รีวิว OPPO F11 กล้องหลังคู่ AI ถ่ายสวยด้วยความละเอียด 48MP พร้อมแบตฯ อึด 4,020 mAh รองรับ VOOC Flash Charge

รีวิวโทรศัพท์มือถือ OPPO F11 - ออปโป้

OPPO F11 สมาร์ทโฟนกล้องคู่ถ่ายสวยด้วยความละเอียดสูงสุด 48MP พร้อมด้วยดีไซน์ไล่เฉดอย่างสวยงามแบบ Aesthetics ID ควบคู่กับหน้าจอ Waterdrop Screen กว้างถึง 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ขับเคลื่อนผ่านขุมพลัง Helio P70 Octa Core, RAM 4GB, ROM 128GB มีแบตเตอรี่สุดอึดถึง 4,020 mAh รองรับชาร์จเร็วด้วย VOOC Flash Charge 20W โดยฟีเจอร์ทั้งหมดนี้ใน OPPO F11 เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วในราคาเพียง 8,990 บาทเท่านั้น

รูปลักษณ์ภายนอกLook & Design

ดีไซน์ของ OPPO F11 ได้ใช้การออกแบบแบบ Aesthetics ID เพื่อให้หน้าจอแสดงผลและตัวเครื่องเป็นได้อย่างสมดุล จับถือได้สะดวก มีความโค้งมนทางด้านหลัง ขณะที่ขนาดรอบตัวเครื่องก็ไม่ได้ใหญ่จนเกินไปที่ 162.0 x 76.1 x 8.3 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 188 กรัม

ด้านหน้าจอ OPPO F11 มาพร้อมดีไซน์หยดน้ำ Waterdrop Screen ที่มีความกว้างถึง 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ซึ่งการใช้งานจริงๆ ขนาดหน้าจอแทบไม่ได้เป็นปัญหา เพราะสามารถใช้งานในมือเดียวแบบถนัดๆ เพราะหน้าจอหยดน้ำทำให้ขนาดตัวเครื่องเท่าเดิมแต่หน้าจอใหญ่ขึ้นนั่นเอง

เหนือหน้าจอแสดงผลมีกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซลอยู่ในรอยบากทรงหยดน้ำ พร้อมกับมีเซ็นเซอร์ฝังใต้จอแอบอยู่ข้างๆ ถัดขึ้นไปก็จะมีลำโพงสำหรับสนทนาอยู่

ด้านล่างหน้าจอมีขอบดำแบบบางๆ โดยปุ่มนำทางต่างๆ จะอยู่ในหน้าจอ

ฝั่งซ้ายของตัวเครื่องมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์แบบ NanoSIM 2 ช่อง แต่ช่องที่ 2 เป็นแบบ Hybrid ให้เลือกระหว่างซิมที่ 2 หรือ MicroSD Card ถัดลงมาเป็นปุ่มสำหรับเพิ่ม-ลดเสียง

ส่วนด้านขวามีเพียงปุ่มสำหรับปิด-ล็อคเครื่อง

ทางด้านบนของตัวเครื่องมีไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน

บริเวณด้านล่างของตัวเครื่องมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม., ไมโครโฟนตัวที่ 1, พอร์ต Micro USB 2.0 และลำโพงตัวหลัก

และที่ด้านหลังมีกล้องหลังความละเอียด 48+5 ล้านพิกเซลในแนวตั้ง ตำแหน่งกลางเครื่อง ถัดลงมาตรงกันมีไฟแฟลช LED และระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ

อุปกรณ์ภายในกล่อง

ตัวเครื่อง OPPO F11
อะแดปเตอร์
สาย Micro USB 2.0
หูฟัง
อุปกรณ์เปิดถาดซิม
เคสใส
คู่มือการใช้งานเบื้องต้น

Bull Armors (บูลอาเมอร์) กระจกกันรอย สำหรับ OPPO F11 คุณภาพจากญี่ปุ่น ติดง่าย แข็งแรง 9H+ ลดรอยนิ้วมือ สัมผัสลื่นไม่สะดุด รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.bullarmors.com/

สรุปสเปค OPPO F11

ขนาดตัวเครื่อง : 162.0 x 76.1 x 8.3 มิลลิเมตร
น้ำหนัก : 188 กรัม
หน้าจอแสดงผล Waterdrop Screen แบบ TFT-LTPS กว้าง 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080 พิกเซล) อัตราส่วน 19.5:9
หน่วยประมวลผล : Mediatek Helio P70 Octa Core ความเร็ว 2.1 GHz
GPU : Mali-G72 MP3
RAM 4 GB
ROM 128 GB สามารถเพิ่ม MicroSD Card ได้สูงสุด 256GB
ระบบปฎิบัติการ Android 9 Pie ครอบทับด้วย ColorOS 6
กล้องถ่ายรูปหลัง 2 เลนส์ แบ่งเป็น
- เลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.79 พร้อมไฟแฟลช LED รองรับการจดจำซีนถึง 23 หมวดหมู่, HDR และโหมด Ultra Night Mode
- เลนส์ที่ 2 ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 พร้อมโหมดหน้าสวย Beautification 2.1
รองรับการใช้งานซิมการ์ดแบบ NanoSIM 2 ซิม
รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 4.2 และ Micro USB 2.0
แบตเตอรี่ความจุ 4,020 mAh รองรับ VOOC Flash Charge กำลังไฟ 20W

เมนู & ฟังก์ชันMenu & Function

ระบบปฏิบัติการ

OPPO F11 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie ที่ครอบทับด้วย ColorOS 6.0 ที่มีหน้าตา UI สวยงาม ไอคอนมีลักษณะกลมๆ มนๆ ทั้งยังรวมหน้าจอหลักและหน้าจอแอพฯ ไว้ในที่เดียวกัน

หน้าตา UI : ColorOS 6.0

หน่วยความจำภายในคงเหลือ

หลังจากแกะกล่องและอัปเดทแอพพลิเคชั่นต่างๆ แล้ว OPPO F11 รุ่นความจุ 128GB จะเหลือพื้นที่ให้ใช้งานจริงประมาณ 105GB ขณะที่ RAM จากทั้งหมด 4GB ก็จะเหลือให้ใช้งานแอพฯ อยู่ประมาณ 2.2GB

การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง

ผลการทดสอบประสิทธิภาพความเร็วด้วย AnTuTu Benchmark v7.1.7 ได้ 148,173 คะแนน
ผลการทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมด้วย Geekbench 4 ได้คะแนน Single-Core ที่ 1,555 และคะแนน Multi-Core ที่ 5,989
ผลการทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมด้วย 3DMark ได้ 1,280 คะแนน
ผลตรวจสอบระบบสัมผัสหน้าจอแบบ Multitouch สูงสุด 10 จุด

ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ดังนี้

Accelerometer Sensor ตรวจวัดความเร่งจากการโน้มเอียง
Light Sensor ตรวจจับแสงสว่าง
Orientation Sensor เซ็นเซอร์ปรับมุมมองหน้าจอ (คล้ายตัววัดระดับน้ำ)
Proximity Sensor ปิดหน้าจออัตโนมัติขณะสนทนาแนบหู
Gyroscope Sensor เซนเซอร์ตรวจจับลักษณะการหมุนของสมาร์ทโฟน
Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
Magnetic Sensors เซ็นเซอร์ตรวจจับแม่เหล็ก

จุดเด่นน่าสนใจSpecial & Features

ดีไซน์สวยงามออกแบบได้อย่างสมดุล

ขึ้นชื่อว่า OPPO เรื่องดีไซน์ต้องไม่เป็นสองรองใครแน่นอน โดย OPPO F11 ใช้การออกแบบ Aesthetics ID เพื่อให้ทุกส่วนของรุ่นนี้ออกมาสมดุล ทั้งหน้าจอแสดงผล เฉดสีที่สวยงาม โดยเครื่องที่เราได้มาเป็นสีม่วง Fluorite Purple ที่มีการไล่เฉดสีม่วงและฟ้าเป็นแนวตั้งได้อย่างลงตัว

ขณะที่หน้าจอ Waterdrop Screen ก็ช่วยเพิ่มขนาดหน้าจอแสดงผลให้มีความกว้างมากขึ้นถึง 6.5 นิ้ว แถมเพิ่มพื้นที่การใช้งานได้มากเป็น 90.7%

ทดสอบการเล่นเกม

ด้วยหน่วยประมวลผล Mediatek Helio P70 แบบ Octa Core ความเร็ว 2.1 GHz ที่เน้นเรื่องการประหยัดพลังงานเป็นหลักแต่ยังคงทำงานได้รวดเร็วเหมือนเดิม ทั้งยังมีฟีเจอร์ Hyper Boost ที่ช่วยเร่งประสิทธิภาพการทำงานให้รวดเร็วขึ้น เราก็ขอลองทดสอบ OPPO F11 ในการเล่นเกมดูสักครั้งถึง 3 เกม คือ PUBG Mobile, Garena Speed Drifters และ ROV

เริ่มกันที่ PUBG Mobile ที่ใช้การปรับตั้งค่าแบบค่าเริ่มต้นด้วยกราฟิกแบบสมดุลและเฟรมเรทระดับกลาง โดยผลที่ออกมาถือว่าน่าพอใจมาก เพราะได้ไหลลื่น ไม่มีสะดุด แถมเฟรมเรทไม่มีเหวี่ยงด้วย

ต่อมากับ Garena Speed Drifters ก็ทำได้ยอดเยี่ยมเพราะเปิดภาพระดับสูงสุดได้ทั้งหมด และเล่นได้ไม่มีปัญหาใดๆ

และสุดท้ายกับ ROV ทุกอย่างสามารถปรับสูงสุดได้หมด รวมถึงเฟรมเรทเช่นกัน ซึ่งเราทดลองเล่นในโหมด 5 VS 5 ทุกอย่างก็เล่นได้ไหลลื่น ไม่มีปัญหาใดๆ แถมเฟรทเรทจะวิ่งสลับกันไปมาอยู่ระหว่าง 58-62fps

นอกจากการเล่นเกมที่ลื่นแล้ว รุ่นนี้ก็ยังมีฟีเจอร์ Game Space ที่รวบรวมทุกเกมที่เราติดตั้งไว้ในที่เดียวกันด้วย โดยเรายังสามารถปรับคุณภาพการเล่นเกมได้ที่นี่ หรือจะเลือกการปิดการแจ้งเตือนก็ยังทำได้เช่นกัน รวมไปถึงฟีเจอร์ Game Assistant ช่วยให้เราสามารถปัดซ้ายหรือขวาจากบริเวณหยดน้ำเพื่อเรียกใช้งานฟังก์ชันอื่นๆ เช่น การบันทึกวิดีโอหน้าจอ, ตอบข้อความ หรือการปิดแจ้งเตือนการโทร เป็นต้น

ฟีเจอร์ Game Space

ฟีเจอร์ Game Assistant

ระบบความปลอดภัย

ด้านระบบรักษาความปลอดภัยในการปลดเล็อคเครื่องก็ให้มาครบครันทั้งระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือทางด้านหลังตัวเครื่อง (จดจำได้มากสุด 5 ลายนิ้วมือ) ที่ทำได้รวดเร็วและแม่นยำมาก เพียงแค่แตะเบาๆ ก็ปลดล็อคให้ทันที ส่วนการสแกนใบหน้าก็ทำได้รวดเร็วไม่แพ้กัน

แบตใหญ่พร้อมชาร์จเร็วด้วย VOOC Flash Charge 3.0

OPPO F11 ให้แบตเตอรี่มาแบบเต็มที่ถึง 4,020 mAh ซึ่งก็ใช้งานทั่วไปได้ตลอดทั้งวัน (บวกกับเล่นเกมนิดหน่อย) และเมื่อแบตใกล้หมดก็ชาร์จได้เร็วมากด้วยเทคโนโลยี VOOC Flash Charge 3.0 ไม่ถึงชั่วโมงก็เต็มแล้ว แถมเครื่องก็ไม่ร้อนอีกด้วย

ความพิเศษในระบบปฏิบัติการ ColorOS 6.0

ในระบบปฏิบัติการจาก OPPO อย่าง ColorOS 6.0 ก็มีการอัปเกรดให้รองรับกับการใช้งานของเรามากขึ้น แถมยังฉลาดมากขึ้นอีกด้วย โดยมีฟีเจอร์หลักๆ ดังนี้

ปุ่มการนำทาง : ใน ColorOS 6.0 เราสามารถปรับปุ่มนำทางได้หลากหลายแบบทั้งปุ่มเสมือนหรือใช้ท่าทางลากนิ้วได้ โดยปุ่มเสมือนจะเลือกผังปุ่มได้หลายแบบทั้งมีแค่ปุ่มโฮม สลับปุ่มย้อนกลับ/แอพฯ ล่าสุด ให้อยู่ฝั่งซ้าย-ขวา ส่วนการใช้ท่าทางลากนิ้วมีให้เลือกถึง 4 แบบ ได้แก่แบบปุ่มย้อนกลับอยู่ 2 มุม, ท่าทางง่ายๆ, ปุ่มย้อนกลับอยู่ฝั่งขวา หรือปุ่มย้อนกลับอยู่ฝั่งซ้าย

แถบด้านข้างอัจฉริยะ : เพิ่มความสะดวกในการเข้าแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วด้วยฟีเจอร์นี้ ถือว่าทำได้ดีมาก เพียงแค่ปัดซ้ายจากจอด้านขวาก็จะมีตัวเลือกต่างๆ ออกมาให้ใช้งาน ทั้งแอพพลิเคชั่นที่เลือกได้มากสุดถึง 20 แอพฯ หรือใครจะอัดภาพหรือวิดีโอหน้าจอขณะเล่นเกมก็ยังทำได้เช่นเดียวกันในส่วนนี้

Smart Assistant : หากเราไปยังหน้าจอซ้ายสุดของหน้าจอหลัก เราจะพบฟีเจอร์ 'ผู้ช่วยอัจฉริยะ' ที่จะบอกข้อมูลเบื้องต้นของอุปกรณ์เราทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิ วันที่ หรือการแจ้งเตือนในปฏิทินที่กำลังจะเกิดขึ้น รวมไปถึงการนับก้าวและผู้ติดต่อด่วนก็มีตัวเลือกให้เราใช้งานเช่นเดียวกัน

การขับขี่อย่างชาญฉลาด : ในส่วนนี้เราสามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่ การตั้งค่า > บริการแบบชาญฉลาด และเปิดโหมด 'การขับขี่' หรือจะเลือกผ่านการตั้งค่าด่วนได้ทันที โดยจะมี 2 แบบให้เราเลือก คือ แบบแรกจะเปิดโหมดนี้ทันทีเมื่อเราเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ในรถยนต์ หรือจะเปิดเองตามการตั้งค่าได้ โดยจะได้เฉพาะกับสายที่ได้รับอนุญาต และปิดเสียงแจ้งเตือนต่างๆ ให้ทันที

กล้องถ่ายสวยด้วยความละเอียดสูงสุด 48 MP

OPPO F11 มาพร้อมกับกล้องหลังคู่ความละเอียด 48+5 MP รูรับแสง f/1.79 และกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมกับฟีเจอร์มากมายดังนี้

AI Engine : สามารถจดจำฉากและซีนได้มากถึง 23 หมวดหมู่ เช่น พืชสีเขียว, ข้อความ, ช่อดอกไม้ หรือท้องฟ้า เป็นต้น โดยการทำงานนั้นจะปรับได้รวดเร็วมากเพียงแค่นำกล้องไปโฟกัสกับวัตถุเท่านั้น

Ultra Night Mode : เป็นโหมดที่แทบไม่ต้องอธิบายอะไรมาก โดยเป็นการถ่ายภาพในตอนกลางคืนที่ถ่ายได้อย่างสวยงาม Noise ลดลง แถมยังถ่ายได้แบบไม่ต้องใช้ขาตั้้งกล้อง (Hand-Held) โดยระบบจะใช้เทคโนโลยี MFNR (Multi-frame Noise Reduction) บวกกับ HDR ถ่ายเป็น 7 ช็อตเพื่อให้ได้แสงที่สมดุลมากที่สุด

ขณะที่กล้องหน้าก็สวยงามไม่แพ้กันด้วยความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 ที่มีฟีเจอร์ปรับแต่งหน้าสวย Beautification 2.1 ผสมผสานกับ AI ช่วยให้เราแทบไม่ต้องปรับแต่งเอง เพราะ AI จะคำนวณให้แล้วทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการปรับหน้าเรียว, คาง, ตาโต หรือจมูกเล็ก แต่หากใครอยากปรับเพิ่มกว่าที่ AI แนะนำมาให้ก็สามารถปรับเองได้ตั้งแต่ 1-100 ระดับเลยทีเดียว ทั้งนี้ การปรับอัตโนมัติของ AI ยังมีการวิเคราะห์ลักษณะผิวค่าความงามของผู้ชาย, ผู้หญิง, เด็ก และ ผู้ใหญ่ ให้มีความแตกต่างกันอีกด้วย

คุณสมบัติการถ่ายภาพนิ่ง

ความละเอียดของภาพถ่ายจากกล้องหลัง : 4000 x 3000 (4:3), 3000 x 3000 (1:1), 4000 x 1840 (เต็มจอ), 6000 x 8000 (4:3, 48MP) พิกเซล
ความละเอียดของภาพถ่ายจากกล้องหน้า : 4608 x 3456 (4:3), 3456 x 3456 (1:1), 4608 x 2128 (เต็มจอ) พิกเซล
ไฟแฟลช : อัตโนมัติ, เปิด, ปิด, เพิ่มแสง
HDR : อัตโนมัติ, เปิด, ปิด
สีตื่นตา : เปิด, ปิด
ฟิลเตอร์ : ต้นฉบับ, R1-R10
ตัวจับเวลา : ปิด, 3, 10 วินาที
สัมผัสเพื่อถ่ายรูป : เปิด, ปิด
ลักษณะท่าทางในการถ่ายรูป (กล้องหน้า) : เปิด, ปิด
ปุ่มความดัง : ระดับเสียง, ชัตเตอร์, ย่อ/ขยาย
เส้นตาราง : เปิด, ปิด
เสียงชัตเตอร์ : เปิด, ปิด
ตำแหน่ง : เปิด, ปิด
รูปเซลฟี่กลับด้าน : เปิด, ปิด
การรับรู้สถานการณ์ AI : เปิด, ปิด
ภาพลายน้ำ : เปิด, ปิด
โหมดการถ่ายภาพ : กลางคืน, พาโน, ผู้เชี่ยวชาญ, Google Lens

คุณสมบัติการบันทึกวิดีโอ

ความละเอียดของภาพวีดีโอจากกล้องหลัง : 1920 x 1080 (1080p), 1280 x 720 (720p) พิกเซล
ความละเอียดของภาพวีดีโอจากกล้องหน้า : 1920 x 1080 (1080p), 1280 x 720 (720p) พิกเซล
แฟลช : เปิด, ปิด
ฟิลเตอร์ : ต้นฉบับ, R1-R10
ปุ่มความดัง : ระดับเสียง, ชัตเตอร์, ย่อ/ขยาย
เสียงชัตเตอร์ : เปิด, ปิด
ตำแหน่ง : เปิด, ปิด
รูปเซลฟี่กลับด้าน : เปิด, ปิด
โหมดการถ่ายวิดีโอ : โหมดย่นเวลา, มาตรฐาน