Hands-On : iPhone XS และ iPhone Xs Max ต้อนรับสู่โลกจอใหญ่ พร้อมความคมชัดขั้นสุดที่เคยมีมา

เปิดโลกที่กว้างใหญ่แบบไม่เคยมีมาก่อนกับ iPhone XS และ iPhone Xs Max สมาร์ทโฟนที่ขึ้นชื่อว่าแสดงผลออกมาได้สวยงามที่สุดในโลก พร้อมกับหน้าจอที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาของ Apple ใน iPhone Xs Max ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ตที่เร็วแรงที่สุด และมาในสถาปัตยกรรมขนาด 7 นาโนเมตรตัวแรกของโลกอย่าง A12 Bionic พร้อม Neural Engine เพิ่มความฉลาดของระบบขึ้นไปอีกขั้น ทั้งยังโดดเด่นด้วยกล้องหลังคู่และกล้องหน้าที่มาแบบไม่ธรรมดา

บทความที่เกี่ยวข้อง

• 
  Apple Intelligence มีอัปเดตภาษาเพิ่มเติม และแว่นตา AR เตรียมบอกลา
• 
  Apple เลิกขาย iPhone 14, iPhone 14 Plus และ iPhone SE 3 อย่างเป็นทางการ พร้อมสรุปราคา iPhone ทุกรุ่น

ติดตามข่าว สยามโฟน.คอม ที่

ดีไซน์ของ iPhone XS และ iPhone Xs Max ครั้งนี้มาแบบจัดหนักยิ่งกว่าเดิมเพราะใช้วัสดุกระจกที่แข็งแกร่งที่สุดในสมาร์ทโฟน พร้อมด้วยสีทองอร่าม มีความสวยและเงางามตามแบบฉบับ Apple แถมด้วยพร้อมขอบสแตนเลสสตีลที่แข็งแกร่งทนทานที่มีความเป็นสีทองเด่นชัดเจน โดย iPhone XS มีขนาดรอบตัวเครื่องอยู่ที่ 143.6 x 70.9 x 7.7 มม. และน้ำหนัก 177 กรัม ส่วน iPhone Xs Max มีขนาดรอบตัวเครื่องอยู่ที่ 157.5 x 77.4 x 7.7 มม. และน้ำหนัก 208 กรัม

iPhone XS และ iPhone Xs Max มาพร้อมหน้าจอรอยบาก Super Retina สองขนาด (5.8 นิ้ว และ 6.5 นิ้ว ตามลำดับ) โดย iPhone Xs Max คือจอภาพที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาบน iPhone พร้อมด้วยสีสดใสแบบ HDR

เหนือหน้าจอแสดงผลมาแบบรอยบากโดยฝังเซ็นเซอร์สแกนใบหน้าแบบ 3 มิติ (Dot Projector) และเลนส์อินฟราเรด (IR Camera) ที่เน้นไปที่การปลดล็อคด้วยใบหน้าอย่าง Face ID ถัดมาเป็นลำโพงตัวที่ 1 และขวาสุดเป็นกล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล

ด้านล่างของหน้าจอแสดงผลก็ไม่มีปุ่มโฮมอีกต่อไป โดยหน้าจอจะแนบสนิทกับขอบ ไม่มีขอบดำหลงเหลือให้เห็น ซึ่งทั้ง 2 รุ่นมีการใช้การนำทางด้วยท่าทางเคลื่อนไหวแบบต่างๆ เหมือนกับ iPhone X

ที่ด้านล่างของตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่ 1 พอร์ตชาร์จและเชื่อมต่อข้อมูลแบบ Lightning และลำโพงตัวที่ 1

ทางด้านซ้ายของตัวเครื่องมีปุ่มลำหรับใช้เปิด/ปิดเสียงเครื่อง ถัดลงมามีปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง

ทางขวามีปุ่มเปิด-ปิดหรือล็อคเครื่อง และช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM อยู่

และสุดท้ายทางด้านหลังของตัวเครื่องก็มาแบบเงางามโดยมีกล้องหลังคู่แนวตั้งความละเอียด 12+12 ล้านพิกเซล ที่แทรกกลางด้วยไฟแฟลช LED 4 ดวง และไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน

สรุปสเปก iPhone XS และ iPhone Xs Max

• ขนาดตัวเครื่อง (iPhone XS) : 143.6 x 70.9 x 7.7 มิลลิเมตร
• ขนาดตัวเครื่อง (iPhone Xs Max) : 157.5 x 77.4 x 7.7 มิลลิเมตร
• น้ำหนัก (iPhone XS) : 177 กรัม 
• น้ำหนัก  (iPhone Xs Max) : 208 กรัม 
• หน้าจอแสดงผล (iPhone XS) Super Retina HD กว้าง 5.8 นิ้ว ความละเอียด 2436 x 1125 พิกเซล (iPhone XS) อัตราส่วน 19.5:9
• หน้าจอแสดงผล (iPhone Xs Max) Super Retina HD กว้าง 6.5 นิ้ว ความละเอียด 2688 x 1242 พิกเซล  อัตราส่วน 19.5:9
• หน่วยประมวลผล : A12 Bionic Hexa-core
• RAM 4 GB
• ROM 64/256/512 GB
• ระบบปฎิบัติการ iOS 12
• กล้องถ่ายรูปหลังคู่ความละเอียด 12+12 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช LED 4 ดวง (Quad-LED) รูรับแสง f/1.8
• กล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
• รองรับการใช้งานซิมการ์ดแบบ NanoSIM + e-SIM
• รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0, พอร์ต Lightning
• แบตเตอรี่ความจุ 2,658 mAh (iPhone XS) / 3,174 mAh (iPhone Xs Max) รองรับเทคโนโลยีเพิ่มความเร็วในการชาร์จ และ Wireless Charging

สำหรับ iPhone XS และ iPhone Xs Max มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีเงิน, สีเทาสเปซเกรย์ และสีทอง โดยมีราคาในแต่ละเวอร์ชั่น ดังนี้

iPhone XS

• iPhone XS (64 GB) : 39,900 บาท
• iPhone XS (256 GB) : 45,900 บาท
• iPhone XS (512 GB) : 53,900 บาท

iPhone Xs Max

• iPhone XS Max (64 GB) : 43,900 บาท
• iPhone XS Max (256 GB) : 49,900 บาท
• iPhone XS Max (512 GB) :57,900 บาท

สำหรับผู่ที่สนใจ iPhone ทั้ง 2 รุ่น สามารถสั่งซื้อ หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.apple.com/th