ถ้าหากใครกำลังเล็งสองรุ่นนี้ สำหรับมือถือประหยัดงบ แต่ไม่รู้ว่ามีความแตกต่างอย่างไร ทั้งในแง่ของจุดเด่นและสเปก เรามาเปรียบเทียบกันเลย ระหว่าง Redmi Note 10 5G ราคาแบ่งเป็นโมเดลสองรุ่น ได้แก่ RAM 4GB + ROM 128GB ราคา 5,999 บาท กับโมเดล RAM 8GB + ROM 128GB ราคา 6,999 บาท และอีกหนึ่งรุ่น Redmi Note 10S โมเดล RAM 8GB + ROM 128GB ราคา 7,499 บาท รายละเอียดเพิ่มเติมมีดังนี้
เริ่มกันที่จุดเด่นของทั้งสองรุ่น มีความน่าสนใจดังนี้
สำหรับรุ่นใหม่ Redmi Note 10 5G โดดเด่นในแง่การใช้งานเครือข่าย 5G รองรับการใช้งานได้ทั้งสองซิมการ์ดพร้อมกันเลย (สแตนบาย) มีหน้าจอแสดงผล 90Hz เลือกปรับระดับอัตรารีเฟรชเรทได้ระหว่าง 30Hz, 50Hz, 60Hz และ 90Hz มีเซนเซอร์ตรวจจับแสงรอบเครื่อง 360 องศา จึงปรับแสงหน้าจออย่างเหมาะสมแบบเรียลไทม์ ทั้งมีโหมดอ่านหนังสือ (Reading Mode 3.0) เมื่อเปิดโหมดจะลดแสงสีฟ้า และปรับแสงให้เหมาะต่อการอ่านหนังสือ E-Book มีแบตเตอรี่ความจุ 5000mAh เทคโนโลยีชาร์จไว 18 วัตต์ ด้านกล้องหลังมีความละเอียด 48 ล้านพิกเซล จำนวนกล้องทั้งหมด 3 เลนส์ ตัวเครื่องวัสดุพลาสติกพื้นผิวลักษณะด้าน โมดูลกล้องจะยื่นออกมานอกตัวเครื่อง อาจต้องระมัดระวังในการใช้งาน ส่วนปุ่มโฮมมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังไว้ ด้านซิมการ์ดประเภท Triple Slot โดยด้านบนตัวเครื่องมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร และช่องยิงสัญญาณ IR Blaster ทว่าไม่มีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน ด้านเทคโนโลยีพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน UFS 2.2 ให้คุณใช้งานไหลลื่น พร้อมระบบเชื่อมต่อครบครัน
ต่อด้วยอีกรุ่น Redmi Note 10S ชิปเซ็ต MediaTek Helio G95 ตอบโจทย์การเล่นเกมมากกว่า จุดเด่นพื้นผิวมัมวาว ครอบทับกระจกขอบโค้ง 3 มิติ ทั้งมีมาตรฐาน IP53 ช่วยป้องกันละอองน้ำ และฝนตกได้ หน้าจอสามารถแสดงสีสันได้สดใส ด้วยประเภทหน้าจอ Super AMOLED พร้อมเทคโนโลยีแสดงผลขอบเขตสีกว้างตามมาตรฐาน DCI-P3 ให้ความสว่างหน้าจอสูงสุด 1100 นิต มีเซนเซอร์ตรวจจับแสงรอบเครื่อง 360 องศา พร้อมลำโพงคู่ให้เสียง Hi-Res ถาดซิมการ์ด Triple-Slot ใส่ได้สองซิมการ์ด พร้อมหน่วยความจำภายนอก จุดเด่นเพิ่มเติม คือ เทคโนโลยีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในแบบ UFS 2.2 ที่จะให้คุณถ่ายวิดีโอ, เปิดแอปพลิเคชั่น หรือใช้งานต่างๆ ได้ไหลลื่น ด้านความบันเทิงก็โดดเด่นไม่น้อยหน้า มาพร้อมแกนสั่น Z-axis ที่ช่วยให้คุณใช้งานสนุกมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น สั่นแจ้งเตือนทั่วไป หรือการเล่นเกม อีกทั้งด้านบนตัวเครื่องมีรูไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนด้วย
สำหรับมือถือ Redmi Note 10S มีดีไซน์ที่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้า ด้วยวัสดุกระจกทำให้พื้นผิวมีความมันวาวกว่า จึงทำให้เห็นรอยนิ้วมือชัดเจน แต่ได้ความพรีเมียม สวยงาม ตัวเครื่องจะมีความเพรียวบาง จับถนัดกระชับมือ แม้ใช้งานมือเดียว อยู่ที่ 160.46 x 74.5 x 8.29 มม. น้ำหนัก 178 กรัม
สำหรับมือถือ Redmi Note 10 5G มีดีไซน์เพียวบางเช่นกัน 161.81 x 75.34 x 8.92 มม. แต่มีน้ำหนักตัวเครื่องมากกว่าที่ 190 กรัม ส่วนตัวเครื่องวัสดุพลาสติก แต่ไม่ได้มีการครอบทับกระจก ซึ่งพื้นผิวสัมผัสเป็นแบบด้าน
หน้าจอมีความแตกต่างชัดเจน Redmi Note 10S มีหน้าจอแสดงผลประเภทหน้าจอ Super AMOLED พร้อมเทคโนโลยีแสดงผลขอบเขตสีกว้างตามมาตรฐาน DCI-P3-8 bits ให้ความสว่างหน้าจอสูงสุด 1100 นิต พร้อมเซนเซอร์ตรวจจับแสงรอบเครื่อง 360 องศา และมาตรฐานการันตีความปลอดภัยจากแสงสีฟ้าของ SGS เรียกได้ว่าหากใครเป็นสายคอนเทนต์วิดีโอ หรืออ่านหนังสือ E-book ถือว่าตอบโจทย์มากเลยทีเดียว โดยมีขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียด 2400x1080 พิกเซล
ส่วนรุ่น Redmi Note 10 5G อีกความน่าสนใจของรุ่นนี้มีเพียงอัตรารีเฟรชเรท 90Hz เลือกปรับระดับได้ระหว่าง 30Hz, 50Hz, 60Hz และ 90Hz มีเซนเซอร์ตรวจจับแสงรอบเครื่อง 360 องศา จึงปรับแสงหน้าจออย่างเหมาะสมแบบเรียลไทม์ ทั้งมีโหมดอ่านหนังสือ (Reading Mode 3.0) เมื่อเปิดโหมดจะทำการลดแสงสีฟ้า และปรับแสงให้เหมาะสมต่อการอ่านหนังสือ E-Book โดยมีขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด 2400x1080 พิกเซล
เหนือหน้าจอขึ้นไปมีเซนเซอร์ต่าง ๆ และกล้องเซลฟี่ทรงจุดที่มีขนาดเล็กลง เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนรุ่นทั่วไป มีความละเอียดแตกต่างกัน
ด้านบนตัวเครื่องมีรูไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนและช่องยิงคลื่นสัญญาณ IR BLASTER สำหรับควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า บริเวณกึ่งกลางมีลำโพงเช่นกัน จึงทำให้เกิดระบบเสียงสเตอริโอ เพราะด้านล่างก็มี!
จุดแตกต่างเล็กๆ น้อย คือ มือถือ Redmi Note 10S มีรูเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรด้านล่างตัวเครื่อง ทว่า Redmi Note 10 5G จะวางตำแหน่งของหูฟังไว้ด้านบนตัวเครื่อง
ด้านข้างตัวเครื่องฝั่งซ้ายเหมือนกันคือจะเป็นถาดซิมการ์ดประเภท Triple-Slot ใส่ได้สองซิมการ์ด พร้อมหน่วยความจำภายนอก
ตัวเครื่องฝั่งขวามีปุ่มควบคุม แบ่งเป็น ปุ่ม Power สำหรับล็อค/ปลดล็อค/เปิด-ปิดเครื่อง และปุ่มเพิ่มเสียง/ลดเสียง โดยสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชั่นกดปุ่ม Power ติดต่อกันสองครั้งเพื่อเรียกใช้งานถ่ายภาพด่วน หรือกดปุ่ม Power พร้อมปุ่มลดเสียง เพื่อแคปหน้าจอ ตามการตั้งค่า
ด้านล่างตัวเครื่องของทั้งสองรุ่นมีพอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C ตรงกลาง สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ และถ่ายโอนข้อมูล รวมถึงช่องลำโพงอยู่ฝั่งขวา
ด้านหลังตัวเครื่องมีเลนส์กล้อง โมดูลกล้องที่ไม่ได้เรียนเนียนกับตัวเครื่อง ทำให้เวลาวางอาจต้องระมัดระวังการกระแทก หรือขูดขีด ส่วนเท็กเจอร์จะมีลายคล้ายแสงเปล่งประกายจากรอบโมดูลกล้อง โดยมีโลโก้ Redmi อยู่ที่ด้านล่างตัวเครื่องฝั่งซ้าย
อุปกรณ์ภายในกล่อง
สเปกเบื้องต้นของ Redmi Note 10 5G
สเปกเบื้องต้นของ Redmi Note 10S
หน้าจอหลักและหน้าเมนูการใช้งาน
การแสดงผล
เมนูสำหรับตั้งค่าการแสดงผลของหน้าจอ โดยสามารถปรับระดับความสว่าง, สี หรือเลือกโหมดการใช้งานได้ อาทิ โหมดอ่านทำให้โทนสีอุ่นขึ้น เพื่อความสบายตาในการใช้งาน และตั้งเวลาได้ด้วย นอกจากนี้ยังเปลี่ยนขนาดตัวอักษรภายในเครื่องได้ ถ้าใครต้องการตัวเล็ก ตัวใหญ่ก็เปลี่ยนในเมนูขนาดอักษรได้เลย รวมถึงการเปิดใช้งานแตะหน้าจอสองครั้งติดกันเพื่อปลุกหน้าจอ หรือเปิดใช้งานโหมดแสงทึบ, โหมดฟิลเตอร์แสงสีฟ้า, การซูมหน้าจอ เป็นต้น
การปรับแต่งรอยบากและสถานะ
เป็นดีไซน์ที่บางคนอาจชอบ หรือไม่ชอบ แต่ก็สบายใจได้ เพราะคุณสามารถปรับแต่งการแสดงผลได้ รวมถึงการแสดงผลของแอปพลิเคชั่นด้วย นอกจากนี้ยังปรับแต่งการแสดงผลต่างๆ ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น เปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่, ความเร็วในการเชื่อมต่อ เป็นต้น
การปรับแต่งหน้าจอหลักและหน้าแอปพลิเคชั่น
การปรับแต่งหน้าจอหลักและหน้าแอปพลิเคชั่นสามารถเลือกได้แบบที่ต้องการ เช่น 4x6 หรือ 5x6 เป็นต้น รวมถึงฟีเจอร์ปรับแต่งขนาดของแอปพลิเคชั่น เล็ก, กลาง, ใหญ่ และใหญ่สุดๆ
การเลือกธีม/วอลเปเปอร์/ไอคอน
ปรับแต่งอินเทอร์เฟชสมาร์ทโฟนของคุณให้มีความหลากหลาย จะเท่ จะน่ารัก หรือจะแบบสบายตา ก็ปรับแต่งได้ดั่งใจ มีทั้งแบบเสียเงินกับฟรี ก็ไม่มีทางจำเจเลยละ
การตั้งค่าปุ่มทางลัด
สะดวกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น โดยคุณสามารถตั้งค่าการใช้งานต่างๆ ได้เลย ไม่ว่าจะเป็น เริ่มต้นใช้งาน Google Assistant, การเปิดไฟฉาย, เปิดใช้งานกล้องด่วน, การเลือกวิธีแคปหน้าจอ เป็นต้น
โหมดเลือกเครือข่าย WiFi ที่ดีที่สุดอัตโนมัติ
โหมดนี้เหมาะสำหรับอยู่ในพื้นที่ที่มีสัญญาณ WiFi หลากหลาย เพื่อให้การใช้งานของคุณไม่สะดุด ต่อเนื่อง เนื่องจากจะเชื่อมต่ออัตโนมัติ ทว่าข้อที่ควรระวังคือ สัญญาณนั้นต้องเป็นมีความปลอดภัย เชื่อถือได้ด้วย มิเช่นนั้นอาจตกเป็นเหยื่อการโจรกรรมข้อมูลได้
ระบบการเชื่อมต่อครบครัน
มือถือทั้งสองรุ่นมีระบบการเชื่อมต่อที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น WiFi ระบบ 2.4GHz+5GHz, Miracast, Android Auto, Chromebook, Bluetooth 5.1, WiFi HotSport เป็นต้น ทว่าน่าเสียดายที่มีฟังก์ชั่น NFC แค่เพียงรุ่นเดียว คือ Redmi Note 10 5G
ฟังก์ชั่นยืนยันตัวตนผู้ใช้งาน
สำหรับการยืนยันตัวตนจะมีสองแบบ คือ ระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอกับระบบสแกนใบหน้า แค่คุณยกขึ้นให้พอดีกับใบหน้า ก็ปลดล็อคตัวเครื่องแล้ว ทั้งมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจด้วย เช่น การล็อกแอป, ตั้งค่าการเข้าถึง, เอฟเฟ็กต์ของการปลดล็อคลายนิ้วมือ เป็นต้น
การดูแลอุปกรณ์
โดยระบบจะทำการบริหารจัดการทรัพยากรระบบสำคัญๆ เพื่อให้การทำงานของคุณไหลลื่นและเป็นปกติ จะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อการใช้งานเป็นเวลานาน โดยที่ไม่ได้ทำการลบข้อมูลต่างๆ เลย
การโคลนแอปพลิเคชั่น
เลือกใช้ได้สองบัญชี เพื่อสลับเปลี่ยนระหว่าง User ส่วนตัว หรือ User สำหรับการทำงานได้ง่าย ๆ ในตัวเครื่อง ไม่ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นอื่นเพิ่มเติมให้ยุ่งยาก
ระบบเสียงที่ปรับแต่งได้หลากหลาย
เพิ่มประสบการณ์ความบันเทิงของคุณอย่างมีคุณภาพเสียงทุกท่วงทำนอง และหากคุณยังไม่ชื่นชอบกับจังหวะก็สามารถปรับแต่งได้ด้วยตนเอง
ฟังก์ชั่น SOS (ฉุกเฉิน)
หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดสามารถกดปุ่ม Power ติดต่อกัน 5 ครั้ง ระบบก็จะทำการส่งข้อความให้รายชื่อผู้ติดต่อที่คุณลงทะเบียนไว้ให้คนคนนั้นทราบว่าเราตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
โหมด VR
หากใครมีอุปกรณ์ VR อยากจะใช้งานก็จัดไปเลย เพราะทั้งสองรุ่นมีฟังก์ชั่นช่วยลดความเบลอกับลดการกะพริบ เพื่อให้การแสดงผลไหลลื่นมากที่สุด
สำหรับมือถือทั้งสองรุ่นต่างมีราคาประหยัดงบ แต่จุดเด่นและสเปก น่าสนใจเลยทีเดียว ดังนั้นจะขอนำสรุปว่าคู่หูนี้มีความโดดเด่น อะไรที่แตกต่างกัน อะไรที่เหมือนกันอย่างไรบ้าง
รองรับเครือข่ายการใช้งาน 5G
ไฮไลท์ที่น่าสนใจของมือถือรุ่นนี้คือการรองรับการใช้งานเครือข่าย 5G แบบสองซิมการ์ด ซึ่งแต่ละซิมการ์ดจะสแตนบายไว้ นั่นหมายความว่าคุณสามารถสลับการใช้งานได้อย่างอิสระเลย
หน้าจออัตรารีเฟรชเรท 90Hz
ข้อดีของอัตรารีเฟรชเรท คือ การที่สามารถแสดงผลได้ไหลลื่น ไม่หน่วง เพื่อให้สอดคล้องกับเฟรมเรทสูงๆ ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์วิดีโอความละเอียดสูง หรือการเล่นเกม เป็นต้น แต่ยังไม่หมด เพราะผู้ใชงานสามารถเลือกปรับอัตรารีเฟรชเรทได้ตามต้องการด้วย เพื่อประหยัดพลังงานจากแบตเตอรี่
ฟีเจอร์ชาร์จเร็ว 18 วัตต์
เป็นสมาร์ทโฟนที่ชาร์จเร็วเอามากๆ ในช่วงราคานี้ ไม่ต้องรอนาน แปปเดียวแบตเตอรี่ก็เต็มแล้ว นำเวลาไปทำอย่างอื่นได้สบายๆ เพราะมีความเร็วในการชาร์จมากถึง 18 วัตต์ ส่วนในกล่องแถมมาเป็นอะแดปเตอร์ชาร์จเร็วเต็มไว ไม่ต้องซื้อแยกเพิ่ม นอกจากนี้ยังมีโหมดประหยัดแบตเตอรี่ที่ช่วยคุณบริหารจัดการแบตเตอรี่คงเหลือได้อย่างเหมาะสม ด้วยปลายนิ้วของคุณ...
หน้าจอใหญ่ๆ จะดูอะไรๆ ก็ฟิน...
อย่างที่เกริ่นข้างต้น ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่มากถึง 6.43 นิ้ว ความละเอียดระดับ FullHD+ พร้อมเกรดมาตรฐานสีที่มีมุมมองของเฉดสีกว้างเต็มจุดพิกเซล พร้อมลดการแสดงผลแสงสีฟ้าลงอีกจากสถาบันการทดสอบชื่อดัง SGS ปลอดภัยยิ่งขึ้น จึงให้คุณเล่นเกม หรือรับชมคอนเทนต์วิดีโอได้อย่างเพลิดเพลิน ทั้งมีลำโพงสเตอริโอมาตรฐานเสียงแบบ Hi-Res เพียงเท่านี้อะไรๆ ที่เบื่อ ก็ฟินได้ง่ายๆ โอ้ว เย้
ฮาร์ดแวร์แกนสั่นเฉพาะ
มือถือรุ่นดังกล่าวมีแกนสั่น Z-axis ที่ช่วยให้คุณใช้งานสนุกมากยิ่งขึ้น รู้สึกสมจริง ไม่ว่าจะเป็น การสั่นแจ้งเตือนทั่วไป หรือการเล่นเกม
ฟีเจอร์ชาร์จเร็ว 33 วัตต์
เป็นสมาร์ทโฟนที่ชาร์จเร็วเอามากๆ ในช่วงราคานี้ ไม่ต้องรอนาน แปปเดียวแบตเตอรี่ก็เต็มแล้ว หรือคุณมีเวลาครึ่งชั่วโมง จากการทดสอบแบบผู้ใช้งานทั่วไป ก็ให้แบตเตอรี่ได้ประมาณมากกว่า 50% นำเวลาไปทำอย่างอื่นได้สบายๆ เพราะมีความเร็วในการชาร์จมากถึง 33 วัตต์ ส่วนในกล่องแถมมาเป็นอะแดปเตอร์ชาร์จเร็วเต็มไว ไม่ต้องซื้อแยกเพิ่ม นอกจากนี้ยังมีโหมดประหยัดแบตเตอรี่ที่ช่วยคุณบริหารจัดการแบตเตอรี่คงเหลือได้อย่างเหมาะสม ด้วยปลายนิ้วของคุณ...
มาตรฐานป้องกันน้ำป้องกันฝุ่น IP53
ใช้งานได้ทุกสถานการณ์หายห่วงมากขึ้น แม้ว่าจะไม่ป้องกันน้ำเต็มๆ แต่ก็ด้วยมาตรฐาน IP53 สามารถป้องกันละอองน้ำ และฝนตกได้ดี จึงมั่นใจมากยิ่งขึ้น
ต่อกันด้วยเรื่องกล้อง หลักๆ แล้ว ไม่ได้มีจุดเด่นอะไรที่แตกต่างกัน มีเฉพาะในแง่ของสเปกและจำนวนเลนส์กล้อง ซึ่งส่งผลต่อการถ่ายภาพเช่นกัน
โหมดถ่ายภาพบุคคล : ปรับแต่งผิวพรรณ หรือรอยหยักต่างๆ ให้หาย ด้วยภาพถ่ายโหมดดังกล่าว แค่แช๊ะ แชร์ลงโซเชียลเน็ตเวิร์คได้ทันที
โหมดถ่ายภาพกลางคืน : นอกจากภาพที่สว่างสวยเป็นธรรมชาติแล้ว ยังช่วยเก็บภาพให้คมชัดแบบกว้างๆ แสดงปริมาณแสงได้สมจริง พร้อมฟิลเตอร์แต่งภาพให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
โหมดถ่ายภาพมุมกว้าง : เก็บรายละเอียดของภาพกว้างมากยิ่งขึ้น สามารถเลือกถ่ายโหมดดังกล่าวได้ด้วยการเลื่อนระดับ โดยเมนูจะอยู่ฝั่งซ้ายสุด ในส่วนของโหมดถ่ายรูปภาพ
โหมดมาโคร : ลองเปลี่ยนแนวถ่ายภาพ เพื่อมองเห็นอะไรในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้ดียิ่งขึ้น ด้วยโหมดนี้จะซูมภาพให้คุณเห็นถึงความแตกต่าง
Redmi Note 10S ที่มีเลนส์กล้องหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมโหมดกล้องอื่นๆที่มีมาให้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น โหมดถ่ายภาพบุคคล , โหมดถ่ายภาพกลางคืน , โหมดมาโคร , โหมดโปร และ โหมดถ่ายภาพมุมกว้าง
Redmi Note 10 5G มีความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ส่วนโหมดถ่ายรูปต่างๆก็มีมาให้เหมือนกับตัว Redmi Note 10S แต่น่าเสียดายนิดหน่อยที่ไม่มีโหมดมุมกว้างมาให้
ขอขอบคุณ : Xiaomi Thailand
ข้อมูลผู้ใช้ ร่วมแสดงความเห็นกับ : Redmi Note 10 5G และ Redmi Note 10S
จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท