หลังจากก่อนหน้านี้ได้รีวิวรุ่นน้องเล็กสุด : รีวิว iPhone 14 คุ้มไหมที่จะเปลี่ยน? จุดเด่น iPhone 14 แตกต่างจาก 14 Plus อย่างไร และรุ่นพี่ รีวิว iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max กับฟีเจอร์ใหม่ Dynamic Island ที่ทำให้ทุกคนคลั่ง ต่อไปมาดูกันหน่อยว่ารุ่นกลางๆ แบบนี้ที่ใครๆ อาจมองข้าม น่าสนใจจริงๆ ไหม สำหรับ iPhone 14 Plus แล้วควรเพิ่มเงินไปซื้อ iPhone 14 Pro เลยหรือไม่ มีข้อแตกต่างอย่างไร กับราคาต่างกัน 4,000 บาท
iPhone 14 Plus ต้องบอกว่าดีไซน์ไม่แตกต่างจากรุ่นเล็กอย่าง iPhone 14 เลย หน้าตาเหมือนกัน แตกต่างที่หน้าจอขนาดใหญ่กว่าเท่านั้น มีขนาดตัวเครื่อง 160.8 x 78.1 x 7.8 มิลลิเมตร น้ำหนัก 203 กรัม พร้อม 4 เฉดสีให้เลือก ได้แก่ Midnight, Starlight, Blue, Purple และ Product(RED)
สำหรับรุ่นดังกล่าวใช้วัสดุอะลูมิเนียมเกรดอากาศยานทำให้มีความแข็งแรงทนทาน ด้านหน้าและด้านหลังครอบทับกระจก ทนต่อแรงขีดข่วน ช่วยเพิ่มความพรีเมียม ด้านหลังยังคงรองรับการชาร์จไร้สาย iPhone 14 Plus มาพร้อมมาตรฐานป้องกันน้ำป้องกันฝุ่น IP68 ทนต่อแรงดันน้ำที่ความลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลาไม่เกิน 30 นาที
หน้าจอแสดงผล Super Retina XDR แบบ OLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 2778 x 1284 พิกเซล มีความหนาแน่นต่อพิกเซล 458ppi ให้ความสว่างสูงสุด 1200 นิต อัตราส่วน
เหนือหน้าจอขึ้นไป ไม่มีเทคโนโลยี Dynamic Island มาให้ด้วย ยังคงเป็นพื้นที่แนวกล้องแบบเดียวกับ iPhone 13 Series ส่วนกล้องหน้าความละเอียดเท่าเดิม 12 ล้านพิกเซล เพิ่มเติมด้วยออโต้โฟกัส คราวนี้คุณจะเซลฟี่ไม่หลุดเฟรมกล้องแล้วนะ นอกจากนี้ยังมีช่องลำโพงด้วย ทำให้เสียงเป็นระบบสเตอริโอ เพราะมีลำโพงด้านล่างเครื่องอีกตัวเช่นกัน
ฝั่งซ้ายมีปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง, ปุ่มปรับเปลี่ยนการเปิดปิดเสียงเรียกเข้า และถาดใส่ซิมการ์ด ประเภท Nano โดยใส่ได้หนึ่งซิมการ์ด อีกหนึ่งซิมการ์ดจะเป็นประเภท E-SIM ด้านขวาตัวเครื่องมี Power สำหรับเปิดปิดเครื่อง และกดปุ่มเรียกใช้งาน Siri
ด้านล่างตัวเครื่องมี Lighting สำหรับชาร์จแบตเตอรี่และถ่ายโอนข้อมูล กับช่องลำโพ เทคโนโลยีความเร็วในการชาร์จแบตเตอรี่รองรับสูงสุด 20 วัตต์ โดยต้องซื้ออะแดปเตอร์แยก สามารถชาร์จจาก 0%-50% ในเวลา 30 นาที
ด้านหลังตัวเครื่องก็มีดีไซน์แบบเดิมเช่นกัน มาพร้อมกล้องเลนส์คู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล แบ่งเป็นเลนส์หลักและเลนส์มุมกว้าง
อย่างไรก็ตามด้านหลังตัวเครื่องออกแบบให้รองรับการใช้งานการชาร์จแบบ MagSafe ความเร็วสูงสุด 15 วัตต์ รวมถึงการชาร์จไร้สายทั่วไป (Qi) ความเร็วสูงสุด 7.5 วัตต์
อุปกรณ์ภายในกล่อง
สเปคเพิ่มเติมของ Apple iPhone 14 Plus
iOS 16 รูปของคุณ ฟอนต์ของคุณ วิดเจ็ตของคุณ เพราะนี่คือ Apple iPhone 14 Plus ของคุณ
iOS 16 คือดีย์มาก สามารถให้คุณปรับแต่งหน้าจอล็อคได้ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงข้อมูล, การแจ้งเตือนข้อมูล หรือฟอนต์ เพื่อให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของคุณที่สุด แต่จุดที่เปลี่ยนไป คือความอิสระกับความสวยงามอย่างลงตัว
กล้องหน้าเซลฟี่สำหรับจดใจใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนปลดล็อคเข้าเครื่อง
ด้วยความสามารถอันชาญฉลาดของเทคโนโลยี TrueDepth กับชุดคำสั่งเฉพาะ มั่นใจได้ว่าจะไม่มีใครมาปลดล็อค Apple iPhone 14 Plus ของคุณได้ นอกจากตัวคุณเอง รวมถึงใน iOS16 ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการตรวจจับ เพิ่มความเสถียร และแม่นยำในการปลดล็อคขณะสวมใส่หน้ากากอนามัย นอกจากนี้ยังสแกนหน้าได้ในแบบแนวนอน ไม่ต้องถือตั้งเครื่องอีกต่อ
สเปคแรงขึ้น แบตฯ ดีกว่าเดิม
สำหรับ Apple iPhone 14 Plus ใช้หน่วยประมวลผลจากรุ่นท็อปของซีรีย์ที่แล้ว นั่นคือ A15 Bionic มาพร้อม RAM 6GB กับแบตเตอรี่ที่มีความจุเพิ่มเล็กน้อย ทว่าประเด็นที่น่าสนใจไม่รู้จะเพียงพอกับลูกเล่นที่มีไหม เช่นการปรับแต่งหน้าจอล็อคตามที่เกริ่นข้างต้น
ระบบเชื่อมต่อครบครัน
ง่ายต่อการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ มากยิ่งขึ้น เพราะมีระบบการเชื่อมต่อทั้ง 5G, WiFi 6-MIMO 2x2, Bluetooth 5.3, NFC, GPS, GLONASS, Galileo, QZSS, BeiDou และ iBeacon เทคโนโลยีระบุตำแหน่ง
EMERGENCY SOS VIA STELLITE คืออะไร ? : สำหรับฟีเจอร์ดังกล่าวเป็นฟีเจอร์ที่ไม่ใหม่ แต่มักนิยมเห็นกันเฉพาะสมาร์ทโฟนพันธุ์อึดถึกทนที่ใช้ในงานเฉพาะเท่านั้น เท่ากับนี่เป็นครั้งแรกที่นำมาใช้กับสมาร์ทโฟนทั่วไป โดยเป็นการใช้ประโยชน์จากดาวเทียมให้คุณสามารถติดต่อสื่อสารกรณีฉุกเฉินได้ตลอด แม้อยู่ในพื้นที่จุดอับสัญญาณ เพื่อส่งข้อความลักษณะ SOS ไปยังหมายเลขฉุกเฉินที่บันทึกไว้ในเครื่อง ซึ่งหน้าจอจะแสดงตำแหน่งสัญญาณของดาวเทียม จากนั้นให้เราเดินเข้าหาตำแหน่งดาวเทียมพอให้สัญญาณแรง และโทรออกได้นั่นเอง
นอกจากนี้ทำงานสัมพันธ์ร่วมกับการตรวจจับเหตุรถชนอย่างรุนแรง เพื่อสามารถโทร พร้อมข้อความ SOS ได้อย่างทันท่วงที ไม่ว่าจะเป็น ตำแหน่งล่าสุด, ปริมาณแบตเตอรี่ รวมถึงข้อมูลที่จำเป็นเบื้องต้น ซึ่งทางแอปเปิ้ลระบุว่า iOS 16 ถูกพัฒนาให้ตรวจจับการกระแทกพร้อมประเมินว่านี่เป็นอุบัติเหตุรถชนได้ จากการเปลี่ยนแปลงความเร็วและทิศทางกระทันหัน, ค่าความดันในห้องโดยสาร, ระดับเสียงของการปะทะ เป็นต้น ทุกข้อมูลถูกประมวลผลและเก็บค่าวัดสำรวจจากห้องปฏิบัติการทำให้เกิดความแม่นยำและเสถียรใช้งานได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตามฟีเจอร์นี้ไม่ได้ฟรี มีค่าใช้จ่าย เบื้องต้นคุณสามารถทดลองใช้งานได้ก่อน 2 ปี หลังจากนั้นมีค่าใช้จ่ายตามแพ็กเกจซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ เบื้องต้นใช้งานได้เฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาก่อนเท่านั้น เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนี้ ทว่าจากรูปภาพมีข้อความเป็นภาษาไทย ไม่แน่ว่าในอนาคตเราอาจได้ลองใช้ฟีเจอร์นี้จริงๆ ก็ได้
ใช้งานได้หายห่วงทุกสถานการณ์
Apple iPhone 14 Plus มีมาตรฐานป้องกันน้ำป้องกันฝุ่น IP68 ตามมาตรฐาน IEC 60529 (ความลึก
หน้าจอใหญ่กว่า เหมาะแก่การรับชมคอนเทนต์และเล่นเกม แต่ก็เท่านั้น เพราะมีอัตรารีเฟรชเรทแค่ 60Hz....
Apple iPhone 14 Plus ใช้หน้าจอประเภท OLED เทคโนโลยี Super Retina XDR - True Tone - HDR (Dolby Vision, HDR10 และ HLG) - Display P3 ที่สามารถแสดงสีสันได้สมจริงมากยิ่งขึ้น พร้อมใช้กระจกป้องกันหน้าจอแบบเซรามิก ช่วยป้องกันรอยขีดข่วนและไม่เกิดรอยนิ้วมือ ทำความสะอาดหน้าจอได้ง่าย นอกจากนี้มีรองรับระบบเสียง AAC, MP3, Apple Lossless, FLAC, Dolby Digital, Dolby Digital Plus และ Dolby Atmos
กล้องดิจิตอลเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง
Apple ได้พัฒนากล้องที่ประมวลผลภาพที่ได้ดียิ่งขึ้นในทุกสภาพแสง โดยเฉพาะพื้นที่แสงน้อย ถ่ายได้ดีสูงสุด 2.5 เท่า ของเลนส์กล้องหลัก และสูงสุด 2 เท่าของกล้องเลนส์อัลตร้าไวด์ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน โดยมีเซนเซอร์ใหญ่ขึ้นและรูรับแสงกว้างกว่าเดิม จึงรับแสงได้มากขึ้นถึง 49% นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Photonic Engine ทำงานบนพื้นฐาน Deep Fusion ที่จะช่วยปรับปรุงการถ่ายภาพในพื้นที่แสงน้อย เช่น ตอนกลางคืนให้สวยงานโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
รายละเอียดกล้องหลัง
เป็นมือโปร กำกับภาพยนตร์หรือถ่าย Vlog
ครั้งแรกกับรุ่นเล็กของ Apple iPhone 14 Plus ที่ให้คุณสามารถบันทึกวิดีโอแบบ cinematic ในความละเอียด 4K ที่ 24 เฟรมต่อวินาที พร้อมออโต้โฟกัสและระบบป้องกันภาพสั่นไหวให้ภาพของคุณสวยคมชัด โฟกัสภาพอยู่เสมอ ทั้งมีฟังก์ชั่นซูมขณะบันทึกได้ด้วย นอกจากนี้ยังบันทึกเสียงแบบระบบสเตอริโอ เพื่อสร้างสรรค์ผลงานชิ้นโปรดของคุณอย่างอิสระ
โหมดการถ่ายวิดีโอใหม่ : Action Mode โดยเป็นการทำงานระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ช่วยให้ป้องกันการสั่นไหวได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะสั่นไหวเฉพาะจุดที่โฟกัสอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมบันทึกภาพวิดีโอได้แบบ Dolby Vision HDR ความละเอียด 4K แบบ 60 เฟรมต่อวินาที
Q&A : ระหว่าง iPhone 14 Plus กับ iPhone 14 Pro ราคาต่างกัน 4,000 บาท เลือกอะไรดี
ถ้าหากเปรียบเทียบกับระหว่างสองรุ่นนี้ คงต้องบอกว่า ข้อแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ คือ ฟีเจอร์ Dynamic Island จะมีเฉพาะรุ่น iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max เท่านั้น ความหมายของลูกเล่นนี้ ต้องเริ่มจากดีไซน์บนหน้าจอที่มีการปรับเปลี่ยนจากเดิมที่เป็นรอยบากติดกับขอบหน้าจอด้านบน ครั้งนี้ใช้เป็นการเจาะรูแทบ ซึ่งเป็นลักษณะเหลี่ยมโค้งมนกึ่งกลางหน้าจอ ด้านในเต็มไปด้วยเซนเซอร์หน้าจอและเลนส์กล้องเซลฟี่ โดยมีลูกเล่น Dynamic Island กล่าวคือ นำมาใช้ประโยชน์ในการแสดงข้อมูลที่รวดเร็วชัดเจนยิ่งขึ้น อาทิ การแจ้งเตือน, การควบคุมเพลง, การแสดงทิศทางแผนที่แบบย่อ เป็นต้น ซึ่งสามารถใช้งานและควบคุมได้สะดวกรวดเร็วทั้งการกดหนึ่งครั้งหรือกดค้าง แบบ gesture นั่นเอง
ฟีเจอร์ใหม่ Always On Display คืออะไร
Always On Display มีการพัฒนาใหม่ ไม่ใช่แค่หน้าจอย่อยๆ แต่จะเต็มจอมากขึ้น มีเฉพาะในรุ่น iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max เท่านั้น โดยจะมีสีสันและลูกเล่นมากกว่าเดิม แต่ยังคงแสดงข้อมูลที่จำเป็นแต่ละเอียดยิ่งขึ้น และโต้ตอบได้ดีกว่า อาทิ สภาพอากาศ, การแจ้งเตือน, ข้อความ, แชทสนทนา เป็นต้น พร้อมใช้วอลเปเปอร์, ฟอนต์, วิตเจ็ตได้อย่างมีประสิทธิภาพตามอิสระที่คุณต้องการในเฉพาะ iPhone ของคุณเลย แบบที่ประหยัดแบตเตอรี่
ชิปเซ็ต Apple A16 Bionic : [อธิบาย] Apple A16 Bionic แรงสุดแล้วตอนนี้ มีดีอย่างไร มาทำความรู้จักกัน เป็นชิปเซ็ตที่เร็วแรงสุดเลยก็ว่าได้ในตอนนี้ ดังนั้นใครอยากสัมผัสประสบการณ์ลื่นไหลจัด ลองเลย!
หน้าจอลื่นไหลกว่าเดิม อิ่มเอมกับสีสันมากขึ้น
หน้าจอแสดงผลรองรับการใช้งานฟีเจอร์ Dynamic Island และ Always ON Display แบบใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยี ProMotion ที่มีอัตรารีเฟรชแบบปรับได้สูงสุดที่ 120Hz โดยระบบจะปรับให้อัตโนมัติตามลักษณะการใช้งานขณะนั้น สามารถให้ความสว่างสูงสุด 1000 นิต (ทั่วไป), ความสว่างสูงสุดเฉพาะจุด 1600 นิต (ถ่ายภาพ HDR ) และความสว่างสูงสุดเฉพาะจุด 2000 นิต (กลางแจ้ง) ส่วนการออกแบบหน้าจอจะเหมือนรุ่นน้องก่อนหน้านี้
ข้อมูลรายละเอียดกล้องหลัง
ราคาวางจำหน่ายและเฉดสี
iPhone 14 Pro มี 4 เฉดสีให้เลือก ได้แก่ Deep Purple, Space Black, Gold และ Silver
ราคา iPhone 14 Pro
สรุปได้ว่า : ถ้าหากคุณมีงบเพียงพอต่อ 4,000 บาท แนะนำว่าควรเพิ่มเงินแล้วไปซื้อ iPhone 14 Pro เพราะจะได้ลูกเล่นและสเปคที่ดีกว่ามาก เมื่อเปรียบเทียบกับ iPhone 14 Plus คุณจะได้เพียงหน้าจอที่ใหญ่กว่าเท่านั้น ระหว่าง 6.7 นิ้ว กับ 6.1 นิ้ว ตามลำดับ
แต่หน้าจอ 6.1 นิ้วนั้นอัดแน่นไปด้วยสเปคกับจุดเด่น หรือไม่ถ้าอยากหน้าจอใหญ่ด้วยคุณก็ต้องเพิ่มเงิน 7,000 บาท เพื่อก้าวกระโดดไป iPhone 14 Pro Max
ข้อมูลผู้ใช้ร่วมแสดงความเห็นกับ : iPhone 14 Plus
แคตตาล็อกตัวเครื่อง iPhone 14 Plus
จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท