ROG Ally X มาแล้ว! เครื่องเกมพกพาตัวแรงจาก ASUS พร้อมท้าทายทุกการเล่นเกม

ในโลกแห่งเทคโนโลยีที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว อุตสาหกรรมเกมก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดนิ่ง โดยเฉพาะกับการกำเนิดขึ้นของเครื่องเกมพกพาตัวแรงอย่าง Steam Deck ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากแฟนเกม ล่าสุด ASUS กำลังเดินหน้าพัฒนา ROG Ally X เครื่องเล่นเกมแบบพกพาที่มาพร้อมคุณสมบัติที่ทันสมัยและโดดเด่น

บทความที่เกี่ยวข้อง

• 
  ASUS ROG XG Mobile การ์ดจอแยก Thunderbolt 5 รุ่นแรกของโลก ตัวเลือกใหม่สำหรับเกมเมอร์และครีเอเตอร์
• 
  Lenovo เปิดตัว IdeaPad Slim 5 รุ่นใหม่ พร้อมขุมพลัง AMD Ryzen AI 7 350 และฟีเจอร์ AI สุดล้ำ

ติดตามข่าว สยามโฟน.คอม ที่

จากรายงานและข้อมูลต่าง ๆ บน อินเทอร์เน็ต ROG Ally X ถือเป็นรุ่นต่อยอดที่พัฒนาต่อจาก ROG Ally ซึ่งเป็นเครื่องเกมพกพาที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows โดยคาดว่าจะได้รับการอัปเกรดในหลายด้านอย่างน่าสนใจ

ด้านฮาร์ดแวร์และประสิทธิภาพ คาดว่า ROG Ally X จะยังคงใช้ชิปเซ็ต AMD Z1 Extreme แต่จะถูกปรับปรุงเพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญสำหรับเครื่องเล่นเกมพกพา นอกจากนี้ยังคาดว่าจะมาพร้อมจอแสดงผล 7 นิ้ว รองรับรีเฟรชเรท 48 - 120Hz VRR เพิ่มความลื่นไหลในการเล่นเกม และจะมีแรม 16GB ขึ้นไป เพื่อให้ทำงานกับ GPU ได้อย่างลื่นไหล และมีสล็อต M.2 SSD ที่ใหญ่ขึ้นทำให้ผู้ใช้งานสามารถอัปเกรด SSD ได้ง่ายกว่าเดิม เพื่อเพิ่มความจุข้อมูล

ส่วนดีไซน์และการใช้งานนั้น ROG Ally X มีแผนจะใช้สีดำเป็นหลัก และมีปุ่มกดที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของผู้เล่น ทำให้ง่ายต่อการซ่อมแซมหรือปรับแต่งได้เอง ซึ่งเป็นจุดเด่นสำหรับผู้ใช้งานกลุ่มนี้โดยเฉพาะ

แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยสเปคอย่างเป็นทางการ แต่ ASUS ได้ให้คำมั่นว่าจะใส่ทุกอย่างเข้ามาให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้  ทั้งในด้านประสิทธิภาพ การแสดงผลกราฟิก ความจุ พอร์ตเชื่อมต่อ และการแสดงผล เพื่อตอบโจทย์ประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีที่สุด

ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและฟังก์ชันที่น่าสนใจ ROG Ally X มีแนวโน้มที่จะก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับเกมเมอร์ที่ชื่นชอบความคล่องตัว พร้อมนำเสนอประสบการณ์เกมมิ่งระดับเกมคอนโซลบนอุปกรณ์พกพา ซึ่งจะช่วยผลักดันตลาดเครื่องเล่นเกมพกพาให้ก้าวไกลยิ่งขึ้นอีกขั้น

ASUS ได้เปิดเผยว่าจะประกาศเปิดตัวเครื่องเล่นเกมพกพา ROG Ally X อย่างเป็นทางการในวันที่ 2 มิถุนายน 2024

แหล่งที่มา theverge