Redmi Note 12 Pro 5G และ Pro+ 5G มาพร้อมกล้อง 200MP และชาร์จเร็ว 120W

Redmi เปิดตัว Redmi Note 12 Series มาอีก 2 รุ่น โดยเป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่ชื่อว่า Redmi Note 12 Pro 5G และ Redmi Note 12 Pro+ 5G ทั้งคู่มีความโดดเด่นด้วยกล้องความละเอียดสูงถึง 200MP หน้าจอ AMOLED อัตรา Refresh Rate สูงสุดถึง 120Hz และการชาร์จเร็วผ่านสายสูงถึง 120W ส่วนทั้งคู่จะมีสเปคเป็นอย่างไร? ดูได้ตามด้านล่าง

บทความที่เกี่ยวข้อง

• 
  รีวิว iQOO 13 5G สมาร์ทโฟนตัวแรง ดีไซน์สวย ที่มาพร้อมลูกเล่นไฟ Monster Halo
• 
  สรุปจุดเด่นและสเปค realme 14X 5G หน้าจอ 120Hz กันน้ำ IP69 แบตฯ 6000mAh ชาร์จเร็ว 45W อัปเดต OS นาน 2 ปี

ติดตามข่าว สยามโฟน.คอม ที่

Redmi Note 12 Pro+ 5G
Redmi Note 12 Pro+ 5G มาพร้อมหน้าจอแสดงผล AMOLED กว้าง 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตรา Refresh Rate สูงสุด 120Gz ความกว้างของสี DCI-P3 สนับสนุนคอนเทนด์ Dolby Vision และป้องกันด้วยกระจก Gorilla Glass 5 ใช้ดีไซน์รอยแหว่งแบบจอเจาะรู ในนั้นมีกล้องหน้า ความละเอียด 16MP ด้านกล้องหลังติดตั้งมา 3 ตัว ประกอบไปด้วยกล้องหลัก ความละเอียด 200MP กันสั่น OIS, กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 8MP, และกล้อง Macro ความละเอียด 2MP

สเปคภายในขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1080 ขนาด 6 นาโนเมตร รองรับเครือข่าย 5G ทำงานร่วมกับ RAM 8GB LPDDR4X + ROM 256GB แบบ UFS 2.2 มีระบบระบายความร้อน LiquidCool รันบนระบบปฏิบัติการ MIUI 14 ส่วนแบตเตอรี่มีขนาด 5,000mAh สนับสนุนชาร์จเร็ว 120W มีอะแดปเตอร์ให้มาทันที นอกจากนี้ยังมีลำโพงคู่ Stereo ระบบ Dolby Atmos ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร และระบบความปลอดภัยสแกนลายนิ้วมือข้างตัวเครื่อง และสแกนใบหน้า AI

Redmi Note 12 Pro 5G
ภายรวมสเปค และดีไซน์จะเหมือนกับตัว Pro+ แต่มีขนาดตัวเครื่องที่เบากว่า และบางกว่าเล็กน้อย พร้อมกับเปลี่ยนกล้องหลังตัวหลักเป็นความละเอียด 50MP เซนเซอร์ Sony IMX766 รวมไปถึงแบตเตอรี่ที่ชาร์จเร็วเพียง 67W ส่วนสเปคอื่นๆ ชิปเซ็ต และหน้าจอแสดงผลไม่มีเปลี่ยนแปลง

ราคา และตัวเลือก
Redmi Note 12 Pro 5G และ Redmi Note 12 Pro+ 5G มีการเปิดตัวแบบ Global และขายทาง AliExpress โดยมีให้เลือก 3 สีคือ สีขาว, สีดำ และสีฟ้า ส่วนเรื่องของราคา Redmi Note 12 Pro+ 5G มีราคาเริ่มต้นที่ 399 ดอลลาร์ (ประมาณ 13,700 บาท) และ Redmi Note 12 Pro 5G มีราคาเริ่มต้นที่ 329 ดอลลาร์ หรือประมาณ 11,300 บาท สุดท้ายการขายในประเทศไทยน่าจะตามมาเร็วๆ นี้ หลังจากทั้งคู่ผ่านการรับรองจาก กสทช. ไปแล้ว