[เล่าสู่กันฟัง] ประวัติปากกา S-Pen ผ่านเวลามา 10 ปี เติบโตมาอย่างไรบ้าง

หากพูดถึง Samsung Galaxy Note นอกจากจุดเด่นและสเปกที่อัดแน่นแล้ว ยังมีไฮไลท์สำคัญคือปากกา S-Pen ที่มีการพัฒนาต่อเนื่องมาโดยตลอดเช่นกัน ถ้านับตั้งแต่รุ่นแรกกินเวลากว่า 10 ปีแล้ว นานไม่น้อยเลย ดังนั้นบทความนี้จะพาย้อนเวลาและเรียนรู้กันคร่าวๆ ว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา ปากกานี้มีประวัติศาสตร์อย่างไรบ้าง

บทความที่เกี่ยวข้อง

• 
  ฉาวโฉ่! OPPO งานเข้า ข้อมูลส่วนบุคคลลูกค้า OPPO ในไทยถูกประกาศขายในเว็บมืด
• 
  เปิดราคา iPhone 16e น้องเล็ก ดีไซน์ใหม่ แบตฯ อึด จองกับ BaNANA คุ้มสุด

ติดตามข่าว สยามโฟน.คอม ที่

เริ่มจาก S-Pen รุ่นแรกที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 2011 พร้อมกับ Samsung Galaxy Note โดยสมัยนั้นอุปกรณ์ดังกล่าวถูกจัดอยู่แฟบเล็ต ด้วยหน้าจอที่มีขนาดใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนนั่นเอง ซึ่งปากกานี้ทำได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ดินสอ, ปากกา, แปรง หรือปากกาไฮไลท์ นอกจากนี้ซัมซุงยังได้เปิดตัวเหล่าฟีเจอร์ที่ใช้ควบคู่กับปากกาดังกล่าวด้วย ตอบโจทย์งานเอกสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ต่อมาปี ค.ศ. 2012 ทางซัมซุมได้ออกแบบดีไซน์ใหม่ให้มีขนาดแบนมากขึ้นที่ด้านข้าง เพื่อจับถือถนัดกระชับมือมากยิ่งขึ้น รวมถึงรองรับแรงกดได้มากกว่าเดิมจาก 256 ระดับ เป็น 1,024 ระดับ ตอบโจทย์การขีดเขียนที่แตกต่างกัน และให้ความรู้สึกเหมือนกับใช้ปากกา หรือดินสออย่างเป็นธรรมชาติ

สำหรับปากกา S-Pen ของ Galaxy Note 3 เป็นเรื่องความเรียบง่ายและสะดวกรวดเร็ว เน้นฟังก์ชั่นการใช้งานที่มากกว่าเดิม รวมถึงเป็นเรื่องของการสัมผัสประสบการณ์การใช้งานที่ดีด้วย นั่นคือ การออกแบบเมนู Air Command ใหม่ ที่ให้ผู้ใช้เข้าถึงเมนูด่วนได้รวดเร็ว อาทิ โทรติดต่อสื่อสาร, ส่งอีเมล หรือข้อความ, เขียนโน๊ต เป็นต้น เพียงแค่กดที่ปุ่ม หรือดีดปากกาออก

เน้นพัฒนาปรับปรุง โดยปากกา S-Pen ของ Samsung Galaxy Note 4 มุ่งเน้นส่งเสริมประสบการณ์การเขียนที่สมจริงยิ่งขึ้นและเพิ่มเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยรองรับแรงกดมากถึง 2,048 ระดับ เพิ่มมาอีกหนึ่งเท่า มาพร้อมฟีเจอร์ Smart select ที่จะให้คุณ SAVE & SHARED ข้อมูลคอนเทนต์ที่ต้องการใดๆ ได้ทันที

เมื่อปากกา S-Pen รุ่นที่ 4 มีฟีเจอร์สำคัญแล้ว ในรุ่นใหม่นี้ก็มีฟีเจอร์ Screen off memo คือสามารถจดบันทึกข้อมูลต่างๆ ที่ต้องการได้ทันที โดยที่ไม่ต้องเข้าแอปพลิเคชั่นใดๆ แล้วก็จะบันทึกทันที นอกจากนี้ยังเปลี่ยนลักษณะการใช้งานปากกาด้วย คือไม่ต้องดึงแล้ว แค่กดที่หัวปากกา ก็จะเด้งออกมาทันที

ปากกา Samsung S-Pen Note 8 มีหัวปากกาที่เล็กกว่าเดิม 0.7 มม. ทำให้ลายเส้นคล้ายคลึงกับปากกามากขึ้น ทั้งยังสามารถสร้างและส่งข้อความที่เขียนด้วยลายมือและ gifs แบบเคลื่อนไหว พร้อมตอบสนองความต้องการได้อย่างแม่นยำ ทั้งการจดบันทึกหรือการวาดภาพที่ควบคุมได้ด้วยตัวคุณเอง

ต่อด้วย Galaxy Note 9 กับปากกาใหม่ที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ให้พรีเมียม ทันสมัยมากยิ่งขึ้น พร้อมการที่เป็นมากกว่าปากกา เพื่อให้การใช้งานที่หลากหลายยิ่งขึ้น นั่นก็เพราะคุณสามารถเชื่อมต่อด้วยระบบ Bluetooth Low-Energy (BLE) ทั้งนี้เมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด แค่วางไว้ที่ด้านหลังตัวเครื่อง ปากกาก็จาร์จอัตโนมัติทันที สูงสุด 30 นาที หรือประมาณ 200 คลิ๊ก เพิ่มความสะดวกคล่องตัว ใช้งานได้ต่อเนื่อง

ต่อด้วยปากกาของรุ่น Galaxy Note 10 ก็พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น ซึ่งทางซัมซุงให้คำนิยามว่านี่คือ ไม้กายสิทธิ์ magic wand สามารถใช้คำสั่งต่างๆ ควบคุมทางอากาศได้เลย (S Pen Air actions) ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในลักษณะใด แบบที่ไม่ต้องสัมผัสหน้าจอเลย ทำให้อิสระสูงสุด

ปิดท้ายด้วยปากกาที่อาจเป็นรุ่นสุดท้ายคือ Series Note กับ สรุปจุดเด่นและสเปก Samsung Galaxy Note 20|Note 20 Ultra มือถือ 5G รุ่นท็อป! เพราะมีข่าวลือหนาหูไม่น้อยว่าอาจจะยกเลิกซีรีย์นี้ และนำปากกา S-Pen ไปผนวกเข้ากับ Galasy S Series ด้วย

หลังจาก Samsung Galaxy S21 Series เปิดตัวมา และมีเพียง Samsung Galaxy S21 Ultra เท่านั้นที่ใช้ปากกาได้ โดยแบ่งเป็นสองรุ่นปากกาคือ ปากกา S-Pen ธรรมดา ใช้ได้แค่การขีดเขียน ไม่มีฟังก์ชั่นใดๆ พิเศษ และมีขนาดที่เล็กกว่า ส่วนของปากการุ่นพี่ S-Pen Pro มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย เพื่อให้ง่ายต่อการจับถือ ทั้งมีคุณสมบัติประหยัดพลังงานมากขึ้นในขณะที่เชื่อมต่ออยู่ ทั้งสามารถใช้ฟีเจอร์จำพวก Air Gesture ต่าง ๆ, ฟีเจอร์สั่งงานระยะไกล อาทิ กดชัตเตอร์ถ่ายรูป, เปลี่ยนเพลง, เพิ่ม/ลด เสียง, เปลี่ยนสไลด์พรีเซ็นต์ และอื่น ๆ ตามแต่ตั้งค่า เสมือนกับปากกาที่ใช้ใน Galaxy Note และ Galaxy Tab S

เป็นอย่างไรกันบ้างกับเหล่าปากกาที่ได้มีอายุรวมกันมากกว่า 10 ปี งานนี้ปีหน้าจะเป็นอย่างไร อาจต้องรอติดตามไปพร้อมกัน เพราะนี่คือจุดขายอย่างแท้จริง