กล้องถ่ายภาพ (Action Camera) | วันที่ : 11 กันยายน 2561
Canon เปิดตัวสมาชิกใหม่ของกล้องตระกูล EOS คือ EOS R กล้องมิเรอร์เลสเปลี่ยนเลนส์ได้ที่มีเซ็นเซอร์ CMOS ขนาดฟูลเฟรม 35 มม. และช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ รุ่นแรกจากแคนนอน พร้อมด้วยเลนส์ตระกูล RF ใหม่ 4 รุ่น เลนส์ซูเปอร์เทเลโฟโต้ตระกูล EF 2 รุ่น เลนส์ไพรม์ตระกูล EF-M 1 รุ่น และเมาท์อะแดปเตอร์ RF อีก 3 รุ่น เพื่อเพิ่มความหลากหลายในการใช้งานกล้อง EOS R กับเลนส์ตระกูล EF นอกจากนี้ยังเปิดตัวแฟลชภายนอก Speedlite ขนาดเล็ก เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้งานจะมีอุปกรณ์ในการสร้างสรรค์ภาพถ่ายในแบบที่จินตนาการอย่างครบถ้วน
วรินทร์ ตันติพงศ์พาณิชย์ รองประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์ บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “กล้องและอุปกรณ์ในตระกูล EOS R พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด ‘Reimagine Optical Excellence ปฏิวัติสู่อนาคต’ ด้วยความมุ่งหวังที่จะยกระดับประสิทธิภาพ ปลดล็อคขีดจำกัดที่เคยมี สู่นิยามใหม่ของการถ่ายภาพ ให้ผู้ใช้สามารถถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ออกมาเป็นภาพถ่ายได้อย่างที่ไม่เคยเป็นไปได้มาก่อน”
เปิดความเป็นไปได้ใหม่ๆ ด้วยเมาท์ RF
เมาท์ RF เส้นผ่านศูนย์กลาง 54 มม. คือสิ่งที่ทำให้กล้อง EOS R โดดเด่นด้วยระยะห่างระหว่างเมาท์กับระนาบเซ็นเซอร์ (flange focal distance) สั้นเพียง 20 มม. และขั้วสัมผัสไฟฟ้า 12 จุดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารระหว่างเลนส์กับกล้อง ทำให้สามารถพัฒนาเลนส์ให้มีขนาดกะทัดรัด ภาพมีคุณภาพสูง และมีคุณสมบัติก้าวล้ำเลนส์ทั่วไปได้ด้วย โดยข้อมูลจากเลนส์ RF จะถูกส่งไปยังตัวกล้องเพื่อให้ระบบ Digital Lens Optimizer ภายในตัวกล้องทำการแก้ไขการเลี้ยวเบนของแสง ความคลาดเคลื่อนของสี ระดับแสงขอบภาพ รวมถึงการบิดเบี้ยวของภาพ โดยไม่กระทบต่อความเร็วในการถ่ายภาพประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นในการส่งผ่านข้อมูลระหว่างกล้องกับเลนส์ยังช่วยให้ระบบป้องกันภาพสั่นไหวทำงานได้ดีขึ้นทั้งในการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโออีกด้วย
ที่สุดแห่งคุณภาพของภาพถ่าย
EOS R ใช้เซ็นเซอร์ CMOS ขนาดฟูลเฟรม 35 มม. ความละเอียด 30.3 ล้านพิกเซล ที่ผลิตและพัฒนาโดยแคนนอน ให้ภาพละเอียดคมชัด สีสันสวยสด อีกทั้งมีช่วงความไวแสง ISO 100-40,000 ช่วยในการถ่ายภาพในที่แสงน้อย ระบบปรับแสงอัตโนมัติ Auto Lighting Optimizer ที่ควบคุมโดยชิปประมวลผลภาพ DIGIC 8 ช่วยในการปรับระดับแสงให้สามารถเห็นรายละเอียดในบริเวณแสงจ้าและส่วนที่เป็นเงามืดในภาพ เพื่อให้ได้ภาพที่สวยงามแม้ถ่ายย้อนแสง
กล้องรุ่นนี้ยังมาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Dual Sensing IS ที่สามารถตรวจจับการสั่นของกล้องได้อย่างแม่นยำสูงและคงความนิ่งในการถ่ายภาพ โดยการสื่อสารข้อมูลจากเซ็นเซอร์ภาพในตัวกล้องและเซ็นเซอร์ไจโรของเลนส์ เพื่อตรวจจับการสั่นแม้ที่ความถี่ต่ำได้อย่างแม่นยำ ทั้งยังชดเชยความเร็วชัตเตอร์ได้สูงสุดถึง 5 สต็อปสำหรับการถ่ายภาพนิ่ง จึงสามารถถ่ายภาพด้วยความเร็วชัตเตอร์ต่ำแต่ได้ภาพที่คมชัด
EOS R รองรับ Dual Pixel Raw สำหรับการปรับแก้รายละเอียดของภาพถ่าย โบเก้ และลดการเกิดภาพหลอก อีกทั้งรองรับการบันทึกภาพในฟอร์แมต C-RAW เพื่อให้ไฟล์ภาพมีขนาดเล็กลงและถ่ายภาพต่อเนื่องได้มากขึ้น
โฟกัสสิ่งที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ
EOS R ช่วยให้คุณไม่พลาดช็อตสำคัญอีกต่อไป ด้วยระบบโฟกัส Dual Pixel CMOS AF เร็วที่สุดในโลก เพียง 0.05 วินาที จับภาพช่วงเวลาที่ต้องการได้ทันที เพิ่มอิสระในการจัดองค์ประกอบภาพด้วยจุดออโต้โฟกัสมากถึง 5,655 จุด ครอบคลุมพื้นที่ภาพ 100% ในแนวตั้ง และ 88% ในแนวนอนเมื่อใช้กับเลนส์ที่รองรับ การถ่ายภาพบุคคลโดยใช้รูรับแสงกว้างก็ทำได้ง่ายขึ้นด้วย Eye Detection AF ที่สามารถตรวจจับรูม่านตาของตัวแบบและทำให้ดวงตาอยู่ในโฟกัสเสมอเพื่อให้ได้ภาพที่คมชัด อีกทั้งสามารถโฟกัสได้อย่างแม่นยำในสภาพแสงน้อยถึง EV -6 ซึ่งเป็นสภาพที่มืดมากจนตาคนแทบมองอะไรไม่เห็น
ใช้งานสะดวกไม่มีสะดุด
ช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ OLED ความละเอียด 3.69 ล้านจุดของกล้อง EOS R ครอบคลุมพื้นที่ภาพ 100% ช่วยให้ผู้ใช้เห็นผลลัพธ์ของการตั้งค่าและจัดองค์ประกอบภาพได้ชัดเจน ด้านหลังตัวกล้องยังมีบาร์มัลติฟังก์ชันสำหรับการปรับตั้งค่าต่างๆ ด้วยการแตะและสไลด์อย่างเงียบเชียบ เหมาะสำหรับการถ่ายวิดีโอ เมื่อใช้ร่วมกับวงแหวนควบคุมของเลนส์ RF และแป้นปุ่มควบคุมกึ่งอิเล็กทรอนิกส์รูปสี่เหลี่ยมคางหมู่ด้านบนตัวกล้อง ผู้ใช้ก็ไม่จำเป็นต้องละสายตาจากช่องมองภาพเพื่อปรับตั้งค่าต่างๆ
นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน Touch & Drag AF สำหรับการเลื่อนจุดโฟกัสไปมาผ่านทางหน้าจอทัชสกรีนแม้ในขณะมองผ่านช่องมองภาพ โดยจอแอลซีดีทัชสกรีนปรับหมุนได้ของกล้องยังช่วยในการถ่ายภาพจากมุมที่ถ่ายยาก รวมถึงการถ่ายเซลฟี่
EOS R เป็นกล้องแคนนอนรุ่นแรกที่มีโหมด FV Exposure ที่ใช้ในการควบคุมความเร็วชัตเตอร์ ขนาดรูรับแสง และค่า ISO ได้อย่างอัตโนมัติโดยผู้ใช้ไม่ต้องละสายตาจากช่องมองภาพ รวมถึงมีโหมดปิดเสียงชัตเตอร์สำหรับการถ่ายภาพนิ่งเพื่อความสะดวกในการถ่ายภาพการแสดงหรือการประชุมต่างๆ พร้อมจอแอลซีดีแบบดอตแมทริกซ์ด้านบนตัวกล้องซึ่งจะแสดงข้อมูลการตั้งค่าที่สำคัญให้เห็นได้สะดวกโดยไม่ต้องดูจากช่องมองภาพหรือจอทัชสกรีน
ตัวกล้องแข็งแรงทนทานทำจากแมกนีเซียมอัลลอยพร้อมซีลกันละอองฝุ่นและละอองน้ำ พร้อมทำงานในสภาพอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย รวมถึงมีม่านปิดเซนเซอร์ป้องกันละอองฝุ่นขณะปิดกล้องเพื่อถอดเปลี่ยนเลนส์ และยังได้รับการออกแบบตามหลักการยศาสตร์ให้มีความสมดุล กริปมีความลึกจับถนัดกระชับมือ
สุดยอดประสิทธิภาพการถ่ายวิดีโอ
EOS R สามารถถ่ายวิดีโอคุณภาพระดับ 4K ที่ความเร็ว 30p/25p (3,840 x 2,160 พิกเซล) รองรับ Canon Log เช่นเดียวกับกล้องในตระกูล Cinema EOS เก็บรายละเอียดได้ดีทั้งในสภาพแสงจ้าและที่มืด สะดวกในการปรับแต่งในขั้นตอน post-production พร้อมช่องต่อ HDMI Out สัญญาณภาพออกแบบ Clean HDMI อีกทั้งแสดงภาพวิดีโอ 4K ที่ความละเอียด 10-bit ให้สีสันละเอียดสวยงามบนจอแสดงผลความละเอียดสูงได้อีกด้วย
เมื่อใช้ร่วมกับเลนส์ RF กล้อง EOS R สามารถปรับค่ารูรับแสงได้ถึง 1/8 สต็อปในการถ่ายวิดีโอ จึงควบคุมการรับแสงได้อย่างแม่นยำเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแสง ส่วนฟังก์ชัน MF Peaking จะแสดงพื้นที่ที่อยู่ในโฟกัสให้เห็นเด่นชัดเพื่อช่วยในการปรับโฟกัสแบบแมนนวล อีกทั้งยังมีฟังก์ชัน Focus Guide ที่ช่วยให้สามารถโฟกัสได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น โดยแสดงให้เห็นว่าตัวแบบอยู่ในโฟกัสแล้วหรือยัง ไม่ว่าตัวแบบจะอยู่ด้านหน้าหรือในฉากหลังของภาพก็ตาม
มาพร้อมเลนส์แห่งอนาคต 7 รุ่น
เลนส์ตระกูล RF คือก้าวใหม่สู่อนาคตของการถ่ายภาพ โดยให้ภาพถ่ายคุณภาพเยี่ยมอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทั้งนี้นอกจากจะมีวงแหวนโฟกัสและวงแหวนซูมเช่นเดียวกับเลนส์ตระกูล EF แล้ว เลนส์ตระกูล RF ยังมีจุดเด่นคือเพิ่มวงแหวนควบคุมการรับแสงมาให้อีกด้วย
RF24-105mm f/4L IS USM
เลนส์คิทของกล้อง EOS R ให้ภาพถ่ายและวิดีโอคุณภาพสูงด้วยไดรฟ์ Nano USM ที่ช่วยในการโฟกัสอัตโนมัติความเร็วสูงได้อย่างราบรื่น ตัวเลนส์มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา มีช่วงทางยาวโฟกัสที่เหมาะสม และค่ารูรับแสงคงที่ที่ f/4 จึงเป็นเลนส์คู่หูของกล้อง EOS R ที่พกพาไปใช้ด้วยกันได้สะดวก
RF24-105mm f/4L IS USM ใช้ไมโครโปรเซสเซอร์รุ่นล่าสุดของแคนนอน ชดเชยการสั่นไหวของภาพได้ถึง 5 สต็อป ซึ่งสูงกว่าเลนส์รุ่นอื่นๆ ของแคนนอน อีกทั้งรองรับระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Dual Sensing IS สำหรับการถ่ายภาพนิ่ง และ Combination IS สำหรับการถ่ายวิดีโอ ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันของระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัลของเลนส์ กับระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบอิเล็กทรอนิกส์ภายในตัวกล้องเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
RF50mm f/1.2L USM
เลนส์รุ่นนี้ได้รับการพัฒนาให้เหมาะสมกับเมาท์ RF ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวและมีช่วง back focus สั้น เพื่อให้สามารถใช้ค่ารูรับแสงได้ถึง f/1.2 อีกทั้งสามารถสร้างโบเก้แบบกลมได้สวยงามมากด้วยม่านรูรับแสง 10 กลีบ ให้ภาพถ่ายคมชัดสูงแม้ที่ค่ารูรับแสง f/1.2 จึงเหมาะมากสำหรับการถ่ายภาพบุคคล รูรับแสงที่กว้างทำให้เลนส์รุ่นนี้สามารถสร้างภาพเบลอรวมถึงแยกฉากหลังออกจากด้านหน้าได้อย่างกลมกลืนน่าทึ่ง ทั้งยังง่ายต่อการถ่ายภาพในที่แสงน้อย ระยะโฟกัสที่สั้นลงเหลือ 0.4 เมตร และกำลังขยาย 0.19 เท่า ช่วยในการจัดองค์ประกอบภาพในพื้นที่ที่แคบลงได้อีกด้วย
RF28-70mm f/2L USM
เลนส์ RF28-70mm F2 L USM มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาว สามารถคงค่ารูรับแสงที่ f/2 ได้ตลอดช่วงซูม ซึ่งทำได้ยากในเลนส์ที่ใช้กับเมาท์ EF อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพสูงเหมาะกับการถ่ายภาพงานแต่งงานและดวงดาวบนท้องฟ้า ด้วยประสิทธิภาพทัดเทียมกับเลนส์ไพรม์ RF28-70mm F2 L USM ช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพครอบคลุมทางยาวโฟกัส 28-70 มม. ได้ด้วยเลนส์ตัวเดียว ไม่ต้องพกเลนส์หลายตัวอีกต่อไป
RF35mm f/1.8 MACRO IS STM
เลนส์มาโครรุ่นนี้มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา ด้วยความยาว 62.8 มม. และน้ำหนัก 3.5 กรัม แต่ทางยาวโฟกัสกว้างถึง 35 มม. จึงเหมาะสำหรับการถ่ายภาพทั่วไปในชีวิตประจำวันและการถ่ายภาพ still-life
RF35mm f/1.8 MACRO IS STM ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเก็บรายละเอียดต่างๆ ของสิ่งที่ต้องการถ่ายภาพในระยะใกล้ ด้วยกำลังขยายสูงสุด 0.5 เท่า และเมื่อใช้ค่ารูรับแสง f/1.8 ยังสามารถสร้างเอฟเฟกต์โบเก้ได้อย่างสวยงาม เลนส์รุ่นนี้นอกจากจะมีระบบ Dual Sensing IS และ Combination IS ที่สามารถชดเชยการสั่นไหวของภาพได้สูงสุดถึง 5 สต็อปแล้ว ยังมีระบบ Hybrid IS ที่ช่วยแก้ไขความสั่นจากมือได้อย่างแม่นยำในขณะถ่ายภาพมาโคร
EF-M32mm f/1.4 STM
เลนส์รุ่นนี้มีน้ำหนักเพียง 235 กรัม ทางยาวโฟกัส 51 มม. (เทียบเท่าเซ็นเซอร์ขนาด 35 มม.) ซึ่งเป็นทางยาวโฟกัสที่ใช้กันมากในหมู่นักถ่ายภาพ ผู้ใช้ยังสามารถจัดองค์ประกอบภาพในพื้นที่ที่แคบลงได้โดยใช้กำลังขยาย 0.25 เท่า รูรับแสงที่กว้างถึง f/1.4 ช่วยในการถ่ายภาพละลายฉากหลัง รวมถึงการถ่ายภาพในที่แสงน้อย เลนส์รุ่นนี้ยังสามารถใช้การปรับโฟกัสแบบแมนนวลและมีเมาท์เป็นโลหะ
EF400mm f/2.8L IS III USM และ EF600mm f/4L IS III USM
เลนส์ทั้งสองรุ่นได้รับการพัฒนาจากเลนส์ซูเปอร์เทเลโฟโต้ที่ให้ภาพถ่ายคุณภาพสูงและเป็นที่นิยมอย่างมาก โดยมาพร้อมน้ำหนักที่เบาลงและระบบป้องกันภาพสั่นไหวที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นจาก 3.5 สต็อป เป็น 5 สต็อป ทั้งนี้ EF400mm f/2.8L IS III USM มีน้ำหนักเบาลงถึง 1,010 กรัม จึงเป็นเลนส์ทางยาวโฟกัส 400 มม. ที่เบาที่สุดในโลก ส่วน EF600mm f/4L IS III USM มีน้ำหนักน้อยลง 870 กรัม และเป็นเลนส์ 600 มม. ที่เบาที่สุดในโลกเช่นกัน
เลนส์ 2 รุ่นนี้ได้รับการออกแบบให้มีรูปทรงสวยงาม และจัดการความร้อนได้ดีขึ้นด้วยการเคลือบป้องกันความร้อนและการออกแบบให้ถ่ายเทความร้อนได้ดี ผู้ใช้สามารถปรับความเร็วในการโฟกัสให้เหมาะกับการถ่ายภาพ โดยปรับที่วงแหวนโฟกัสอิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่ อีกทั้งสามารถตั้งค่าโฟกัสล่วงหน้าได้ 2 แบบ และเปิดใช้งานสลับกันได้โดยใช้วงแหวน playback เพิ่มความสะดวกในการถ่ายภาพการแข่งขันกีฬา
ใช้งานกับเลนส์ได้หลากชนิด
เมาท์อะแดปเตอร์รุ่นใหม่พัฒนาขึ้นโดยคำนึงถึงคุณสมบัติการป้องกันฝุ่นและน้ำ มาพร้อมดีไซน์เรียบง่าย ช่วยให้กล้อง EOS R รองรับการใช้งานร่วมกับเลนส์ EF1 ได้เกือบทุกฟังก์ชั่น2 ตั้งแต่เลนส์มุมกว้าง เลนส์เทเลโฟโต้ เลนส์ฟิชอาย ไปจนถึงเลนส์มาโคร ให้ภาพสวยเป็นไปได้ทุกอารมณ์อย่างง่ายดาย
Mount Adapter EF-EOS R
เมาท์อะแดปเตอร์รุ่นมาตรฐานดีไซน์เรียบง่าย ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา
Control Ring Mount Adapter EF-EOS R
เมาท์อะแดปเตอร์ที่มาพร้อมวงแหวนควบคุมการทำงานของกล้องเมื่อใช้งานกับเลนส์ EF1 ที่มีขนาดใกล้เคียงกับเลนส์ RF ช่วยให้ถ่ายภาพได้ง่ายและสะดวก
Drop-in Filter Mount Adapter EF-EOS R
เมาท์อะแดปเตอร์ที่มาพร้อมช่องใส่ฟิลเตอร์ขนาดเล็ก รองรับได้ทั้งฟิลเตอร์ CP-L3 และฟิลเตอร์ Variable ND3 โดยผู้ใช้สามารถปรับมุมโพลาไรซ์หรือค่าความเข้มของฟิลเตอร์ ND ได้โดยตรงจากตัวอะแดปเตอร์ ถือเป็นจุดเด่นที่มีประโยชน์มากเมื่อใช้งานร่วมกับเลนส์ที่ไม่สามารถใส่ฟิลเตอร์ได้ เช่น เลนส์ฟิชอาย ช่วยให้ไม่ต้องพกฟิลเตอร์หลายๆ ชิ้นเพื่อใช้กับเลนส์ต่างชนิด
ไม่พลาดทุกช่วงเวลาสำคัญ
แบตเตอรี่กริป BG-E22 ช่วยให้กล้อง EOS R ถ่ายภาพได้ยาวนานขึ้นถึง 2 เท่า ไม่พลาดโอกาสในการถ่ายภาพช่วงเวลาสำคัญ เพราะแบตเตอรี่กริปรุ่นนี้สามารถใส่ถ่านได้มากถึง 2 ก้อน และยังเป็นแบตเตอรี่กริปรุ่นแรกที่สามารถชาร์ตไฟถ่านทั้งสองก้อนได้โดยตรง โดยใช้สาย USB รุ่น PD-E1
นอกจากนี้ยังออกแบบเป็นพิเศษให้เข้ากับการใช้งานกล้อง EOS R ช่วยให้ถ่ายภาพแนวตั้งได้ถนัดกระชับมือยิ่งขึ้น
แสงสวยทุกสถานการณ์
แฟลชแคนนอน Speedlite EL-100 รุ่นใหม่พัฒนาด้วยความใส่ใจเรื่องประสิทธิภาพและความสะดวกในการใช้งานเป็นหลัก หัวแฟลชสามารถปรับมุมได้มากถึง 180 องศา ช่วยให้การยิงแฟลชขึ้นไปสะท้อนบนเพดานหรือกำแพงทำได้ง่าย สะดวกทั้งการถ่ายภาพแนวตั้งและแนวนอนและยังเป็นครั้งแรกที่แฟลช Speedlite จากแคนนอน มาพร้อมฟังก์ชั่นใช้งานโหมด Continuous Shooting Priority (CSP) และโหมดออโต้ ซึ่งจะช่วยลดกำลังไฟ และปรับเพิ่มความไวแสงเพื่อประหยัดแบตเตอรี่ ทำให้สามารถถ่ายภาพได้ยาวนานขึ้นแม้จะเปิดใช้งานโหมด CSP อยู่ก็ตาม สำหรับผู้ใช้มือใหม่ที่ไม่คุ้นเคยกับแฟลช Speedlite ก็มีโหมดออโต้มาให้ ซึ่งมีลักษณะการใช้งานใกล้เคียงกับโหมดออโต้ของกล้องที่มีแฟลชแบบ built-in คือจะทำการคำนวณปริมาณแสงแฟลชที่ต้องใช้ให้ทันทีแบบอัตโนมัติ
สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ EOS R SYSTEM ได้ที่ www.canon-asia.com/EOSR
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
ที่มา : www.canon-asia.com วันที่ : 11 กันยายน 2561
ทำความรู้จัก HONOR 200 Smart 5G หน้าจอ 120Hz ทนน้ำทนฝุ่น IP64 กล้องหลัง 50MP AI Motion Sensing
OPPO Find X8 Series สมาร์ทโฟนแฟลกชิปพลัง AI ซูมไกล 120 เท่า ด้วย AI Telescope Zoom
Motorola ก้าวสู่ยุคใหม่แห่ง AI ด้วย Moto AI และ Smart Connect
Redmi Watch 5 สมาร์ทวอทช์รุ่นแรกรันบน HyperOS 2 หน้าจอสี่เหลี่ยม AMOLED กว้าง 2.07 นิ้ว
iQOO 13 5G ขุมพลัง Snapdragon 8 Elite แบต 6150mAh รองรับ 120W FlashCharge พร้อม Bypass Charging
HMD Fusion สมาร์ทโฟนที่สามารถปรับแต่งและซ่อมเองได้ด้วยมือคุณ!
รีวิว HONOR 200 Smart 5G คุ้มค่าเกินราคา สุดยอดสมาร์ทโฟนสำหรับคนชอบลุย14 ชั่วโมงที่แล้ว