สมาร์ทวอทช์รุ่นแรกของ G-Shock บน WearOS Casio G-Squad Pro GSW-H1000

ข่าวนี้ถือว่าเรียกเสียงฮือฮาจากแฟนพันธ์แท้ทั้งนาฬิกา G-Shock และคนใช้งาน Android ได้พอสมควร หลังจาก Casio ได้ทำการเปิดตัว G-Squad Pro GSW-H1000 สมาร์ทวอทช์ G-Shock รุ่นแรกของค่าย ที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ WearOS และหน้าจอสี LCD ซึ่งรุ่นนี้ยังคงใช้การดีไซน์แบบแข็งแกร่งทนทานตามฉบับ G-Shock ผสมกับความทันสมัยใช้งานง่ายของ WearOS ทำให้ G-Squad Pro GSW-H1000 เป็นอีก 1 สมาร์ทวอทช์ที่น่าจับตามองในปีนี้มากทีเดียว

บทความที่เกี่ยวข้อง

• 
  ลือ! iPhone 17 อาจเป็นรุ่นแรกที่รองรับวิดีโอ 8K หลัง Android ทำได้นานแล้ว
• 
  รีวิว HONOR X9c 5G สมาร์ทโฟนที่รวมความทนทานขั้นสุด! แบตอึด เกินคุ้มในราคาหมื่นต้นๆ

ติดตามข่าว สยามโฟน.คอม ที่

G-Squad Pro GSW-H1000 มาพร้อมดีไซน์ตามฉบับซิกเนเจอร์ของ G-Shock เน้นออกแบบให้ดูแข็งแกร่ง ป้องกันแผ่นดินไหว และกันน้ำลึกได้ถึง 200 เมตร ด้านหลังตัวเรือนยังใช้วัสดุเป็น ไทเทเนี่ยม เสริมความแข็งแกร่งไปรอบด้าน ส่วนปุ่มกดก็ใช้อะลูมิเนี่ยมเป็นวัสดุในรุ่นนี้

หน้าจอแสดงผลเป็นแบบ 2 ชั้น Dual-Layer กว้าง 1.2 นิ้ว ความละเอียด 360x360 พิกเซล โดยหน้าจอจะประกอบไปด้วย Monochrome always-on LCD เพื่อแสดงเวลาอยู่ตลอดเป็นสีขาวดำ และอีกชั้นเป็น LCD สีสัน เพื่อใช้งานดูการแจ้งเตือน, แผนที่, และข้อมูลอื่นๆ

ส่วนเซนเซอร์ต่าวๆ ที่ให้ใช้งานใน G-Squad Pro GSW-H1000 ก็จัดเต็มทั้ง ตรวจจับการเต้นของหัวใจแบบ Optical Sensor, ตรวจดูออกซิเจนในเลือด, ติดตามการนอนหลับ และวัดค่าความเครียด ทั้งนี้ภายในยังมี GPS on-board, เข็มทิศ, เซนเซอร์ตรวจจับความกดอากาศ

ด้านซอฟแวร์เพื่อใช้ในการออกกำลังกาย จะมีแอพพลิเคชั่นจากทาง Casio สนับสนุนการออกกำลังกายในร่ม 24 แบบ และกิจกรรมลุยๆ กลางแจ้งกว่า 15 แบบเช่น วิ่ง, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ รวมไปถึงกิจกรรมหนักๆ อย่าง เล่นเสิร์ฟ หรือสโนว์บอร์ด เป็นต้น นอกจากนี้ยังรันบนระบบปฏิบัติการ WearOS ทำให้รับการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนได้, ใช้ Google Assistance ได้ และสามารถดาวน์โหลดแอพฯ​ จาก Google Play Store มาใช้งานได้อีกด้วย

ในขณะที่แบตเตอรี่จะมีการใช้งานสูงสุดถึง 1 เดือน แต่เป็นการใช้งานบนหน้าจอขาวดำตลอดเวลา ซึ่งหากใช้งานแบบหนักๆ เป็นเซนเซอร์ติดตาม หรือใช้หน้าจอหน้าจอสี ก็จะใช้ได้เต็มที่ 1 วันกว่าๆ เท่านั้น

Casio G-Squad Pro GSW-H1000 จะมีให้เลือก 3 สีคือ สีแดง, สำน้ำเงินเข้ม, และสีดำ เบื้องต้นได้เปิดราคาที่ UK อยู่ที่ 599 ยูโร และที่ US ในราคา 699 ดอลลาร์ หรือประมาณ 22,000 บาท จะเตรียมการจัดส่ง และวางขายอย่างเป็นทางการในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2564 ส่วนในละแวกอื่นๆ รวมถึงประเทศไทยอาจต้องนั่งรอตาปริ๊บๆ ต่อไป