iPhone 14 วัสดุตัวเครื่องอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตอากาศยาน แข็งแรงทนทาน มาตรฐานป้องกันน้ำป้องกันฝุ่น IP68 ตามมาตรฐาน IEC 60529 (ความลึก
สำหรับ iPhone 14 ดีไซน์ไม่เปลี่ยนแปลงจาก iPhone 13 Series แต่อย่างใด โดยมีเฉดสีใหม่ให้เลือกตามข้างต้น คือ สีม่วง (Purple) ส่วนน้ำหนักไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ ใช้งานสะดวกคล่องตัวแม้เป็นผู้หญิง เหมาะกับผู้ที่ชอบสมาร์ทโฟนขนาดกะทัดรัด
หน้าจอแสดงผล Super Retina XDR แบบ OLED ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล มีความหนาแน่นต่อพิกเซล 460ppi ให้ความสว่างสูงสุด 1200 นิต อัตราส่วน
เหนือหน้าจอขึ้นไป น่าเสียดายที่ไม่มีเทคโนโลยี Dynamic Island มาให้ด้วย ยังคงเป็นพื้นที่แนวกล้องแบบเดียวกับ iPhone 13 Series ส่วนกล้องหน้าความละเอียดเท่าเดิม 12 ล้านพิกเซล เพิ่มเติมด้วยออโต้โฟกัส คราวนี้คุณจะเซลฟี่ไม่หลุดเฟรมกล้องแล้วนะ นอกจากนี้ยังมีช่องลำโพงด้วย ทำให้เสียงเป็นระบบสเตอริโอ เพราะมีลำโพงด้านล่างเครื่องอีกตัวเช่นกัน
ฝั่งซ้ายมีปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง, ปรับเปลี่ยนการเปิดปิดเสียงเรียกเข้า และถาดใส่ซิมการ์ด ด้านขวาตัวเครื่องมี Power สำหรับเปิดปิดเครื่อง และกดปุ่มเรียกใช้งาน Siri
ถาดซิมการ์ดสำหรับใส่ซิมการ์ดประเภท Nano โดยใส่ได้หนึ่งซิมการ์ด อีกหนึ่งซิมการ์ดจะเป็นประเภท E-SIM
ด้านล่างตัวเครื่องมี Lighting สำหรับชาร์จแบตเตอรี่และถ่ายโอนข้อมูล กับช่องลำโพ เทคโนโลยีความเร็วในการชาร์จแบตเตอรี่รองรับสูงสุด 20 วัตต์ โดยต้องซื้ออะแดปเตอร์แยก สามารถชาร์จจาก 0%-50% ในเวลา 30 นาที
ด้านหลังตัวเครื่องก็มีดีไซน์แบบเดิมเช่นกัน มาพร้อมกล้องเลนส์คู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล แบ่งเป็นเลนส์หลักและเลนส์มุมกว้าง
อย่างไรก็ตามด้านหลังตัวเครื่องออกแบบให้รองรับการใช้งานการชาร์จแบบ MagSafe ความเร็วสูงสุด 15 วัตต์ รวมถึงการชาร์จไร้สายทั่วไป (Qi) ความเร็วสูงสุด 7.5 วัตต์
อุปกรณ์ภายในกล่อง
สเปคเพิ่มเติมของ Apple iPhone 14
iOS 16 รูปของคุณ ฟอนต์ของคุณ วิดเจ็ตของคุณ เพราะนี่คือ iPhone 14 ของคุณ
iOS 16 คือดีย์มาก สามารถให้คุณปรับแต่งหน้าจอล็อคได้ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงข้อมูล, การแจ้งเตือนข้อมูล หรือฟอนต์ เพื่อให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของคุณที่สุด แต่จุดที่เปลี่ยนไป คือความอิสระกับความสวยงามอย่างลงตัว
กล้องหน้าเซลฟี่สำหรับจดใจใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนปลดล็อคเข้าเครื่อง
ด้วยความสามารถอันชาญฉลาดของเทคโนโลยี TrueDepth กับชุดคำสั่งเฉพาะ มั่นใจได้ว่าจะไม่มีใครมาปลดล็อค iPhone 14 ของคุณได้ นอกจากตัวคุณเอง รวมถึงใน iOS16 ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการตรวจจับ เพิ่มความเสถียร และแม่นยำในการปลดล็อคขณะสวมใส่หน้ากากอนามัย นอกจากนี้ยังสแกนหน้าได้ในแบบแนวนอน ไม่ต้องถือตั้งเครื่องอีกต่อ
สเปคแรงขึ้น แบตฯ ดีกว่าเดิม
สำหรับ iPhone 14 ใช้หน่วยประมวลผลจากรุ่นท็อปของซีรีย์ที่แล้ว นั่นคือ A15 Bionic มาพร้อม RAM 6GB กับแบตเตอรี่ที่มีความจุเพิ่มเล็กน้อย ทว่าประเด็นที่น่าสนใจไม่รู้จะเพียงพอกับลูกเล่นที่มีไหม เช่นการปรับแต่งหน้าจอล็อคตามที่เกริ่นข้างต้น
ระบบเชื่อมต่อครบครัน
ง่ายต่อการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ มากยิ่งขึ้น เพราะมีระบบการเชื่อมต่อทั้ง 5G, WiFi 6-MIMO 2x2, Bluetooth 5.3, NFC, GPS, GLONASS, Galileo, QZSS, BeiDou และ iBeacon เทคโนโลยีระบุตำแหน่ง
EMERGENCY SOS VIA STELLITE คืออะไร ? : สำหรับฟีเจอร์ดังกล่าวเป็นฟีเจอร์ที่ไม่ใหม่ แต่มักนิยมเห็นกันเฉพาะสมาร์ทโฟนพันธุ์อึดถึกทนที่ใช้ในงานเฉพาะเท่านั้น เท่ากับนี่เป็นครั้งแรกที่นำมาใช้กับสมาร์ทโฟนทั่วไป โดยเป็นการใช้ประโยชน์จากดาวเทียมให้คุณสามารถติดต่อสื่อสารกรณีฉุกเฉินได้ตลอด แม้อยู่ในพื้นที่จุดอับสัญญาณ เพื่อส่งข้อความลักษณะ SOS ไปยังหมายเลขฉุกเฉินที่บันทึกไว้ในเครื่อง ซึ่งหน้าจอจะแสดงตำแหน่งสัญญาณของดาวเทียม จากนั้นให้เราเดินเข้าหาตำแหน่งดาวเทียมพอให้สัญญาณแรง และโทรออกได้นั่นเอง
นอกจากนี้ทำงานสัมพันธ์ร่วมกับการตรวจจับเหตุรถชนอย่างรุนแรง เพื่อสามารถโทร พร้อมข้อความ SOS ได้อย่างทันท่วงที ไม่ว่าจะเป็น ตำแหน่งล่าสุด, ปริมาณแบตเตอรี่ รวมถึงข้อมูลที่จำเป็นเบื้องต้น ซึ่งทางแอปเปิ้ลระบุว่า iOS 16 ถูกพัฒนาให้ตรวจจับการกระแทกพร้อมประเมินว่านี่เป็นอุบัติเหตุรถชนได้ จากการเปลี่ยนแปลงความเร็วและทิศทางกระทันหัน, ค่าความดันในห้องโดยสาร, ระดับเสียงของการปะทะ เป็นต้น ทุกข้อมูลถูกประมวลผลและเก็บค่าวัดสำรวจจากห้องปฏิบัติการทำให้เกิดความแม่นยำและเสถียรใช้งานได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตามฟีเจอร์นี้ไม่ได้ฟรี มีค่าใช้จ่าย เบื้องต้นคุณสามารถทดลองใช้งานได้ก่อน 2 ปี หลังจากนั้นมีค่าใช้จ่ายตามแพ็กเกจซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ เบื้องต้นใช้งานได้เฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาก่อนเท่านั้น เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนี้ ทว่าจากรูปภาพมีข้อความเป็นภาษาไทย ไม่แน่ว่าในอนาคตเราอาจได้ลองใช้ฟีเจอร์นี้จริงๆ ก็ได้
ใช้งานได้หายห่วงทุกสถานการณ์
Apple iPhone 14 มีมาตรฐานป้องกันน้ำป้องกันฝุ่น IP68 ตามมาตรฐาน IEC 60529 (ความลึก
เหมาะแก่การรับชมคอนเทนต์และเล่นเกม แต่ก็เท่านั้น เพราะมีอัตรารีเฟรชเรทแค่ 60Hz....
Apple iPhone 14 ใช้หน้าจอประเภท OLED เทคโนโลยี Super Retina XDR - True Tone - HDR (Dolby Vision, HDR10 และ HLG) - Display P3 ที่สามารถแสดงสีสันได้สมจริงมากยิ่งขึ้น พร้อมใช้กระจกป้องกันหน้าจอแบบเซรามิก ช่วยป้องกันรอยขีดข่วนและไม่เกิดรอยนิ้วมือ ทำความสะอาดหน้าจอได้ง่าย นอกจากนี้มีรองรับระบบเสียง AAC, MP3, Apple Lossless, FLAC, Dolby Digital, Dolby Digital Plus และ Dolby Atmos
กล้องดิจิตอลเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง
Apple ได้พัฒนากล้องที่ประมวลผลภาพที่ได้ดียิ่งขึ้นในทุกสภาพแสง โดยเฉพาะพื้นที่แสงน้อย ถ่ายได้ดีสูงสุด 2.5 เท่า ของเลนส์กล้องหลัก และสูงสุด 2 เท่าของกล้องเลนส์อัลตร้าไวด์ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน โดยมีเซนเซอร์ใหญ่ขึ้นและรูรับแสงกว้างกว่าเดิม จึงรับแสงได้มากขึ้นถึง 49% นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Photonic Engine ทำงานบนพื้นฐาน Deep Fusion ที่จะช่วยปรับปรุงการถ่ายภาพในพื้นที่แสงน้อย เช่น ตอนกลางคืนให้สวยงานโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
รายละเอียดกล้องหลัง
เป็นมือโปร กำกับภาพยนตร์หรือถ่าย Vlog
ครั้งแรกกับรุ่นเล็กของ iPhone 14 ที่ให้คุณสามารถบันทึกวิดีโอแบบ cinematic ในความละเอียด 4K ที่ 24 เฟรมต่อวินาที พร้อมออโต้โฟกัสและระบบป้องกันภาพสั่นไหวให้ภาพของคุณสวยคมชัด โฟกัสภาพอยู่เสมอ ทั้งมีฟังก์ชั่นซูมขณะบันทึกได้ด้วย นอกจากนี้ยังบันทึกเสียงแบบระบบสเตอริโอ เพื่อสร้างสรรค์ผลงานชิ้นโปรดของคุณอย่างอิสระ
โหมดการถ่ายวิดีโอใหม่ : Action Mode โดยเป็นการทำงานระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ช่วยให้ป้องกันการสั่นไหวได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะสั่นไหวเฉพาะจุดที่โฟกัสอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมบันทึกภาพวิดีโอได้แบบ Dolby Vision HDR ความละเอียด 4K แบบ 60 เฟรมต่อวินาที
iPhone 14 เหมาะกับใคร ถ้าใช้ iPhone 12 หรือ iPhone 13 อยู่คุ้มไหมที่จะเปลี่ยน
สำหรับ iPhone 14 ถือว่าเป็นรุ่นเล็กสุด แต่ถ้าใครไม่เคยใช้ iPhone มาก่อน และมีงบเยอะอยู่ ก็เหมาะที่จะลอง อย่างน้อยคุณก็ได้ประสบการณ์ในเรื่องของกล้องที่ดีขึ้นกว่าเดิม แต่ถ้าคนที่ใช้ iPhone 12 กับ iPhone 13 อยู่ จะอัพเกรดเปลี่ยนเป็นรุ่นดังกล่าวนั้น ถ้าไม่ติดของใหม่ แนะนำว่าอัปเดต iOS 16 ก็เพียงพอแล้ว เพราะไม่ได้มีฟีเจอร์ใหม่อะไรที่ต้อง WOW เบอร์นั้น
สรุปเลือกรุ่นไหนดีระหว่าง iPhone 13 กับ iPhone 14
หากตัดสินใจจะซื้อระหว่างสองรุ่นนี้แล้ว แนะนำว่าให้เลือก iPhone 14 คือทางเลือกที่คุ้มค่าที่สุด แม้จะต้องเพิ่มเงินอีก 3,000 บาทก็ตาม เพราะได้อะไรใหม่ๆ มาอีกเยอะเลย แค่สเปคกับประสิทธิภาพด้านการถ่ายภาพและวิดีโอก็เลิศแล้ว
ในทางกลับกันไม่ใช่ว่า iPhone 13 ไม่ดีเลย ติดตรงเรื่องเดียวคือ ราคาไม่ลด ถ้าราคาลดลงจากนี้ สเปคของ iPhone 13 ก็เพียงพอต่อการใช้งานในปัจจุบันแล้ว เพราะกล้องของ iPhone 14 นั้นอาจต้องมือโปรหน่อยจึงจะใช้ได้คุ้มค่า
เลือกอะไรดีระหว่าง iPhone 14 กับ iPhone 14 Plus อะไรคือ ข้อแตกต่าง
สำหรับข้อแตกต่างทั้งสองรุ่นต้องบอกว่า น่าแปลกใจไม่น้อย กับราคาที่เพิ่มขึ้นมา 5,000 บาท ของ iPhone 14 Plus คุณจะได้หน้าจอใหญ่กับความจุแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นเท่านั้น โดยฟีเจอร์จะเหมือนกับ iPhone 14 ทุกประการ ดังนั้น iPhone 14 Plus จะเหมาะกับใคร ... ถ้าหน้าจอใหญ่ขึ้น แบตฯ เยอะขึ้น ใช้งานได้นาน เหมาะกับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ Live ไป ตอบแชทลูกค้าไป เห็นรายละเอียดตัวอักษรครบถ้วน รวมถึงเหล่า Content Creator ที่ถ่ายไป ตัดต่อไป อย่างคล่องตัว
ราคาวางจำหน่ายสามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้ตั้งแต่ 9 กันยายน เวลา 19.00 และหาซื้อได้ที่ตัวแทนชั้นนำทั่วประเทศ ตามวันเวลาดังนี้ ... iPhone 14 เริ่มวางจำหน่าย 16 กันยายน 2565 และ iPhone 14 Plus เริ่มวางจำหน่าย 7 ตุลาคม 2565
ราคา iPhone 14
ราคา iPhone 14 Plus
ข้อมูลผู้ใช้ร่วมแสดงความเห็นกับ : iPhone 14
https://community.siamphone.com/viewtopic.php?t=467836
แคตตาล็อกตัวเครื่อง iPhone 14
จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท