[บทวิเคราะห์] ทำไม Sony ทิ้งเอกลักษณ์ Omnibalance Design เพื่อเดินตามเทรนด์สมัยนิยม

ขึ้นปี 2017 วงการสมาร์ทโฟนก็ยังคงเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ เดี๋ยวเทรนด์นี้มาเดี๋ยวเทรนด์นั้นล้าสมัย แน่นอนว่าทุกอย่างมีการผันแปลตามกาลเวลา หากย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้วโลกของสมาร์ทโฟนก็เน้นด้านกล้องดิจิตอลแบบ Dual Camera รวมถึงเรื่องราวของ RAM ที่มีสเปกสูงขึ้นถึง 6GB & 8GB ตามลำดับ ทว่าในปีปัจจุบันกลายเป็นปัจจัยพื้นฐานที่มีความจำเป็นอย่างมากในโลกของคอนเทนต์วิดีโอกำลังได้เติบโตถึงขีดสุด ดังนั้นถ้าเราจะเพลิดเพลินกับภาพอย่างเต็มอรรถรสจึงควรมีหน้าจอแสดงผลที่เหมาะสม คืออัตราส่วน 18:9 นั่นเอง (ไขข้อสงสัย! หน้าจอสมาร์ทโฟนอัตราส่วน 18:9 และความละเอียด HD+, FHD+, WQHD+ คืออะไร มีประโยชน์หรือไม่)

บทความที่เกี่ยวข้อง

• 
  POCO M7 Pro 5G ชิปเซ็ต Dimensity 7025 Ultra กล้อง Sony LYT-600 ชัด 50MP
• 
  HMD Arc สมาร์ทโฟนรุ่นเล็ก ระบบปฏิบัติการ Android 14 Go แบตเตอรี่ 5,000mAh

ติดตามข่าว สยามโฟน.คอม ที่

ทั้งนี้เมื่อมองดูเหล่าแบรนด์ชั้นนำในวงการสมาร์ทโฟนยังคงเหลืออีกหนึ่งแบรนด์ที่ยังเอกลักษณ์ไว้ไม่เปลี่ยนแปลงคือ Sony โดยในงาน IFA 2017 เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาได้เผยโฉมสองพี่น้อง XZ1 และ XZ1 Compact แน่นอนว่ายังคงสร้างความเซอร์ไพร์สไม่หยุดด้วยประเด็นของระบบปฏิบัติการที่แม้แต่แบรนด์อื่นยังไม่ได้ใช้งานกับขนมหวานแสนอร่อยของใครหลายคนนั่นคือ Oreo อย่างไรก็ดีในด้านดีหลายข้อ แฟนๆ บางคนยังผิดหวังดีไซน์เดิมที่เป็นเหมือนแท่งหรือเรียกว่า "Omnibalance" ทว่าในอนาคตเราจะเห็นอนาคตของสมาร์ทโฟนโซนี่เปลี่ยนไป

เมื่อไม่นานมานี้ผู้บริหาร Sony ประเทศอินเดียออกมาคอนเฟิร์มว่าเราจะเปลี่ยนแปลงดีไซน์และใบ้ว่าเตรียมพบได้ในรุ่นต่อไป ดังนั้นช่วงเวลาที่เร็วสุดคืองาน Mobile World Congress 2018 อย่างไรก็ดีเราลองมาวิเคราะห์กันว่าทำไมโซนี่ถึงเลือกละทิ้งดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เพื่อเดินตามโลกสมัยนิยม

เหตุผลแรกความบันเทิง : อย่างที่เหล่าสาวกทราบกันโซนี่มีฟีเจอร์ที่เหมาะสมกับความบันเทิงทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นระบบเสียง เทคโนโลยีหน้าจอ ระบบเชื่อมต่อที่ครบครัน รวมถึงมีกล้องดิจิตอลที่ตอบโจทย์ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ ดังนั้นหน้าจอแสดงผลเป็นหนึ่งปัจจัยเกี่ยวข้อง เพื่อให้ทุกฟีเจอร์สมบูรณ์แบบและไม่มีขอบจอมาบดบังทั้งยังทำให้หน้าจอมีขนาดใหญ่ขึ้นโดยที่ไม่ต้องเพิ่มขนาดตัวเครื่อง

เหตุผลที่สองคอนเทนต์ HDR : เหมือนกับข้อที่หนึ่งโลกของคอนเทนต์ในอนาคตได้เปลี่ยนแปลงไปเช่นกันและดูเหมือนจะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงต้องมีลักษณะหน้าจอเหมาะสมเพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์ที่แปรผัน 

เหตุผลข้อที่สามสมาร์ทโฟนไม่ใช่แค่เครื่องมือสื่อสาร : คงปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกของสมาร์ทโฟนในเวลานี้ได้ก้าวผ่านคำว่าเครื่องมือสื่อสารไปแล้ว แต่ยังมีเรื่องของแฟชั่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยซึ่งจะเห็นได้จากแบรนด์ต่างๆ เริ่มร่วมมือกับแบรนด์แฟชั่นชื่อดัง เพื่อสร้างเอกลักษณ์ของสินค้าตนเองว่าสามารถใช้งานร่วมกับเครื่องแต่งตัวได้ 

เหตุผลข้อที่สี่อยากได้การยอมรับจากกลุ่มลูกค้าใหม่ : แน่นอนโซนี่มีเพรียบพร้อมทุกอย่างแล้ว ทั้งประสิทธิภาพและเอกลักษณ์ของตนเอง ทว่าดีไซน์ Omnibalance ไม่อาจชนะใจลูกค้าได้ เพราะยังคงดูเหมือนโทรศัพท์มือถือในอดีต ดังนั้นจึงต้องปรับเปลี่ยนดีไซน์ให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น

เหตุผลข้อที่ห้าได้พื้นที่โฆษณาช่วงต้นปี : ไม่ใช่ปัจจัยหลักแต่เป็นปัจจัยส่งเสริมถ้าจะพูดว่าตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาดูเหมือนโซนี่จะถูก Underrated หรือประเมินค่าตํ่าไป แต่รู้หรือไม่ว่าช่วงสองสามปีที่ผ่านมาทางแบรนด์ประสบความสำเร็จอย่างมากในการดำเนินธุรกิจด้านคู่ค้าเริ่มจากงาน MWC2017 ด้าน Sony เผยโฉม Xperia XZ Premium ต่อด้วยการใช้กระจก Gorilla Glass 5 และก็การบันทึกวิดีโอแบบ Slow Motion ถึง 960fps ซึ่งทั้ง 3 อย่างนี้ก็เป็นเรื่องใหม่ในวางการแต่ก็ไม่ได้รับการสนใจจากสื่อเท่าที่ควร 

ต่อมางาน IFA2017 หลายแบรนด์ต่างคาดเดาว่าสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่จะได้ชิมขนมหวาน Oreo หลัง Google ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการคือรุ่นสานต่อความสำเร็จของ Pixel ทว่า Sony ได้จัดหนักเปิดตัวก่อนใครเพื่อนกับสองพี่น้อง XZ1 และ XZ1 Compact ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ Android 8.0

จะเห็นได้ว่า Sony เป็นผู้ริเริ่มอย่างแท้จริง และมีขุมกำลังฟีเจอร์ต่างๆ ไว้เพรียบพร้อม ดังนั้นจึงเหลือเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่ต้องเปลี่ยนแปลงคือดีไซน์ แน่นอนว่าต้นปีที่เตรียมจะเปิดตัวต้องมีพื้นที่สื่อไว้ให้แฟนๆ ติดตามกันบ้าง

สุดท้ายนี้เราต้องมาลุ้นกันว่า Sony เปลี่ยนโฉมดีไซน์สมาร์ทโฟนของตนเองอย่างไรและจะมีเซอร์ไพร์สอะไรอีก รอพบกันได้ในงาน Mobile World Congress 2018