iPad Pro 10.5 Wi-Fi + Cellular เป็นแท็บเล็ตเหนือระดับจากทาง Apple ที่พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์เปรียบเสมือนใช้งานบน PC แต่ดีกว่าตรงใช้งานง่ายและพกพาได้สะดวก เนื่องจากมีการรองรับการเชื่อมอุปกรณ์เสริมครบทุกด้านไม่ว่าจะ Smart Keyboard และ Apple Pencil ทั้งนี้ยังมีหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 10.5 นิ้ว ความละเอียด 1668 x 2224 พิกเซล ความถี่ 120Hz ที่สามารถทำงานเข้ากับหน่วยประมวลผล A10X Fusion ได้อย่างไหลลื่นในเรื่องการแสดงผล และยังมาพร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 11 นำพาผู้ใช้งานไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ อีกด้วย ด้านกล้องหลังมีความละเอียดสูงถึง 12 ล้านพิกเซล สามารถอัดวิดีโอแบบ 4K 30fps โดยตัวที่นำมารีวิวจะเป็นรุ่น iPad Pro 10.5 Wi-Fi + Cellular
สำหรับตัวเครื่อง iPad Pro 10.5 Wi-Fi + Cellular มีการออกแบบเป็นสไตล์ Unibody รูปทรงสี่เหลี่ยมพื้นผ้าลดขนาดขอบลงจากรุ่นก่อนๆ เกือบ 40% ขอบโค้งทั้ง 4 ด้าน โดยมีขนาด 250.6 x 174.1 x 6.1 มิลลิเมตร น้ำหนัก 477 กรัม
ทางด้านหน้าจะมีหน้าจอแบบ Retina ขนาด 10.5 นิ้ว ความละเอียด 1668 x 2224 พิกเซล มาพร้อมเทคโนโลยี ProMotion ที่รองรับอัตราการดึงข้อมูลใหม่ที่ 120Hz ทำให้การแสดงผลมีความไหลลื่นมากขึ้น และสามารถแสดงผลแบบ TrueTone ได้ด้วย
ขยับมาด้านบนหน้าจอจะมีกล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซลอยู่ตรงกลาง ไว้สำหรับการถ่ายรูป Selfie และใช้คุยสนทนาแบบ FaceTime
ด้านล่างมีปุ่ม Home เป็นทรงกลมและรอบๆ ปุ่มมีสีเงินเงา โดยในปุ่มมีระบบเซ็นเซอร์ Touch ID ไว้สำหรับสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อกเครื่อง
ต่อมาเป็นด้านซ้ายของตัวเครื่อง ซึ่งมีเพียงพอร์ต Smart Connector ไว้สำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริม เช่น เคสคีย์บอร์ด เป็นต้น
ฝั่งขวามีปุ่มเพิ่มหรือลดระดับของเสียง ส่วนด้านล่างเป็นช่องไว้สำหรับใส่ถาดใส่ซิม รองรับซิมแบบ Nano-SIM
** กรุณาตรวจสอบรุ่นมือถือที่รองรับเครือข่าย 3G, 4G อีกครั้ง **
ข้างล่างตัวเครื่องมีพอร์ต USB แบบ Lightning ไว้สำหรับชาร์ตแบตเตอรี่และถ่ายโอนข้อมูล ส่วนด้านซ้ายและด้านขวาเป็นลำโพง
ด้านบนตัวเครื่องมีปุ่มเพาเวอร์อยู่ทางขวาสุด และตรงซ้ายสุดเป็นรูเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ถัดมาทั้ง 2 ฝั่งเป็นลำโพงคู่ ส่วนรูเล็กๆ ตรงกลางเป็นรูไมโครโฟน
มาตรงส่วนด้านหลังจะมีกล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ขยับลงข้างล่างกล้องจะมีไฟแฟลช True Tone แบบ LED 4 ดวง ส่วนตรงกลางด้านบนเป็นรูไมโครโฟน และสุดท้ายมีโลโก้ Apple สีเงินเงาอยู่ตรงกลางตัวเครื่อง
อุปกรณ์ที่มาพร้อมกับกล่อง
การเปรียบเทียบขนาดตัวเครื่อง iPad Pro 10.5 Wi-Fi + Cellular เมื่ออยู่ในมือผู้ชาย (ซ้าย) และมือผู้หญิง (ขวา)
การเปรียบเทียบขนาดตัวเครื่อง iPad Pro 10.5 Wi-Fi + Cellular กับไม้บรรทัด
หลังจาก iPad Pro 10.5 Wi-Fi + Cellular ได้รับการอัพเดทระบบปฏิบัติการเป็น iOS 11 ก็มีการตกแต่งหน้าตาอินเตอร์เฟสต่างๆ ให้น่าใช้งานมากยิ่งขึ้น รวมถึงตรงส่วน Dock ที่มีการปรับเปลี่ยนให้มีความรู้สึกเหมือนใช้งานบนเครื่อง Mac และ Control Center ที่เปลี่ยนโฉมหน้าจากเดิมไปทั้งหมด
หน้าจอโฮมสกรีน
ตรงส่วนโฮมสกรีนยังคงมีหน้าตาอินเตอร์เฟสเหมือนในเวอร์ชั่นก่อนๆ แต่มีการเปลี่ยนหน้าตาของโลโก้ในบางแอพพลิเคชั่น เช่น AppStore, iTunes Store และ Maps มาตรงส่วนของ Dock มีการออกแบบใหม่ให้ความรู้สึกเหมือนเครื่อง Mac ซึ่งสามารถนำแอพพลิเคชั่นไปใส่ได้สูงถึง 13 แอพพลิเคชั่น และตรงขวาสุดเป็นช่องบอกแอพลิเคชั่นที่ใช้งานก่อนหน้าหรือ Recent App นั้นเอง
Control Center
รูปแบบของ Control Center มีการปรับโฉมแบบใหม่ทั้งหมด และสามารถเพิ่มแอพพลิเคชั่นอื่นๆ มายังหน้า Control Center ได้แค่เข้าไปที่ การตั้งค่า > ศูนย์ควบคุม
ส่วนในหน้า Recent App ยังได้ย้ายมารวมกับหน้า Control Center
คีย์บอร์ด
แอพพลิเคชั่นพื้นฐาน นาฬิกา / ปฏิทิน / วิดเจ็ต และ ภาพพื้นหลัง
ข้อมูลสเปค iPad Pro 10.5 Wi-Fi + Cellular
การทดสอบความเร็ว และการประมวลผลด้านกราฟฟิก
การใช้งาน Slide Over และ Split View
สำหรับทั้ง 2 ฟีเจอร์มีมาตั้งแต่ iOS 9 แต่เมื่อนำมาใช้งานกับ iPad Pro 10.5 Wi-Fi + Cellular ที่มีการอัพเกรดสเปคภายในเครื่องขึ้นมาทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานมีมากขึ้น โดยฟีเจอร์ Slide Over สามารถใช้งาน 2 แอพพลิเคชั่นในเวลาเดียวกันด้วยการแบ่งหน้าจอเป็น 2 ส่วน หรืออีกแอพพลิเคชั่นจะมาในรูปแบบหน้าต่างเลื่อนไปยังจุดต่างๆ ซึ่งใน iOS 11 มีการปรับเปลี่ยนการใช้งานด้วยการดึงแอพพลิเคชั่นจาก Dock แบบใหม่มาทำงาน Slide Over จากเดิมที่เลื่อนหน้าจอจากทางขวาในการเปิดการใช้งาน
นอกจากนี้ในเว็บเบราว์เซอร์ Safari ก็สามารถใช้งาน Split View ได้ด้วยเช่นกัน วิธีการก็เพียงกดค้างไปยังลิ้งค์ที่ต้องการเปิดเป็นแถบใหม่ จากนั้นจะมีตัวเลือกขึ้นมาให้เลือกไปที่ เปิดใน Split View
โหมด Picture in Picture
โดยโหมด Picture in Picture จะมีรูปแบบการใช้งานเหมือนกับเวลาดูวิดีโอใน Youtube ซึ่งสามารถลดขนาดหน้าจอลงมายังล่างขวาเพื่อใช้งานในหน้าจอหลักภายในแอพฯต่อไป แต่ใน iPad Pro 10.5 Wi-Fi + Cellular เวลาเล่นวิดีโอผ่านแอพพลิเคชั่น วิดีโอ จะสามารถกดปุ่มตรงล่างขวาเพื่อลดหน้าจอลงมายังล่างขวา ทำให้สามารถเปิดใช้งานแอพพลิเคชั่นอื่นได้พร้อมๆ กัน
ฟีเจอร์ลากและปล่อย หรือ Drag และ Drop
สำหรับฟีเจอร์ลากและปล่อย หรือ Drag และ Drop เป็นฟีเจอร์ที่เพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้งานเวลาต้องการส่ง หรือย้าย รูปภาพ, ไฟล์ และ ข้อความ ไปอีกแอพพลิเคชั่นหนึ่่ง และทำได้ในจำนวนเยอะๆ หรือจะแทรกรูปภาพระหว่างข้อความก็ทำได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทั้งหมดสามารถทำได้จากการเปิดโหมด Slide Over
สแกนเอกสาร
ฟีเจอร์สแกนเอกสารเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่มีมาพร้อมกับ iOS 11 ซึ่งสามารถทำการสแกนเอกสารผ่านแอพพลิเคชั่นโน้ตได้ แถมยังอนุญาติให้ทำการเซฟเป็นไฟล์ PDF เพื่อสะดวกต่อการใช้งานอีกด้วย นอกจากนี้หากมีอุปกรณ์เสริมอย่าง Apple Pencil ก็สามารถลงมือเซ็นต์เอกสาร หรือเขียนมาร์คลงไปได้ทันที
แป้นพิมพ์ QuickType
ในระบบปฏิบัติการ iOS 11 มีการเพิ่มความสามารถของแป้นพิมพ์ด้วย QuickType ซึ่งเป็นการใช้งานแป้นพิมพ์ในหน้าเดียวโดยไม่ต้องกดสลับแป้นพิมพ์ในการใส่ ตัวอักษร ตัวเลข หรือ สัญลักษณ์ ซึ่งใช้งานด้วยการรูดนิ้วลงในบนปุ่ม
การบันทึกหน้าจอ
นี่ก็เป็นอีกลูกเล่นบน iOS 11 ซึ่งจะสามารถบันทึกหน้าจอของตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งแอพพลิเคชั่นเสริม เพียงเข้าไปตั้งค่าที่ การตั้งค่า > ศูนย์ควบคุม > กำหนดแถบควบคุมเอง > เลือก การอัดหน้าจอ ที่นี้ก็สามารถเริ่มการบันทึกหน้าจอจาก Control Center ได้ทันที ส่วนการใช้งานได้รวดเร็ว จากตัวอย่างที่กำลังบันทึกขณะเล่นเกมไปด้วยก็ไม่แสดงอาการกระตุกแต่อย่างใด
สามารถพิมพ์ข้อความคุยกับ Siri
จากที่ผ่านมาเวลาต้องการจะพูดคุยกับ Siri ต้องพูดคุยผ่านระบบเสียงเท่านั้น แต่หลังจากมีการอัพเดท iOS 11 ก็สามารถให้ผู้ใช้งานคุยกับ Siri ด้วยการพิมพ์ข้อความได้แล้ว
ด้านฟีเจอร์เก่าๆ ก็ยังมีการนำมาใช้อย่างครบครัน
ในส่วนโหมดและการใช้งานในฟีเจอร์เก่าๆ ทั้ง การแสดงผลแบบ True Tone, Touch ID และ คุณภาพเสียงจากลำโพงทั้ง 4 ตัว ก็ยังมีการนำมาใช้ใน iPad Pro 10.5 Wi-Fi + Cellular ทั้งหมด
ทดสอบการเล่นเกม
ด้านการเล่นเกมก็ถือว่าเล่นได้อย่างสบายๆ ไม่ว่าจะจะเป็นเกมกราฟฟิกหนักแค่ไหนก็ยังสามารถเล่นได้อย่างไหลลื่น และการดาวน์โหลดข้อมูลต่างๆ ภายในเกมก็สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว
อุปกรณ์เสริม
Apple Pencil
สำหรับ Apple Pencil เป็นอุปกรณ์เสริมที่สามารถทำให้ผู้ใช้งานได้รับความรู้สึกเหมือนในปากกาหรือดินสออยู่จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความแม่นยำ, การตอบสนอง และความสมจริง ซึ่งทำให้การใช้งานในด้านต่างๆ ทั้งการวาดรูป, จดข้อความ, เซ็นลายเซ็น และเขียนข้อความตอบโต้ ก็ทำออกมาได้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุดแม้แต่นิดเดียว
อุปกรณ์ที่มีมาให้ในกล่อง
Smart Keyboard
ด้าน Smart Keyboard เป็นคีย์บอร์ดแบบมาตรฐานเต็มขนาด (รองรับภาษาไทย) เพื่อความสะดวกในการใส่ข้อมูล ด้านการเชื่อมต่อก็มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยไม่ต้องเชื่อมต่อกับปลั๊กหรือสวิตช์ใดๆ เพียงแค่เชื่อมต่อกับพอร์ต Smart Connector ก็เริ่มการใช้งานได้ทันที นอกจากนี้ยังเป็นได้มากกว่า Smart Keyboard เพราะตัวเคสยังสามารถรองรับการกระแทกได้อย่างดีและทำความสะอาดได้ง่าย เนื่องจากไม่มีช่องว่างให้ของเหลวไหลผ่านเข้าไปข้างใน
กล้องหลัง และกล้อง FaceTime
บน iPad Pro 10.5 Wi-Fi + Cellular จะมาพร้อมกล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซูมแบบดิจิตอลได้ 5 เท่า พร้อมโหมดมืออาชีพในด้านต่างๆ รวมถึงไปแฟลช True Tone แบบ LED 4 ดวง สามารถบันทึกวิดีโอได้แบบ 4K ที่ 30fps, HD 1080p ที่ 30fps และ HD 720p ที่ 30fps ด้านกล้องหน้าหรือกล้อง FaceTime มีความละเอียด 7 ล้านพิกเซล ใช้แฟลช Retina และสามารถบันทึกวิดีโอได้ระดับ HD 1080p นอกจากนี้กล้องทั้ง 2 ด้านจะมีลูกเล่นใหม่เพิ่มทั้งการปรับแต่ง Live Photos และฟิลเตอร์ที่มีให้เลือกมากขึ้น
คุณสมบัติการถ่ายภาพนิ่ง
คุณสมบัติการถ่ายภาพวีดีโอ
ข้อมูลผู้ใช้ร่วมแสดงความเห็นกับ : iPad Pro 10.5 Wi-Fi + Cellular
https://community.siamphone.com/viewtopic.php?t=454883
แคตตาล็อกตัวเครื่อง : http://www.siamphone.com/spec/apple/ipad_pro_10.5_wi-fi_+_cellular.htm
จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท