รีวิว GoPro Hero 8 Black กล้องแอคชั่นแคมสุดโหด พร้อม HyperSmooth 2.0 และ TimeWarp 2.0 ถ่ายวิดีโอได้ดียิ่งขึ้น

เปิดตัวมาแล้วกับ GoPro Hero 8 Black ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีเวอร์ชั่นอัพเกรด HyperSmooth 2.0 กันสั่นไหวขั้นเทพที่ดียิ่งขึ้น และมาพร้อมกับ TimeWarp เวอร์ชั่น 2.0 ที่จะทำให้การถ่ายวิดีโอ Timelapse ของคุณนั้นดียิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับตัวเชื่อมขาตั้งในตัว เทคโนโลยีการอัดเสียงแบบใหม่ที่จะช่วยลดเสียงรบกวนได้มากขึ้น และตัวเครื่องนั้นมีน้ำหนักที่เบาลงด้วย

บทความที่เกี่ยวข้อง

• 
  OPPO Watch X2 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ชิปเซ็ต Snapdragon W5 Gen 1 จอ AMOLED 1.5 นิ้ว และแบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด 16 วัน!
• 
  Red Magic Golden Saga Edition สุดยอดสมาร์ทโฟนแห่งความหรูหราประสิทธิภาพสูง!

ติดตามข่าว สยามโฟน.คอม ที่

รูปลักษณ์ภายนอก

ด้านหน้าของกล้อง GoPro Hero 8 Black มีเลนส์กล้องความละเอียด 12 ล้านพิกเซล นูนอยู่บริเวณมุมขวา ด้านใต้ตัวกล้องจะเป็นไมโครโฟนบันทึกเสียง ด้านซ้ายจะมีหน้าจอขนาดเล็กสำหรับแสดงสถานะ และไฟแสดงสถานะที่ด้านบน ใต้หน้าจอจะเป็นโลโก้ GoPro

ด้านขวาของตัวเครื่อง มีโลโก้ 8 Black อยู่ด้านบน ปุ่มสำหรับเปิด/ปิดตัวเครื่อง และช่องไมโครโฟน

ด้านซ้ายจะมีช่องที่สามารถเปิดออกได้ เมื่อเปิดออกมาแล้ว ด้านในจะเป็นที่สำหรับใส่แบตเตอรี่ ใส่ MicroSD Card และช่อง USB Type-C

ด้านบนตัวเครื่อง มีเพียงปุ่มชัตเตอร์เท่านั้น

ความพิเศษของรุ่นนี้ อยู่บริเวณด้านล่างของตัวเครื่อง โดยจะมาพร้อมกับ Built-in Folding Finger สำหรับใช้คู่กับขาตั้งตัวกล้อง ซึ่งสามารถพับเข้า-ออกได้

ด้านหลังของตัวเครื่อง มีหน้าจอสัมผัสที่ใช้สำหรับมองภาพ และควบคุมการทำงานต่างๆ ของตัวเครื่อง

ในตัวกล่องของ GoPro Hero 8 Black จะมาพร้อมกับ

• ตัวกล้อง GoPro Hero 8 Black
• ขาตั้งกาวสำหรับติดกล้องกับอุปกรณ์อื่น (เช่น หมวกกันน็อค)
• ขาตั้งกล้อง แบบ 3 ขา
• สาย USB Type-C
• ตัวล็อกขากล้องกับขาตั้งกาว
• น็อตสำหรับขาตั้งกล้อง
• MicroSD ความจุ 32 GB
• เคสยางกันกระแทก
• สายรัดข้อมือ
• แบตเตอรี่

จุดเด่นที่น่าสนใจของ GoPro Hero 8 Black

HyperSmooth 2.0

HyperSmooth 2.0 เป็นระบบการกันสั่นของ GoPro ที่อัพเกรดให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้นในทุกการใช้งาน ทำให้ภาพที่ได้นั้นมีความสมูทและการสั่นนั้นน้อยลง พูดแล้วอาจจะยังนึกไม่ออกว่ามันดีอย่างไร ลองไปดูวิดีโอตัวอย่างกันเลย

TimeWarp 2.0

สำหรับ TimeWarp 2.0 นั้นก็คือโหมด Time Lapse ของ GoPro นั่นเอง แต่จะมีความพิเศษคือสามารถปรับสปีดได้อัตโนมัติหรือว่าปรับสปีดให้ช้าหรือเร็วตามที่เราชอบในระหว่างถ่ายได้เลย ไปลองดูวิดีโอตัวอย่างกันดีกว่า

SuperPhoto และ HDR ที่พัฒนายิ่งขึ้น

โหมดนี้จะช่วยให้ภาพถ่ายทุกภาพจาก GoPro Hero 8 Black นั้นมีรายละเอียดและสีสันที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเพิ่มความสามารถของ HDR ให้ทำงานได้ดีและแยกความแตกต่างของรายละเอียดได้แบบขั้นเทพ เราจะมีรูปตัวอย่างมาให้ดูซึ่งจะโชว์ให้เห็นถึงประสิทธิภาพของโหมดนี้

จุดเด่นอื่นๆ ที่น่าสนใจของ GoPro Hero 8 Black

• ถ่ายวิดีโอได้ความละเอียดสูงสุด 4K 60FPS และ 1080P 240FPS
• ถ่ายวิดีโอแบบ Slow-Motion ได้ช้าสุดถึง 8 เท่า
• LiveBurst จะถ่ายรูปก่อนเรากดถ่าย 1.5 วินาที ทั้งหมด 90 รูป และวิดีโอ 4K 3 คลิป เราสามารถเลือกช็อตที่เราต้องการได้
• Night Lapse Video ถ่ายวิดีโอ TimeLapse กลางคืนได้ ไม่สูญเสียรายละเอียด
• บันทึกเสียงได้คมชัดพร้อมตัดเสียงต่างๆ ได้ด้วยไมโครโฟนถึง 3 ตัว 
• ตัวเครื่องทนทาน กันน้ำได้ลึกสูงสุดถึง 10 เมตร (ไม่ใส่เคส)
• สั่งการด้วยเสียงได้ในระยะสูงสุด 14 เมตร เช่น “GoPro, start recording.” หรือจะสั่งเปิดเครื่องด้วย “GoPro, turn on.” ก็ได้เช่นกัน
• ควบคุมการทำงานด้วยหน้าจอสัมผัสที่ใช้งานได้เทียบเท่าสมาร์ทโฟน
• ไลฟ์ถ่ายทอดสดไปยัง Facebook Live ได้ทันที
• รองรับไฟล์รูป RAW และไฟล์วิดีโอ HEVC

โดยรวมก็ต้องยอมรับว่า GoPro 8 Hero Black ตัวนี้มีความน่าสนใจเป็นอย่างมากจากฟีเจอร์หลายๆ อย่างทั้ง HyperSmooth ที่อัปเกรดให้การกันสั่นของวิดีโอนั้นทำงานได้ดีมากขึ้น รวมถึง TimeWarp 2.0 ที่ทำให้วิดีโอ Time Lapse ของเรานั้นฉลาดยิ่งขึ้น แต่จุดที่น่ากังวลเล็กน้อยคือการใช้งานแบตเตอรี่ที่ค่อนข้างหมดไวไปสักนิด ซึ่งก็ทดแทนด้วยการใช้แล้วชาร์จจะช่วยแก้ได้ในระดับนึง โดยค่าตัวของ GoPro 8 Hero Black นั้นมีราคาอยู่ที่ 14,500 บาท และสามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ ตามร้านค้าชั้นนำทั่วไป