Google เปิดข้อมูล Android 10 Q โชว์ฟีเจอร์ใหม่ๆ เพียบ Live Captions, รองรับจอพับ และรับอัปเดทได้ไวขึ้น

หลังจากที่ Google เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นเล็กไปอย่าง Pixel 3a และ Pixel 3a XL ในงาน Google I/O 2019 อีกเรื่องที่น่าสนใจคงไม่พ้นระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่อย่าง Android 10 Q ที่มีการเปิดเผยข้อมูลและฟีเจอร์ต่างๆ ออกมาแล้วบางส่วน รวมถึงสมาร์ทโฟนที่ได้รับเวอร์ชัน Beta แล้วเรียบร้อย

บทความที่เกี่ยวข้อง

• 
  OPPO A5 Pro เน้นทนทาน IP69 จอ AMOLED 120Hz และชิปเซ็ต Dimensity 7300
• 
  Xiaomi 15 Ultra เรือธงรุ่นใหม่ หลุดวันเปิดตัว 26 กุมภาพันธ์นี้

ติดตามข่าว สยามโฟน.คอม ที่

ฟีเจอร์ใหม่ใน Android 10 Q

รองรับสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้

Android Q นั้นสามารถรองรับการทำงานของสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ ที่ไม่ว่าจะเล่นเกมหรือรับชมวิดีโออยู่ เมื่อพับหรือกางหน้าจอ ทุกอย่างก็จะขยายหรือย่อให้ได้สัดส่วนที่พอดีกับสิ่งที่ควรจะเป็นทันที ซึ่งหากมองให้เห็นภาพก็คือการใช้งานกับ Samsung Galaxy Fold ที่พับหรือกางหน้าจอก็จะยังคงใช้งานแอพพลิเคชั่นต่อได้

5G พร้อมแล้วสำหรับ Google

เหมือนกับเรื่องมือถือจอพับ โดย Google ก็พร้อมเช่นกันกับเครือข่าย 5G ที่จะให้ความรวดเร็วทั้งด้านการถ่ายโอนไฟล์ ค่า Latency ต่ำ ซึ่งจะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเมื่อใช้ Android Q

ฟีเจอร์ Live Captions

เป็นฟีเจอร์เล็กๆ แต่ก็สร้างความฮือฮาได้เช่นกัน เพราะเป็นการสร้างแคปชั่นหรือคำบรรยาย (เหมือนกับใน Youtube) แบบเรียลไทม์ หากเราทำกำลังปิดเสียงมือหรือยากต่อการที่จะได้ยินเสียงนั้นๆ ทันที โดยความพิเศษของฟีเจอร์นี้ จะไม่ได้รองรับแค่ใน Youtube แต่จะรองรับกับวิดีโอทุกอย่างในสมาร์ทโฟน ทั้งแอพฯ วิดีโอที่ถ่ายมาจากกล้องหรือวิดีโอในเว็บไซต์ แคปชั่นนี้ก็จะสร้างขึ้นมาให้เราได้อ่านทันที ทั้งยังสามารถขยับและเคลื่อนย้ายไปทั่วหน้าจอได้อย่างอิสระอีกด้วย

สำหรับฟีเจอร์ Live Captions จะเริ่มเปิดให้ใช้งานได้จริงให้กับสมาร์ทโฟน Android ในช่วงปลายปีนี้

การตอบกลับอัจฉริยะและคำแนะนำ (Smart Reply & Suggested Actions)

การแจ้งเตือนของระบบ Android จะฉลาดมากยิ่งขึ้น โดย Suggested Actions จะทำงานกับแอพฯ รับ-ส่งข้อความทุกแอพฯ ซึ่งจะสามารถให้คำแนะนำในการตอบกลับหรือสร้างอิโมจิได้ในหน้าต่างแจ้งเตือน รวมถึงฟีเจอร์ Smart Reply ที่จะแนะนำสิ่งต่างๆ เมื่อมีการตอบกลับมา เช่น เมื่อมีคนส่งที่อยู่มาในแอพฯ แชท และเด้งหน้าต่างแจ้งเตือนขึ้นมา ก็จะมีตัวเลือก Google Maps ขึ้นมาให้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องคัดลองที่อยู่นั้น

ระบบความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

ระบบความปลอดถับถือเป็นฟีเจอร์หลักใน Android Q โดยจะจพัฒนาด้านการแชร์ตำแหน่งที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งจะเริ่มเปิดการใช้ตำแหน่งเมื่อเราเปิดแอพฯ และจะปิดการอนุญาตทันทีเมื่อเราปิดแอพฯ ซึ่งฟีเจอร์นี้จะคล้ายๆ กับระบบ iOS ที่เน้นความเป็นส่วนตัวมากนั่นเอง

Dark Mode

สำหรับ Dark Mode จะเริ่มเปิดใช้งานทันทีเมื่อเราเปิดฟีเจอร์ประหยัดแบตเตอรี่ หรือจะกดเปิดเองได้ผ่านการตั้งค่า โดยในโหมดใช้ได้กับทุกแอพฯ ที่รองรับ Dark Mode หรืออีกทางเลือก คือ ฟีเจอร์บังคับเปิด Dark Mode (Force Dark Mode) ช่วยให้แอนดรอยด์สร้างธีมมืดได้เองเมื่อเปิดแอพฯ ที่ยังไม่รองรับ Dark Mode

การอัปเดทในพื้นหลัง

เรื่องการอัปเดทก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยใน Android Q จะสามารถอัปเดทตัวเองได้ในพื้นหลังทันที คล้ายๆ กับแอพพลิเคชั่นบางตัวในแอนดรอยด์ที่ก็อัปเดทได้เองเมื่อเชื่อมต่อ Wi-Fi แถมเมื่ออัปเดทแล้วยังไม่จำเป็นต้องรีสตาร์ทเครื่องใหม่ด้วย

Focus Mode และ Digital Wellbeing

ในส่วนของ Focus Mode เราจะสามารถควบคุมการแจ้งเตือนของแต่ละแอพฯ ให้ปิดหรือเปิดได้เมื่ออยู่ในโหมดนี้ ส่วน Digital Wellbeing จะกลายเป็นการแชร์ของครอบครัว ที่จะช่วยควบคุมหรือจำกัดเวลาในการเล่นของเด็กๆ ได้ด้วย

ระบบปฏิบัติการ Android Q ยังเปิดให้สมาร์ทโฟน 21 รุ่น จาก 13 แบรนด์ได้ใช้งานเวอร์ชัน Beta 3 แล้วเรียบร้อย ดังนี้

• Google Pixel ทุกรุ่น
• Asus Zenfone 5z
• Essential Phone
• Huawei Mate 20 Pro
• LG G8 ThinQ
• Nokia 8.1
• OnePlus 6T
• OPPO Reno
• Realme 3 Pro
• Sony Xperia XZ3
• Tecno Spark 3 Pro
• Vivo X27
• Vivo NEX S
• Vivo NEX A
• Xiaomi Mi 9
• Xiaomi Mi Mix 3 5G

สำหรับสมาร์ทโฟนที่อยู่ในรายชื่อนอกเหนือจาก Google Pixel สามารถอัปเดทเป็น Android Q Beta 3 ได้แล้วผ่านทางเว็บไซต์ Developer.android.com ส่วนใครที่ใช้ Google Pixel อยู่สามารถเข้าได้ที่หน้าโปรแกรม Android เบต้า ได้เลย

สุดท้ายนี้ Android Q เวอร์ชันเต็มคาดการณ์ว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ โดยสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ นอกเหนือจากด้านบนนี้ ก็ต้องมาลุ้นกันว่าใครจะดดนลอยแพและใครจะได้ไปต่อ