Moto Z Play รุ่นน้องของ Moto Z โดยมีสเปกที่ไม่แตกต่างกันมากนัก มาพร้อมระบบการเชื่อมต่อที่ครบครัน ทำให้เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าจับตามองในราคาหมื่นกลางๆ ซึ่งรุ่นดังกล่าวก็มีดีไซน์คล้ายกับรุ่นพี่ ทว่าสิ่งที่ไม่เหมือนกันคือการมีพอร์ตเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรมาให้ รวมถึงด้านหลังจะยังมีขั้วแม่เหล็กสำหรับเพิ่มเติมประสบการณ์การใช้งานด้วย Moto Mods อีกทั้ง ดีไซน์ตัวเครื่องยังเป็นเอกลักษณ์เช่นเคย ขณะที่จุดเด่นที่น่าสนใจมีดังต่อไปนี้ หน้าจอ Super AMOLED, พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 32GB, NFC ไว้เชื่อมต่อไร้สาย, แบตเตอรี่ความจุ 3510 mAh พร้อมระบบชาร์จเร็ว, กล้องที่สามารถบันทึกวิดีโอระดับ 4K ได้ซึ่งมีตัวเลือกไม่มากนักในราคานี้ และไมโครโฟน 3 ตัว เป็นต้น
Moto Z Play อย่างที่เกริ่นข้างต้นมีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ คล้ายคลึงรุ่นพี่ ที่เพิ่มเติมคือทั้งด้านหน้าและด้านหลังจะครอบทับด้วยกระจก และเคลือบสารกันนํ้า Water Repellent Nano-Coating แต่ไม่สามารถจุ่มนํ้าหรือแช่ในนํ้าได้ ส่วนขอบตัวเครื่องผลิตด้วยอะลูมิเนียมตัดกับเฉดสีของตัวเครื่องที่ต่างกัน โดยตัวเครื่องมีขนาด 156.4 x 76.4 x 6.99 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 165 กรัม
หน้าจอแสดงผล Super AMOLED ขนาดกว้าง 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ FullHD (1080p) ความหนาแน่นต่อพิกเซลอยู่ที่ 403 ppi แล้วครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass โดยมีปุ่มควบคุมแบบฉบับแอนดรอยด์ 3 ปุ่ม ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และปุ่ม Recent App
เหนือหน้าจอขึ้นไปมีกล้องดิจิตอลความละเอียด 5 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 85 องศา รูรับแสงกว้าง f/2.2 พร้อมไฟแฟลช LED ตรงกลางมีลำโพงเสียงสำหรับฟังขณะทำการสนทนา รวมถึงเหล่าเซ็นเซอร์ Accelerometer Sensor ปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามการจับถือของผู้ใช้ และระบบ Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน
ถัดมาด้านล่างมีปุ่มสำหรับสแกนลายนิ้วมือเท่านั้น ไม่สามารถกดได้ โดยจะมีรูไมโครโฟนข้างๆ
ด้านบนตัวเครื่องมีเส้นเสาสัญญาณ และรูไมโครโฟนตัวที่สองฝั่งขวา โดยฝั่งซ้ายจะเป็นช่องใส่ซิมการ์ดประเภท NonoSIM สองซิมการ์ด และถ้าพลิกอีกด้านหนึ่งจะพบช่องใส่ MicroSD Card ความจุสูงสุด 2TB
** กรุณาตรวจสอบรุ่นมือถือที่รองรับเครือข่าย 3G, 4G อีกครั้ง **
ด้านซ้ายตัวเครื่องไม่มีปุ่มใดๆ โดยตัวเครื่องด้านขวามีปุ่มควบคุม 3 แบบ ได้แก่ ปุ่ม Power, ปุ่มเพิ่มเสียง และปุ่มลดเสียง
ด้านล่างตัวเครื่องมีช่องเชื่อมต่อ USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือโอนถ่ายข้อมูล และช่องเชื่อมต่อกับหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร
ต่อกันด้วยด้านหลังตัวเครื่อง มีกล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด F/2.0 จุดพิกเซลขนาด 1.3um ระบบการจับโฟกัสแบบ Laser Autofocus และ PDAF (Phase Detection Autofocus) พร้อมไฟแฟลชแบบคู่ (Dual-LED)
และด้านล่างมีขั้วแม่เหล็กเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริม Moto Mods รวมถึงรูไมโครโฟนตัวที่ 3
อุปกรณ์ภายในกล่องของ Moto Z Play
การเปรียบเทียบขนาดตัวเครื่อง Moto Z Play เมื่อถือใช้งานในมือของผู้ชาย (ซ้าย) และมือผู้หญิง (ขวา)
การเปรียบเทียบขนาดตัวเครื่อง Moto Z Play กับไม้บรรทัด
ระบบปฏิบัติการ
Moto Z Play ทำงานด้วยระบบปฎิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่น 6.0.1
หน้าจอล็อค
สามารถตั้งรูปแบบการล็อค 6 รูปแบบ อาทิ ไม่มี, เลื่อน, รูปแบบ, PIN, ลายนิ้วมือ และรหัสผ่าน โดยแต่ละอย่างมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ิ ิ
หน้าจอหลัก
มีรูปแบบการใช้งานเหมือนแอนดรอยด์ทั่วไป โดยสามารถกดค้างเพื่อโยกย้ายแอพฯ หรือเปลี่ยนวอลเปเปอร์, วิดเจ็ต, เข้าสู่เมนูการตั้งค่า
หน้า Notification
สามารถเปิดการตั้งค่าด่วนและอ่านการแจ้งเตือนต่างๆ ได้จากการปัดเลื่อนลงมาด้านล่างหน้าจอ และที่มุมขวาจะมีไอคอนรูปเฟื่องกดเพื่อเข้าหน้าการตั้งค่า
หน้าแอพพลิเคชั่น
จะเป็นหน้ารวมแอพพลิเคชั่นที่มีอยู่ในเครื่องทั้งหมด โดยเรียงลำดับตามตัวอักษร ทั้งนี้ 4 ไอคอนแอพฯ ด้านบนหมายถึงแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานล่าสุด และถ้ากดค้างที่แอพฯ ใด หมายถึงการนำไปวางไว้บนหน้าจอ
วิธีการบันทึกภาพหน้าจอ
กดปุ่มลดเสียงและปุ่ม Power พร้อมกัน
หน้าการตั้งค่า (Setting)
การโทร/ข้อความ/นาฬิกา/ปฏิทิน/สภาพอากาศ/เครื่องคิดเลข/ตัวจำกัดไฟล์
รายละเอียดสเปกสมาร์ทโฟนรุ่น Moto Z Play มีดังต่อไปนี้
พื้นที่เก็บข้อมูลภายในและ RAM
สำหรับ Moto Z Play มีพื้นที่หน่วยความจำภายใน 32GB สามารถใช้ได้จริง 23.13GB ขณะที่แรมมีว่างให้ใช้อยู่ประมาณ 1.8GB จากสเปกเครื่อง 3GB
สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพของสมาร์ทโฟน Moto Z Play ในการทำงานด้วยผลคะแนน Benchmark
Moto Mods
อีกหนึ่งสีสันที่เหล่าสาวก moto รู้จักกันดี โดยจะมีเหล่าอุปกรณ์เสริมช่วยยกระดับการใช้งานแก่สมาร์ทโฟนของโมโตให้ดียิ่งขึ้นอีก แบ่งเป็น 5 ประเภท ดังนี้
1. Hasselblad True Zoom อุปกรณ์สำหรับผู้รักการถ่ายภาพ ถูกออกแบบให้จับถือสะดวก ส่วนคุณสมบัติก็ไม่ธรรมดามาพร้อมระบบกันสั่นทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ สามารถถ่ายภาพแบบ RAW และมีโหมด Pro รวมถึงโหมดอื่นๆ ให้เลือกใช้แตกต่างกันที่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซึ่งมีเซ็นเซอร์ BSI CMOS ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.3 นิ้วจุดพิกเซล 1.55 um รูรับแสง f 3.5 - 6.5 รองรับการซูมภาพแบบออปติคอลถึง 10 เท่า / ดิจิตอล 4 เท่า ระยะการถ่ายภาพอยู่ที่ 25 – 250 มิลลิเมตร และไฟแฟลชแบบ Xenon สามารถบันทึกวิดีโอระดับสูงสุด FullHD / 30fps : ราคาวางจำหน่าย 9,990 บาท
2. Moto Insta Share Projector : แปลงภาพที่แสดงผลบนหน้าจอของเรา ให้สามารถฉายภาพสู่ภายนอกเสมือนว่ามีโปรเจคเตอร์ไว้ใช้งาน ในขนาดกว้าง 70 นิ้ว ความละเอียด 854 x 480 พิกเซลโดยออกแบบให้มีขาตั้งเพื่อปรับตั้งตามต้องการและแบตเตอรี่จุ 1,100 mAh ซึ่งจะใช้งานได้ประมาณ 1 ชั่วโมง : ราคาวางจำหน่าย 12,990 บาท
วิธีใช้งาน Moto Insta Share Projector รายละเอียดังนี้
ผู้ใช้ต้องนำ Mod ดังกล่าวไปประกบติดกับ Moto Z Play ให้ขั้วแม่เหล็กอยู่ติดกัน โดยเมื่อติดกันแล้วจะไม่หลุดแม้เขย่า ติดกันแน่นทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลว่าจะกลัวหล่น ถึงแม้ตัวอุปกรณ์จะมีนํ้าหนัก
ส่วนการเปิดฉายภาพตัวอุปกรณ์จะมีปุ่มควบคุม 2 จุด โดยฝั่งซ้ายทำหน้าที่หมุนเพื่อปรับโฟกัสของภาพ ส่วนฝั่งขวาเป็นปุ่มเปิด/ปิด การใช้งาน (กดค้างไว้ประมาณ 3 วินาที)
นอกจากนี้ตัวอุปกรณ์ยังมีขาตั้ง โดยจะอยู่บริเวณกึ่งกลาง สามารถเปิดออกได้จากช่องว่างบริเวณจุดฉายไฟ ซึ่งปรับระยะการตั้งได้ตามต้องการ
ส่วนด้านหลังมีพอร์ต USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ให้กับตัวโปรเจคเตอร์
ขณะที่ด้านหน้าจะมีดวงไฟตรงกลางแสดงปริมาณของแบตฯ โดยถ้าชาร์จเต็มแล้วจะปรากฏเป็นแสงสีเหลืองค้างไว้ ถ้ากำลังชาร์จจะกระพริบ
3. JBL Soundboost Speaker : เอาใจคนรักการฟังเพลงด้วยระบบเสียงจาก JBL สามารถใช้งานต่อเนื่องนาน 10 ชั่วโมง ด้วยความจุแบตเตอรี่ 1000 mAh กับลำโพงสองตัวขนาด 27 มิลลิเมตร ให้ความดังสูงสุด 80 dBSPL ในช่วงคลื่นความถี่ 200 Hz—20 kHz : ราคาวางจำหน่าย 3,990 บาท
4. Incipio Offgrid Power pack : มีลักษณะทำงานคล้ายกับแบตเตอรี่สำรองเพียงแต่ไม่ต้องใช้สายในการชาร์จแต่อย่างใด แค่ติดอุปกรณ์เข้ากับสมาร์ทโฟนบริเวณขั้ว เท่านี้ก็จะสามารถชาร์จแบตฯ ได้แล้ว โดยมีความจุ 2200 mAh เพิ่มระยะเวลาการใช้งานประมาณ 22 ชั่วโมง : ราคาวางจำหน่าย 3,990 บาท
โหมดสี (การตั้งค่า > แสดงผล)
เปลี่ยนเฉดสีให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของเรา โดยแบ่งออกเป็นมาตรฐานกล่าวคือจะแสดงเฉดสีแบบธรรมชาติ แต่ถ้าเป็นสดใสก็จะมีการเร่งสีออกมาให้มีความสดใสสวยขึ้น
โหมดประหยัดพลังงาน (การตั้งค่า < แบตเตอรี่ < โหมดประหยัดแบตเตอรี่)
ยืดระยะเวลาการใช้งานออกไปอีก หากแบตฯ อยู่ในระดับฉุกเฉิน ทำให้ยังสามารถใช้เพื่อติดต่อสื่อสารได้
ระบบ Gesture (แอพพลิเคชั่น Moto)
เพิ่มความสะดวกในการใช้งานด้วยระบบ Gesture เช่น กวาดนิ้วเพื่อย่อหน้าจอ วิธีการคือ แค่เราปัดเลื่อนขึ้นบริเวณมุมด้านล่างของหน้าจอ ระบบก็จะทำการย่อให้ทันที เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งานมือเดียว หรือเขย่าสองครั้งเพื่อเปิดปิดไฟฉาย หากคุณอยู่ในพื้นที่มืดแล้วต้องการแสงสว่างเพื่อดูทาง ซึ่งคงลำบากหากมานั่งหาแอพฯ ทว่า Moto Z Play ที่ต้องทำก็แค่เขย่าสองครั้งไฟฉายจะเปิดออกทันที
Moto Display (แอพพลิเคชั่น Moto)
ประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น ด้วยการรายงานผลการแจ้งเตือนต่างๆ บนหน้าจอในโทนสีดำ ซึ่งทำให้ไม่ต้องเปิดเข้าใช้แอพฯ ใดๆ ให้ยุ่งยากและสิ้นเปลืองแบตฯ โดยใช่เหตุ
ทดสอบการเล่นเกมเป็นอย่างไร
โดยสลับเกมเล่นประมาณ 1 ชั่วโมง ผลปรากฏว่าไหลลื่นทุกเกม และไม่มีอาการหน่วงใดๆ ส่วนอุณหภมูิพบว่าอุ่นๆ ไม่ร้อนจนเห็นได้ชัด
จุดเด่นของ Moto Z Play มีดังต่อไปนี้
ประเด็นที่ผู้ใช้งานจะต้องพิจารณาเพิ่มของ Moto Z Play มีดังต่อไปนี้
กล้องดิจิตอล
กล้องถ่ายรูปด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 จุดพิเซลขนาด 1.3um มาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว และการจับโฟกัสด้วย Laser + PDAF และไฟแฟลชคู่แบบ Color Balance รองรับการบันทึกวิดีโอสูงสุด 4K@30fps ขณะที่ด้านหน้าเป็นเลนส์มุมกว้าง 85 องศา ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 + ไฟแฟลช และซอฟต์แวร์ปรับหน้าสวย
คุณสมบัติการถ่ายภาพ
คุณสมบัติการถ่ายวิดีโอ
ขอขอบคุณ : โมโตโรล่า โมบิลิตี้
ข้อมูลผู้ใช้ ร่วมแสดงความเห็นกับ : Moto Z Play
http://community.siamphone.com/viewtopic.php?t=453044
แคตตาล็อกตัวเครื่อง : http://www.siamphone.com/spec/moto/z_play.htm
จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท