีการกินพื้นที่ไปประมาณ 5GB ทำให้เหลือพื้นที่ใช้งานจริงๆ ประมาณ 11GB แต่หากไม่พอก็ยังใส่ MicroSD Card ได้อีก 128GB
ระบบปฏิบัติการ Android 11 Go Edition
Nokia C1 2nd Edition (2022) จะรันบนระบบปฏิบัติการ Android 11 Go Edition แน่นอนว่าสเปคที่มาน้อยๆ แบบนี้ แต่ได้ระบบปฏิบัติการ Android 11 Go Edition ก็สามารถใช้งานได้แบบลื่นๆ พร้อมกับรองรับฟีเจอร์ที่จำเป็นๆ ทั้งหมด
หน้าจอหลัก
หน้าจอหลัก จะเน้นให้ใช้งานแบบง่ายๆ โดยแอพพลิเคชั่นทั้งหมดจะรวมอยู่ในหน้าจอหลักทั้งหมด และรูปแบบแอพฯ จะเป็นแบบวงกลม
Widget และ Wallpaper
การเปลี่ยนภาพพื้นหลัง หรือ Wallpaper ยังคงทำได้อยู่ โดยมีเลือกทั้งจากคลังรูปภาพ หรือรูปภาพที่มีมาให้ในเครื่อง ส่วน Widget ก็สามารถเลือกใช้งาน และนำมาใส่ในหน้าจอหลักได้ตามสบาย ทั้ง 2 อย่างสามารถเลือกใช้งานได้ด้วยการ กดค้างในพื้นที่ว่างตรงหน้าจอหลัก และจะมีเมนู Widget และ Wallpaper ขึ้นมาให้
คีย์บอร์ด
Gboard จะเป็นคีย์บอร์ดพื้นฐานของ Nokia C1 2nd Edition (2022) ซึ่งมีการใช้งานที่ง่าย และรองรับทั้งภาษาไทย และอังกฤษ
ธีมมืด และแสงตอนกลางคืน
การปรับเปลี่ยนธีมมืด ยังคงใช้งานได้บน และจะปรับเปลี่ยนเองอัตโนมัติหากแบตเตอรี่เหลือน้อยกว่า ซึ่งระบบจะทำการเปลี่ยนธีมเป็นสีดำ และใช้ตัวหนังสือสีขาว เพื่อใช้งานได้สบายตามากขึ้น นอกจากนี้ยังมีโหมดแสงตอนกลางคืน ที่จะลดแสงสีฟ้าออกจากหน้าจอ ช่วยให้ใช้งานในตอนกลางคืน หรือที่แสงน้อยได้สบายตามากขึ้น
การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง
ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ดังนี้
หน้าจอกว้าง 5.45 นิ้ว ความละเอียด HD+
Nokia C1 2nd Edition (2022) มีความโดดเด่นที่หน้าจอแสดงผล เพราะนอกจากความกว้าง 5.45 นิ้ว ยังมีความละเอียดระดับ HD+ ทำให้ใช้ดูหนัง ดูซีรี่ย์ได้ชัดในระดับหนึ่ง แม้ว่าจะไม่ได้ใหญ่กว้างสุดขอบเหมือนสมาร์ทโฟนสมัยใหม่ แต่หากมองราคา และสิ่งที่ได้มา ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว
ใช้ยาวๆ อัปเดตความปลอดภัยต่อเนื่อง 2 ปี
อย่างที่ทราบว่า Nokia C1 2nd Edition (2022) รันบนระบบปฏิบัติการ Android 11 Go Edition ทำให้ใช้งานได้อย่างราบรื่น แม้ว่าจะมีสเปคที่ไม่สูงมาก แต่ยังมีอีกจุดเด่นหนึ่ง ที่ทาง HMD Global ภูมิใจนำเสนอมานานแล้ว นั้นก็คือ การอัปเดตอย่างต่อเนื่อง และ Nokia C1 2nd Edition ก็ได้รับการการันตี อัปเดตความปลอดภัยนานถึง 2 ปีเต็ม และยังมีการอัปเดตความปลอดภัยทุกๆ 3 เดือน เรียกว่าใช้กันยาวๆ แบบหายห่วง
เน้นใช้งานแอพฯ ตระกูล Go และ Lite
Nokia C1 2nd Edition (2022) จะเน้นใช้งานพื้นฐานเป็นหลักอย่างเช่น ดูหนัง ฟังเพลง เล่นสังคมออนไลน์ และตอบแชทเป็นต้น นอกจากนี้ยังใช้งานได้ดีกับแอพพลิเคชั่นตระดูล Go และ Lite ซึ่งเป็นแอพฯ ที่ไม่หนักเครื่องมาก เพราะมีการตัดฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็นออกไป
สแกนใบหน้าด้วยระบบ AI
แม้ว่า Nokia C1 2nd Edition (2022) จะเป็นสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น แต่ก็มาพร้อมระบบความปลอดภัยไบโอเมตริกซ์อย่าง การสแกนใบหน้า และเป็นการทำงานร่วมกับ AI เพื่อสแกนใบหน้าได้อย่างแม่นยำมากขึ้น โดยการใช้งาน ก็ถือว่ามีความหน่วงอยู่เล็กน้อย และไม่สามารถสแกนใบหน้าในที่มืดได้ แต่หากอยู่ในที่มีแสงสว่างเพียงพอ ก็ยังสแกนได้ตามปกติ และระบบจะปลดล็อกเข้าหน้าจอหลักทันที
การใช้งานกล้องถ่ายรูป
กล้องถ่ายรูปของ Nokia C1 2nd Edition (2022) ก็มีให้พร้อมทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง โดยมีความละเอียด 5MP เหมือนกัน พร้อมกับความโดดเด่นด้วยการติดตั้งไฟแฟลช LED ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง ทำให้ถ่ายภาพตอนกลางคืนได้สะดวกมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีระบบ HDR ช่วยให้ถ่ายภาพในจุดย้อนแสงได้ดีขึ้น และใช้งานได้ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลังอีกด้วย
ตัวอย่างการถ่ายภาพจากกล้องหน้า
ตัวอย่างการถ่ายภาพจากกล้องหลัง
ราคา และการจัดจำหน่าย
Nokia C1 2nd Edition (2022) มีการเปิดตัว และวางขายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยมีให้เลือกเพียงสีเดียวคือ สีน้ำเงิน 1GB + 16GB พร้อมราคาเริ่มต้นที่ 2,090 บาท
ขอขอบคุณ : HMD Global
ข้อมูลผู้ใช้ร่วมแสดงความเห็นกับ : Nokia C1 2nd Edition (2022)
https://community.siamphone.com/viewtopic.php?t=465834
แคตตาล็อกตัวเครื่อง : https://www.siamphone.com/spec/nokia/c1_2nd_edition_(2022).htm
จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท