ซอฟต์แวร์ (Software)  |   วันที่ : 20 พฤษภาคม 2567

ปรับขนาดตัวอักษร - ก+ก

แชร์

เรียกได้ว่าเป็นปีทองของ AI เลยทีเดียว เพราะทุกเรื่องราวของเทคโนโลยีและนวัตกรรม การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในแต่ละแขนง ล้วนมีระบบปัญญาประดิษฐ์อยู่เบื้องหลังเสมอ เมื่อปีที่แล้ว ยิ่งทวีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เพราะ Google ลงมาเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักไปแล้ว ได้เปิดตัว Chatbot AI สุดเก่ง Gemini ที่ CEO ซุนดาร์ พิชัย (Sundar Pichai) ซีอีโอของกูเกิลกล่าวว่า “นี่คือยุคสมัยใหม่ของ AI เลยทีเดียว"

แล้ว Gemini คืออะไร เล่าอย่างง่ายให้ฟัง : Gemini คือโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model หรือ LLM) เป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญของอุตสาหกรรม AI ถูกนำไปประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของกูเกิล แบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน...

เริ่มจากหน่วยขนาดเล็กที่สุดคือเจมิไนนาโน (Gemini Nano) สำหรับใช้งานทั่วไป เช่น บนสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ต่อมาเจมิไนโปร (Gemini Pro) เหมาะขับเคลื่อนบริการ AI ต่างๆ ของกูเกิล ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ ทำงานอยู่เบื้องหลังแชทบอตบาร์ด (Bard) เป็นต้น

หน่วยขนาดใหญ่ที่สุดเจมิไนอัลตรา (Gemini Ultra) เป็นหน่วย LLM ทรงพลังที่สุด ถูกออกแบบเพื่อใช้งานกับศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ในระดับองค์กรที่มีการทำงานซับซ้อน เพื่อเป็นกรณีศึกษาในทุกภาคส่วน เพื่อเก็บเป็นข้อมูลให้เกิดการพัฒนาในระดับที่ใหญ่ขึ้น จากผลการทดสอบพบว่า Gemini Ultra สามารถเอาชนะโมเดลภาษา GPT-4 ของ OpenAI ได้เกือบทุกด้านในการทดสอบ

The Gemini era ในงาน Google I/O 2024 ที่จัดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทาง Sundar Pichai (CEO Google) กล่าวว่า ปัจจุบันมีนักพัฒนามากกว่า 1.5 ล้านคน นำโมเดล Gemini ไปใช้งาน รวมถึงผู้ใช้งานทั่วไปกว่า 2 พันล้านคนมีการนำระบบ Gemini ไปต่อยอดพัฒนาบนผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น Search, Photos, Workspace, Android และแพลตฟอร์มต่างๆ ทั้งในแง่ของบริการ หรือ Business ถ้าซับซ้อนยิ่งขึ้นอย่าง Gemini Advanced มีผู้ลงทะเบียนเพื่อลองใช้แล้วมากกว่า 1 ล้านคน ภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือนเท่านั้น แนวโน้มยังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย ถือว่าน่าติดตามอย่างมากว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างในเร็วๆ นี้

ดูเหมือนว่าจะเป็นพระเอกจริงๆ รู้หรือไม่! เจ้า Chatbot AI Gemini มีที่มาที่ไปอย่างไร ทำไม Google ถึงเลือกใช้ชื่อ Gemini ?

เบื้องหลังเกี่ยวกับการตั้งชื่อ "Gemini" Google กล่าวว่าผู้ที่ตั้งชื่อให้ Gemini คือหน่วยงาน DeepMind ทำหน้าที่ดูแลพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์โดยเฉพาะ ดังนั้นนาย Jeff Dean หัวหน้าทีม Google AI จะเป็นผู้อธิบายว่าเหตุใดถึงเลือกตั้งชื่อดังกล่าว 

เดิมทีโปรเจกต์ปัญญาประดิษฐ์ดังกล่าวใช้ชื่อว่า "Titan" ซึ่งเป็นชื่อดวงจันทร์ของดาวเสาร์ แต่เจ้าตัว (Jeff Dean) ไม่ถูกใจชื่อนี้ เลยคิดชื่อใหม่ โดยชื่อที่อยากได้จะเป็นคอนเซ็ปต์เกี่ยวกับอวกาศ เพราะเบื้องหลังของ AI ดังกล่าว มีสองทีมอยู่เบื้องหลังในการพัฒนา ซึ่งสอดคล้องกับเหตุการณ์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาโดยเฉพาะ คือ เกิดจากความร่วมมือกันระหว่างทีมปัญญาประดิษฐ์สองทีมของ Google คือ DeepMind และ Google Brain ซึ่งก็ไปตรงกับภาพลักษณ์ ‘คนคู่’ ของ Gemini อย่างลงตัว

Project Gemini โครงการ Moonshot ในยุคแรกของ NASA ช่วงปี 1965 ถึง 1968 ที่มีการส่งนักบินอวกาศขึ้นไปสองคนบนยานลำหนึ่ง แล้วต้องทำภารกิจเชื่อมต่อชิ้นส่วนยานอวกาศเข้ากับยานอีกลำหนึ่งที่เป็นส่วนฐานบนอวกาศเพื่อลงจอดบนดวงจันทร์ (Mercury missions) ทั้งยังมีความเกี่ยวข้องกับชื่อเดิมอย่าง Titan อีกด้วย

นอกจากนี้ Gemini ในภาษาละติน มีความหมายว่า "ฝาแฝด" โดยในทางดาราศาสตร์เป็นชื่อกลุ่มดาวคนคู่ หนึ่งในกลุ่มดาว 12 จักรราศี ประจำราศีเมถุน คำนิยามคนที่เกิดในราศีนี้มีลักษณะเป็นคนสองบุคลิก จึงนำไปเปรียบเทียบเชิงสัญลักษณ์ด้านความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ที่มีการปรับตัว, เรียนรู้ และยืดหยุ่นได้ในเวลาเดียวกัน เป็นศูนย์รวม เป็นจุดเชื่อมโยงผู้คน, ไลฟ์สไตล์, การบริการ หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ ได้หลากหลายในระยะเวลารวดเร็ว ทั้งมองเห็นเงื่อนไข เหตุผลได้จากมุมมองที่แตกต่างกัน และคิดวิเคราะห์ได้อย่างลึกซึ้ง

ติดตามข่าวสารมือถือได้ที่
www.facebook.com/siamphonedotcom

ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ

มือถือออกใหม่