หลังจาก Mi 11 ถูกเปิดตัวมาครั้งแรกในประเทศจีน ก็ตกเป็นสมาร์ทโฟนสุดน่าสนใจต้นปี ค.ศ. 2564 ทันที แม้แต่ฝั่งนอกประเทศจีนตั้งตารอค่อยเตรียมจับใช้งานกันบ้าง ล่าสุด Xiaomi ประเทศไทยก็นำมาขายอย่างเป็นทางการ โดย Mi 11 มาพร้อมชิปเซ็ตขนาด 5 นาโนเมตรตัวล่าสุดอย่าง Qualcomm Snapdragon 888 ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการทำงานทุกๆ ด้าน พร้อมกล้องความละเอียดสูงสุดถึง 108MP ทำงานร่วมกับ AI โดยเฉพาะการถ่ายวิดีโอที่มีลูกเล่นเต็มไปหมดจนอยากจะลองใช้งาน นอกจากนี้ยังมีหน้าจอ AMOLED DotDisplay กว้าง 6.81 นิ้ว ความละเอียด WQHD+ แสดงสีแบบ 10 บิต และอัตรา Refresh Rate ที่ 120Hz อัตราตอบสนองการสัมผัสสูงถึง 480Hz ส่วนแบตเตอรี่มีขนาด 4,600mAh รองรับการชาร์จเร็ว 55W และไร้สาย 50W
ขนาดตัวเครื่องของ Mi 11 จะอยู่ที่ 164.3x74.6x8.06 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 196 กรัม ซึ่งถือว่าเป็นขนาดกำลังพอดีมือ และยังถือจับได้ถนัดมากขึ้น เพราะส่วนฝาหลังเป็นแบบโค้ง บอดี้กระจก
หน้าจอแสดงผลโค้งเล็กน้อยพาแนล AMOLED DotDisplay กว้าง 6.81 นิ้ว ความละเอียด WQHD+ Refresh Rate ที่ 120Hz อัตราตอบสนองการสัมผัสสูงถึง 480Hz ความคมชัดของสี 10-bit รองรับคอนเทนด์ HDR10+ และมีการครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass Victus
เหนือหน้าจอแสดงผล รอยแหว่ง DotDisplay อยู่มุมบนซ้ายของหน้าจอ ในนั้นมีกล้องหน้า ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล
ล่างหน้าจอแสดงผล จะรองรับการสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ และไม่มีปุ่มแบบฮาร์ดแวร์ โดยปุ่มจะเป็นแบบซอฟแวร์ในจอแสดงผล
ข้างซ้ายตัวเครื่องไม่มีปุ่มการใช้งานใดๆ
ข้างขวาตัวเครื่องมีปุ่มใช้งานมาตรฐาน ซึ่งปุ่มยาวเป็นปุ่มเพิ่มเสียง และลดเสียง ส่วนปุ่มเล็กเป็นปุ่มเพาเวอร์สำหรับพักหน้าจอ หรือปิดเครื่อง
ด้านบนตัวเครื่อง ซ้ายสุดเป็นลำโพงเสียง และคำกำกับไว้ว่า Sound By harman/kardon ถัดมาทางขวาเป็นรูไมโครโฟน กับเซนเซอร์ IR
ด้านใต้ตัวเครื่อง ทางซ้านเป็นช่องใส่ถาดซิมการ์ด โดยถาดเป็นแบบ Nano SIM 2 ช่อง รองรับซิม 5G ถัดมาตรงกลางคือพอร์ต USB Type-C และรูไมโครโฟน ส่วนขวาสุดเป็นลำโพงเสียง
ผลิกมาที่ฝาหลังตัวเครื่อง กล้องหลังจะอยู่มุมบนซ้ายบนโมดุลสี่เหลี่ยมขอบมน ส่วนกล้องติดตั้งมาด้วยกัน 3 เลนส์ พร้อมไฟแฟลช ประกอบไปด้วยเลนส์หลัก ความละเอียด 108MP, เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 13MP, และเลนส์ TeleMacro ความละเอียด 5MP ส่วนดีไซน์ฝาหลังสวยงามด้วยสีแบบด้าน แต่ให้ความเงาแบบดูพรีเมี่ยม
อุปกรณ์ภายในกล่อง
รายละเอียดสเปคของ Mi 11
RAM และพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน
ตัวเลือก RAM และ ROM ของ Mi 11 จะมีให้เลือก 2 ตัวเลือก โดยทั้ง 2 รุ่นเป็น RAM แบบ LPDDR5 และ UFS 3.1 แน่นอนว่าความเร็วระดับสูง สามารถโอนย้ายข้อมูลได้รวดเร็ว
ระบบปฏิบัติการ
เบื้องต้นระบบปฏิบัติการของ Mi 11 จะเป็น MIUI 12 บนพื้นฐาน Android 11 แต่จพมีการอัปเดตให้เป็น MIUI 12.5 เร็วๆ นี้ ซึ่งหากมีการอัปเดตมาแล้วจะมีการปรับปรุงระบบ UI ใหม่ ลดการใช้งาน CPU ลง 22% ทำให้การใช้พลังงานลดลง 15% ไม่พอแค่นั้นประสิทธิภาพในการทำงาน และการทำงานของกราฟฟิกจะไหลลื่นกว่าเดิม
หน้าจอหลัก
ในส่วนหน้าจอหลักก็ดูเรียบง่าย โดยมีไอคอนแอพฯ แบบสี่เหลี่ยมขอบมน สามารถปรับแต่งธีม และภาพพื้นหลังได้เอง โดยมีทั้งซื้อ และแบบฟรี
ปุ่มการนำทาง
ปุ่มการนำทางเริ่มต้นจะเป็นแบบ 3 ปุ่มคือ ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และปุ่มแอพฯ ก่อนหน้า แต่หากไม่ชอบการใช้งานแบบนี้ ก็สามารถไปเปลี่ยนเป็นท่าทางการนำทางได้เช่นกัน โดยเข้าไปที่ การตั้งค่า > หน้าจอหลัก > การนำทางระบบ
โหมดมืด
ในส่วนโหมดมืด Mi 11 ก็ไม่พลาดนำมาให้ใช้งานเช่นกัน ซึ่งแน่นอนว่าเหมือนเปลี่ยมนาใช้โหมดมืด ธีม และพื้นหลังของแอพฯ ต่างๆ จะถูกปรับเป็นสีดำ และใช้ตัวหนังสือสีขาว เพื่อความสะดวกในการใช้งานตอนกลางคืน หรือที่แสงน้อย ทั้งนี้หน้าจอของ Mi 11 ยังเป็นพาแนล AMOLED ทำให้การเปิดใช้งานโหมดมืด จะช่วยประหยัดการใช้พลังงานอีกทาง
โหมดป้องกันภาพเคลื่อนไหว
ในการใช้งานสมาร์ทโฟนตอนกลางคืน บางช่วงเวลาภาพหน้าจอจะดูเพี้ยนๆ และมีการกระพริบในบางมุมมอง ส่งผลให้ปวดตา ซึ่ง Mi 11 ก็มีโหมดป้องกันในส่วนนี้ โดยเป็น โหมดป้องกันภาพเคลื่อนไหว ซึ่งเข้าไปเปิดการใช้งานได้ที่ การตั้งค่า > การแสดงผล > โหมดป้องกันภาพสั่นไหว
การแบ่งหน้าจอ
การแบ่งหน้าจอแสดงผลช่วงแรกๆ อาจจะหากันไม่เจอ ซึ่งแท้จริงแล้วการแบ่งหน้าจอต้องเข้าไปที่ แอพฯ ก่อนหน้า จากนั้นกดค้างบนแอพฯ ที่ต้องการจะแบ่งหน้าจอ แล้วจะมีเมนูขึ้นมาให้เลือก แต่จะใช้ได้กับแอพฯ ที่รองรับเท่านั้น หรือจะใช้เป็นหน้าต่างป็อปอัพก็ได้เช่นกัน
ทดสอบประสิทธิภาพ
การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง
ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ดังนี้
ขุมพลัง Qualcomm Snapdragon 888 เร็วฉลาดรองรับ 5G
Mi 11 ถูกขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 888 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตระดับเรือธงที่มีขนาด 5 นาโนเมตร แน่นอนว่าเป็นรุ่นล่าสุดความสดใหม่ต้องมาเต็ม มีการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้นจากรุ่นเก่าแน่นอน ทั้งความรวดเร็ว การประหยัดพลังงาน และความฉลาดของ AI ผสมกับ RAM ที่เป็นแบบ LPDDR5 ยิ่งทำให้การใช้งานมีความรวดเร็วแบบเต็มสูบ ซึ่งจากที่ทดลองใช้งานจริง ก็ถือว่าเครื่องมีการทำงานที่รวดเร็วแบบประทับใจสุดๆ
หน้าจอแสดงผลแสดงสีสวยสด สัมผัสลื่น
หน้าจอของ Mi 11 จะใช้เป็น AMOLED DotDisplay ซึ่งสีของหน้าจอจะสดสวยอยู่แล้วตามฉบับพาแนล AMOLED แต่ยังได้เทคโนโลยีแสดงสีแบบ 10 บิต ทำให้สีดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ส่วนความละเอียดจะอยู่ที่ระดับ WQHD+ พร้อมเทคโนโลยี Super Resolution ทำให้ดูวิดีโอความละเอียดต่ำแต่ได้ความละเอียดระดับ WQHD+ แบบไม่ต้องเพิ่มปริมาณการใช้ข้อมูล
ต่อกันที่อัตรา Refresh Rate ปรับได้สูงสุดที่ 120Hz ทำให้การแสดงผลที่ลื่นเป็นพิเศษ และยังมีอัตราการตอบสนองการสัมผัสสูงถึง 480Hz จากที่ลองใช้งานจริงก็ประทับใจมากๆ มีการสัมผัสที่ลื่นจริงจัง กดปุ่มติดปั๊บทันใจสุดๆ นอกจากนี้ยังมีได้กระจก Gorilla Glass Victus ปกป้องรอยขีดข่วนได้อย่างมั่นใจ
ทดสอบการดูหนังฟังเพลง
การดูหนังดู Netflix ถือว่าดูได้แบบสบายๆ เพราะหน้าจอของ Mi 11 สีสวยคมชัดอยู่แล้ว แถมรองรับคอนเทนด์ HDR10+ ทางด้านคุณภาพเสียงก็โดดเด่นไม่แพ้กันโดยเฉพาะการเปิดเสีนงผ่านลำโพง เพราะลำโพงของ Mi 11 เป็นลำโพงคู่ ถูกปรับแต่งเสียงด้วย Harman/Kardon ทำให้คุณภาพเสียงที่ออกมาดูดีไม่เบา
การใช้งาน 5G
แน่นอนว่า Mi 11 จะรองรับสัญญาณ 5G ด้วยเช่นกัน เพราะใช้ชิปเซ็ตอย่าง Snapdragon 888 และยังรองรับ 5G แบบ Dual SIM ทำให้ Nano SIM ที่ใส่ใช้งานจะใช้งานสัญญาณ 5G ได้ทั้งคู่ จากการทดสอบความเร็วแถวๆ ดอนเมือง ก็พบว่า ได้ความเร็วไม่ค่อยเร็วเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะเครือข่ายยังไม่เสถียรพอก็เป็นได้
ทดสอบการเล่นเกม
ในการเล่นเกมสามารถใช้ Mi 11 เล่นเกมระดับสูงได้แบบจัดเต็ม ด้วยขุมพลัง Snapdragon 888 ประกอบกับระบบ Game Turbo ทำให้รีดประสบการณ์การเล่นเกมแบบจัดเต็ม แถมยังมีแถบเมนูค่อยอำนวยความสะดวกระหว่างเล่นเกม ทั้งตอบแชท หรือจะบล็อกการแจ้งเตือนต่างๆ จากที่ทดสอบก็ใช้เกม 3 เกม 3 แบบ ทั้ง PUBG Mobile, LOL Wild Rift, และ Genshin Impact
PUBG Mobile สามารถปรับกราฟฟิกสูงสุดที่ระดับ Ultra HD พร้อมปรับเฟรมเรตระดับ Ultra ได้ด้วย ซึ่งการใช้งานกราฟฟิกระดับนี้ทำให้ภาพออกมาสวยเป็นพิเศษ โดยเฉพาะรายละเอียดของน้ำ แต่หากอยากเข้าโหมดจริงจัง ต้องการความลื่นกว่าเดิม ก็แนะนำให้ปรับเป็นระดับ HDR HD เพราะจะสามารถปรับเฟรมเรตในระดับสูงสุดได้
ต่อมาเป็นเกม LOL Wild Rift เรียกว่าประทับใจมากๆ เข้าถึงการบวกได้แบบถึงพริกถึงขิง สามารถปรับกราฟฟิกระดับสูงสุดได้ที่ Ultra High Definition เปิดเงา เปิด 60fps ได้ทั้งหมด ซึ่งในการเล่นจริงก็มีความลื่นขั้นสุด ไม่ว่าจะช่วงทีมไฟต์ปะทะหนักๆ เฟรมเรตก็ยังนิ่งไม่มีตก
สุดท้ายเป็นแบบ Genshin Impact เอาจริงๆ Mi 11 ก็สามารถปรับกราฟฟิกสูงสุดแบบ 60fps ได้เลย แต่ตัวเครื่องจะดูตึงๆ หมุนฉากต่างๆ ยังดูมีอาการเฟรมเรตตกพอสมควร หากต้องการจะเล่นแบบสบายๆ ก็ให้ปรับเป็นระดับกลาง และเฟรมเรตเป็น 60fps จะดีกว่า
ระบบความปลอดภัย
ในส่วนระบบความปลอดภัยของ Mi 11 จะมีให้ใช้งานถึง 2 แบบคือ การสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และการสแกนใบหน้า โดยการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ มีความรวดเร็วมากทีเดียว และสแกนได้อย่างแม่นยำ สามารถจดจำลายนิ้วมือได้สูงสุดถึง 5 ลายนิ้วมือ ส่วนการสแกนใบหน้าก็รวดเร็วเช่นเดียวกัน สามารถสแกนในที่แสงน้อยได้ พร้อมจดจำใบหน้าได้ 2 ใบหน้า
แบตเตอรี่ 4,600mAh รองรับชาร์จเร็วผ่านสาย 55W
Mi 11 จะมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,600mAh ซึ่งถือว่าเป็นขนาดที่ใหญ่พอสมควร ประกอบกับซิปเซ็ต Snapdragon 888 ที่เป็นแบบ 5 นาโนเมตร ทำให้มีการประหยัดพลังงานมากขึ้น จากที่ทดสอบ ได้ทำการเล่น Genshin Impact ด้วยกราฟฟิกปานกลาง จากแบตเตอรี่ 58% เล่นไปครึ่งชั่วโมงแบตเตอรี่ลดลงมาเหลือ 45%
นอกจากนี้ Mi 11 ยังรองรับการชาร์จเร็วผ่านสายสูงถึง 55W โดยการทดสอบจริง จากแบตเตอรี่ 27% ชาร์จไฟไปเพียง 30 นาที ก็ได้แบตเตอรี่กลับมาถึง 93%
การใช้งานกล้องถ่ายรูป
Movie Magic คือสโลแกนหลักของ Mi 11 แน่นอนว่าจุดเด่นจะอยู่ที่การถ่ายวิดีโอ เพราะมีลูกเล่นให้เลือกใช้งานมากมาย และยังมีการสวยระดับสตูดิโอด้วยการบันทึกวิดีโอแบบ HDR10+ นอกจากนี้ยังมีระบบ AI Erase 2.0 ช่วยในการลยวัตถึที่ไม่ต้องการออกจากภาพ ส่วนสเปคกล้องนั้น มาพร้อมกล้องหลัง 3 เลนส์ ประกอบไปด้วยเลนส์หลัก ความละเอียด 108MP, เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 13MP, และเลนส์ Macro ความละเอียด 5MP ในขณะที่กล้องหน้า มีความละเอียดที่ 20MP ทั้งหมดมีการทำงานร่วมกับ AI ทั้งภาพนิ่ง และการถ่ายวิดีโอ
โหมด 108MP
จากกล้องหลังเลนส์หลัก ที่มีความละเอียด 108MP ทำให้ Mi 11 มาพร้อมโหมดพิเศษ 108MP ซึ่งจะช่วยให้ใช้งานเลนส์ 108MP ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยภาพที่ออกมาจะมีความละเอียดสูงถึง 9024x12032 พิกเซล ทำให้ภาพมีความชัดในทุกมุม ไม่ว่าจะครอปในส่วนไหน ภาพก็ยังชัดเจน
โหมดกลางคืน
ความพิเศษของโหมดกลางคืนในเครื่อง Mi 11 ก็คือ สามารถใช้งานร่วมโหมดอื่นๆ ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ถ่ายปกติ, โหมด 108MP, โหมดมุมกว้าง, เซลฟี่ หรือแม้แต่ถ่ายวิดีโอก็ใช้งานได้เช่นกัน ส่วนภาพที่ออกมาก็เผยรายละเอียดในที่แสงน้อยได้ดี
โหมดมุมกว้าง 123 องศา
ใช้งานโหมดมุมกว้าง ภาพก็ออกมาสวยเช่นกัน โดยเลนส์ Ultra-Wide มีความละเอียดถึง 13MP ซึ่งภาพก็ออกมาชัดเจนสมบูรณ์ แถมภาพยังสมบูรณ์มากขึ้นไม่บิดเบี้ยวเหมือนเลนส์ UltraWide ก่อนหน้า เพราะมีระบบปรับภาพไม่ให้เบี้ยว ทั้งตัวพื้นหลัง และส่วนหน้าของรูปภาพ
โหมด Macro
นอกจากเลนส์ Ultra-Wide กล้องหลังของ Mi 11 ยังมีเลนส์ Telemacro ช่วยให้ถ่ายภาพมุมใกล้ได้อย่างดีเยี่ยม
โหมดภาพบุคคล
ในการใช้งานโหมดภาพบุคคลก็ถือว่า Mi 11 ทำออกได้ค่อนข้างดี เบลอในส่วนที่ไม่โฟกัสได้อย่างฉลาด ทั้งพื้นหลัง และส่วนหน้า ทำให้จุดโฟกัสมีความโดดเด่นเป็นพิเศษ
ถ่ายเซลฟี่จากกล้องหน้า
กล้องหน้าของ Mi 11 มีความละเอียดที่ 20MP ซึ่งจากการใช้งานจริงก็ประทับใจมากๆ โฟกัสได้ดี แถมยังเบลอพื้นหลังได้อย่างเป็นธรรมชาติ แม้มีเพียงเลนส์เดียวเท่านั้น นอกจากนี้ยังมั่นใจมากขึ้น ด้วยโหมดปรับแต่งใบหน้า ทำให้ใบหน้าของผู้ถ่ายเซลฟี่มีความสวยเนียน และโดดเด่นเป็นอย่างมาก
สร้างวิดีโอสุดครีเอท ด้วยเอฟเฟคภาพยนต์
MI 11 พร้อมร่ายมนต์ให้กับการถ่ายวิดีโอแบบจัดเต็ม ด้วยลูกเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจ และยังมีให้เลือกใช้งานที่หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น ซูมเมจิก, หยุดเวลา, โลกคู่ขนาน เป็นต้น แถมใช้งานยังง่ายอีกด้วย ถือว่าตอบโจทย์คนชอบใช้งานด้านวิดีโอเป็นพิเศษ
โหมดโคลน
นี้ก็เป็นอีกลูกเล่นที่ดูน่าสนใจบน Mi 11 โดยโหมดโคลนจะทำการแยกร่างนายแบบ หรือนางแบบ ในรูปภาพ หรือแบบวิดีโอ สามารถดูได้ตามรูปด้านล่าง หรือวิดีโอ
บันทึกวิดีโอแบบ HDR10+
การถ่ายวิดีโอของ Mi 11 ดูดีมีระดับมากขึ้นด้วยการบันทึกวิดีโอแบบ HDR10+ ทำให้สร้างสรรค์วิดีโอระดับภาพยนต์ได้ง่ายๆจากสมาร์ทโฟน แต่ต้องปรับเป็นความละเอียดระดับ 4K หรือ 8K เท่านั้นถึงจะเปิดใช้งาน HDR10+
คุณสมบัติการถ่ายภาพนิ่ง
คุณสมบัติการถ่ายวิดีโอ
ขอขอบคุณ : Xiaomi Thailand
ข้อมูลผู้ใช้ ร่วมแสดงความเห็นกับ : Mi 11
https://community.siamphone.com/viewtopic.php?t=463879
แคตตาล็อกตัวเครื่อง : https://www.siamphone.com/spec/xiaomi/mi_11.htm
จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท