เซ็นเซอร์สแกนเส้นเลือดดำ ทางเลือกใหม่ของการยืนยันตัวตนแบบ Biometrics

Mofiria และ Isorg สองบริษัทสัญชาติฝรั่งเศสชื่อดัง ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิต photodiodes และสิ่งพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ จับมือกันพัฒนาเซ็นเซอร์ที่สามารถตรวจจับหลอดเลือดดำที่นิ้วมือเพื่อยืนยันตัวตน โดยจะพัฒนาให้สมบูรณ์และนำไปใช้จริง ออกสู่ตลาดอย่างเป็นทางการภายใน 1 ปี

บทความที่เกี่ยวข้อง

• 
  ระบบ Caller ID คืออะไร? ต้องยืนยันตัวตนแบบ Biometrics ในการลงทะเบียนซิมการ์ด เร็วๆ นี้
• 
  Xiaomi Type-C Earphones หูฟังแบบสาย Type-C ใส่สบายเสียงดี IP54 ราคา 159 บาท

ติดตามข่าว สยามโฟน.คอม ที่

โดยทั้งสองบริษัทเผยคร่าวๆ ว่า เซ็นเซอร์ดังกล่าวจะเป็นเซ็นเซอร์ที่บางเฉียบที่มีความหนาเพียง 1 มิลลิเมตร สามารถระบุแบ่งแยกความเป็นเอกลักษณ์ของเส้นเลือดดำที่นิ้วมือในแต่ละบุคคลได้อย่างไม่น่าเชื่อ 

หลักการทำงานของเจ้าเซ็นเซอร์ตัวนี้คือ เมื่อทาบนิ้วมือลงไปที่เซ็นเซอร์ เลนส์ออปติคัลจะโฟกัสไปที่เซ็นเซอร์ภาพที่ฉายแสงไปยังนิ้วมือ ซึ่งขั้นตอนนี้ผู้ใช้ต้องทำตัวให้นิ่งขึ้นหน่อย เพราะต้องรอให้เซ็นเซอร์ภาพจับภาพเส้นเลือดได้อย่าง Stable และชัดเจนที่สุดได้ 

จากนั้น Photodiodes จะตรวจจับแสง near-infrared ที่กระทบกับนิ้วมือแล้วสะท้อนกลับมา เพื่อแปลงให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า ประสานงานกับ TFT backplane ที่จะเป็นตัวควบคุมแต่ละพิกเซลบนเซ็นเซอร์ภาพ และทำหน้าที่เป็นวงจรที่ช่วยให้สามารถควบคุมความสว่างและสีของแต่ละพิกเซลได้อย่างแม่นยำ ผนวกกับ Photodiodes เพื่อประมวลผลภาพให้มีความเที่ยงตรงและน่าเชื่อถือมากที่สุด 

หนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญของเซ็นเซอร์นี้คือ ความสามารถในการวาง near-infrared LED ให้ส่องสว่างไปยังเส้นเลือดดำที่นิ้วมือได้ ในระนาบเดียวกันกับแผ่นฟิล์มบนตัวเซ็นเซอร์ โดยใช้หลักการ  Mofiria’s reflection scattering  

ด้าน Akira Shibata CEO ของ Mofiria เผยว่า เขามองเห็นถึงความเป็นได้ใหม่ๆ จากการสร้างสรรค์ Project นี้ อย่างการเป็นเกราะป้องกันภัยให้กับอุปกรณ์แบบสวมใส่ต่างๆ, อุปกรณ์ IoT หรือแม้กระทั่งอุปกรณ์พกพาอย่างสมาร์ทโฟน ทั้งในช่วงต้นปีที่ผ่านมานั้น บริษัท Isorg พาร์ทเนอร์ของ  Mofiria ยังได้ประกาศร่วมมือกับ Precise Biometrics ในการพัฒนาต่อยอดเซ็นเซอร์นี้สำหรับโมดูลบนสมาร์ทโฟนอีกด้วย

เรียกได้ว่าถ้าเกิด Project นี้ สำเร็จและลงตลาดจริงเมื่อไหร่ เราก็จะมีทางเลือกความปลอดภัยแบบ Biometrics มากขึ้นนอกเหนือจากแค่ลายนิ้วมือ ใบหน้า หรือรูม่านตา ซึ่งจะได้ใช้จริงเป็นวงกว้าง หรือบรรจุลงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตอนไหนนั้น ต้องรอติดตามกันต่อไป 

ที่มา : www.biometricupdate.com