คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสมาร์ทโฟนก็ได้กลายเป็นอุปกรณ์คู่ใจของใครหลายคนไปแล้ว โดยช่วงเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเรียกว่าโทรศัพท์มือถือนั้นก็มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ความสามารถมีเพรียบพร้อมทำให้ชีวิตประจำวันของเราสะดวกสบายยิ้งขึ้น ทว่าแม้ทุกทุกอย่างจะดูดีดูลํ้าหน้ามากแค่ไหน แต่เรายังคงต้องใช้ดวงตาเป็นหลักในการใช้งานอยู่ดี เพราะฉะนั้นด้วยข้อดีจึงต้องมีข้อเสียควบคู่กันไป และหนึ่งในนั้นคือแสงสีฟ้าที่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ดวงตาเกิดโรคกับได้รับความเสียหาย หลายแบรนด์จึงเพิ่มฟีเจอร์ที่เรียกว่า " Eye Care Mode " ไว้เพื่อช่วยถนอมสายตา ดังนั้นเราจะมาทำความรู้จักเพิ่มเติมว่ามีประโยชน์จริงๆ หรือแค่โฆษณาชวนเชื่อ
อะไรคือแสงสีฟ้า สามารถทำอันตรายต่อดวงตาได้ขนาดนั้นเชียวหรือ ?
สำหรับแสงถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถทำอันตรายต่อดวงตาได้ ซึ่งแบ่งเป็นคลื่นสั้นคลื่นยาวและมีความเข้มข้นสูงและน้อยตามเฉดสีนั้นๆ ทว่าในส่วนของแสงสีฟ้าจะมีความเข้มข้นของแสงสูงสามารถทำให้เกิดภาวะต้อกระจกและอีกหลายโรคร้ายแรงหากรับแสงปริมาณมากติดต่อกัน อย่างไรก็ดี Blue Light พบเห็นได้ทั่วไปไม่ใช่เฉพาะแค่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น และนอกจากทำร้ายดวงตาแล้ว ผิวหนังก็เช่นกันทำให้ขาดความชุ่มชื้น ผิวแห้งกร้าน เกิดปัญหาสิวและฝ้าตามมาได้ด้วย จึงสรุปได้ว่าแสงสีฟ้าเป็นอันตรายต่อสุขภาพเราส่งผลต่อสภาวะร่างกายทั้งภายนอกและภายในเช่นระบบประสาทและสมอง ดังนั้นจึงควรต้องหาวิธีป้องกัน
วิธีป้องกันก็สามารถทำได้ทั่วไป มีทั้งเสียค่าใช้จ่ายและไม่เสียค่าใช้จ่าย ถ้าหากเสียเงินก็จะเป็นพวกอุปกรณ์คัดกรองแสงทั้งหลาย เช่น ฟิล์ม กระจก หรือแว่นตา ส่วนแบบฟรีๆ ก็แค่ใช้หลัก จ้องจอ 20 นาที หันมองไปทางอื่น 20 วินาทีที่สบายสายตาไมมีแสงจ้า เช่น วิวทิวทัศน์หรือคุยกับเพื่อนร่วมงาน ลุกไปเข้าห้องนํ้า หรือทำท่าบริหารร่างกายคลายความอ่อนล้าจากการนั่งทำงานเป็นเวลานานเป็นต้น เท่ากับว่าได้ประโยชน์สองต่อ
บางครั้งหลายคนอาจคัดค้านว่าแสงสีฟ้ามันก็ไม่ได้อันตรายขนาดนั้น ทำไมถึงต้องยกมาเป็นประเด็น และมีการโต้เถียงกันด้วย ขอยกกรณีตัวอย่างว่า อย่างที่เกริ่นข้างต้นแสงนั้นมีพลังงานสูง ทว่าดวงตาของเราเป็นอวัยวะที่บอบบางและยังมีเพียงคู่เดียวตลอดชีวิตนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิตในระยะเวลาอันรวดเร็ว แต่ก็สามารถสะสมก่อให้เกิดโรคต่างๆ ตามมาสารพัดได้เช่นกัน ดังนั้นจึงเสมือนเป็นระเบิดเวลาคอยนำพาเรื่องร้ายๆ เข้ามาในชีวิตเรา
โดยเฉพาะคนหนุ่มสาววัยทำงานต่างต้องมีสมาร์ทโฟนคู่ใจหนึ่งเครื่องติดตัวเสมอ แลหนึ่งพฤติกรรมยอดฮิตที่ใครหลายคนปฏิบัติกันนั่นก็คือเล่นตอนกลางคืน บ้างปิดไฟในห้องมืดเลยได้อารมณ์สนุกดี บ้างก็ขอเล่นเกมสักแมทช์หนึ่ง ซึ่งอาจใช้เวลา 10 นาที 20 นาที หรือ 1 ชั่วโมง หันมาอีกทีอ้าวเลยเวลานอนเยอะเลย หลายคนจึงเลือกเลิกเล่นทันทีพร้อมกับปิดตา แน่ใจแล้วหรือว่านี่คือวิธีที่ถูกต้อง
อย่างที่เกริ่นข้างต้นดวงนั้นเป็นอวัยวะที่บอบบางดังนั้นจึงควรรักษาไว้ให้ดี เพื่อที่ยามแก่เฒ่าจะได้ไม่ลำบากหรือยังไม่ถึงช่วงเวลานั้นแค่วัยหนุ่มสาวก็ต้องสายตาสั้นยาวเอียงกันไปแล้วหรือผ่าตัดก็มี การเล่นสมาร์ทโฟนตอนกลางคืนไม่ใช่เรื่องที่ผิดแต่ว่าควรเล่นอย่างเหมาะสม รู้หรือไม่ว่าในชีวิตประจำวันเรารับแสงสีฟ้ามาโดยตลอดทั้งโดยตรงบ้างก็ทางอ้อม ดังนั้นจะดีกว่าไหมหากเราห่างแสงสีฟ้าสักพักในห้วงเวลาที่ร่างกายจำเป็นต้องพักผ่อน
ขอยกตัวอย่างงานวิจัยหนึ่ง : ให้ผู้ทดลองส่วนใส่แว่นตาป้องกันแสงสีฟ้าก่อนเข้านอนประมาณ 3 ชั่วโมง ผลลัพธ์ปรากฏว่าผู้ทดลองเหล่านั้นก็สามารถหลับในเวลากลางคืนได้สนิท ไม่กระสับกระส่าย เช้าตื่นมาสดชื่น ข้อมูลอ้างอิง : www.ncbi.nlm.nih.gov
โดยอาการแสบตาเกิดขึ้นได้จากหลายๆ สาเหตุ เช่น ตาแห้ง ระคายเคืองตา แต่ปัจจัยหนึ่งก็คือด้านแสง แน่นอนว่าเวลาเราใช้คอมพิวเตอร์ก็มีอาการตาล้า ตาแห้งกันให้เห็น ซึ่งสมาร์ทโฟนก็เช่นกันถ้าเราใช้งานเสร็จแล้ว ไม่ควรรีบหลับตาลงหรือปิดไฟในห้องทันทีควรทิ้งระยะเวลาสักครู่ให้ดวงตาปรับสภาพเข้าสู่สภาวะปกติ แล้วค่อยหลับตาลงพักผ่อน บางคนอาจถามว่าหากผมชอบปิดไฟในห้องล่ะ จะต้องทำอย่างไร ขอตอบประเด็นนี้ว่าเลิกทำพฤติกรรมนี้เสียเพราะคุณกำลังทำร้ายตัวเองอยู่ ปิดไฟเล่นอันตรายมากกว่าเยอะ
และจากพฤติกรรมดังกล่าวหลายคนจึงได้หันมาเลือกใช้วิธีถนอมสายตาทางอ้อมแทน ด้วยการเปิดโหมด Night หรือ Eye Protection Mode หรือ Blue light Cut แล้วแต่ที่ทางผู้พัฒนาซอฟต์แวร์จะเรียกชื่อ เพื่อเล่นสมาร์ทโฟนไม่ว่าจะอยู่สภาวะแสงมากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ดีคำถามต่อมาคือวิธีนี้จะสามารถถนอมดวงตาเราได้จริงหรือ ในบทความนี้จะช่วยให้คลายข้อสงสัยครับ
ส่วนใหญ่สมาร์ทโฟนในปัจจุบันจะมีโหมดกรองแสงสีฟ้ากันแล้ว ซึ่งถือเป็นฟังก์ชั่นพื้นฐานที่ควรพึงมี เพราะมีผลลัพธ์สำคัญต่อสุขภาพอย่างมาก หากบุคคลนั้นชื่นชอบการใช้งานตอนเวลากลางคืน ทั้งนี้เมื่อเปิดโหมดดังกล่าวจะเห็นได้ว่ามีหลายสีสันเกิดขึ้น บ้างสีเหลือง บ้างก็สีแสด หรือสีส้มไปเลยก็มี ทว่าประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในการตัดแสงสีฟ้าออกไปอย่างสมบูรณ์นั่นก็คือโทนแสงสีส้ม
แล้วทำไมถึงต้องเป็นแสงสีส้ม มีงานวิจัยหลายอย่างแต่ก็ไม่อาจสามารถคอนเฟิร์มได้แน่ชัดว่าเพราะอะไร แต่ประเด็นที่ดูน่าสนใจคือว่าเวลาการคืนเป็นเวลาที่ร่างกายกำลังผ่อนคลาย โทนสีส้มจะส่งผลต่ออารมณ์โดยตรงซึ่งให้ความรู้สึกอบอุ่นทั้งช่วยทำให้รู้สึกอยากนอนเพราะมีผลระทบน้อยต่อร่างกาย เนื่องจากจะไม่ไปตัดการหลั่งสารเมลาโทนินนั่นเอง
ดังนั้นจึงสรุปว่าการเปิดโหมดกรองแสงสีฟ้ามีประโยชน์อย่างมาก แต่โทนแสงสีเหลือง สีส้ม หรือสีแดงตามที่สมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นจะแสดงผลนั้นก็ยังมีความอันตรายเช่นกัน เพียงแค่ว่าได้รับผลกระทบน้อยกว่า เพราะฉะนั้นการใช้งานสมาร์ทโฟนแบบเหมาะสมจึงเป็นเรื่องที่ผู้ใช้สมาร์ทๆ อย่างเราควรจะต้องตระหนักไว้ให้มาก เนื่องจากหมายถึงเรื่องสุขภาพ!!
เมื่อแสงสีฟ้ามีแต่โทษร้ายแรงหลีกเลี่ยงได้อย่างไร
สำหรับแสงสีฟ้าไม่ได้มีแค่โทษอย่างเดียวทว่าถ้าให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายและคุณภาพชีวิตจะต้องรับแสงในช่วงเวลาที่ถูกต้อง นั่นอาจกล่าวได้ว่า "แสงสีฟ้าจะเป็นคุณต่อร่างกายเมื่ออยู่ในช่วงระหว่างวัน แต่จะเป็นโทษต่อเราเมื่อยามกลางคืน " ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นเนื่องจากว่านาฬิกาชีวิต (Circadian Rhythm) จะเป็นระบบควบคุมร่างกายผสมผสานการทำงานร่วมกับระบบประสาท ซึ่งปัจจัยภายในไม่สามารถควบคุมช่วงเวลาของระบบร่างกายได้อย่างสมบูรณ์แบบจึงต้องอาศัยปัจจัยภายนอกควบคู่กันไปด้วยเฉกเช่นแสงนี่เอง
และอย่างที่เกริ่นข้างต้นแสงสีฟ้าจะมีผลต่อระบบร่างกายเรามาที่สุด ดังนั้นการได้รับแสงดังกล่าวในระหว่างวันจะทำให้เกิดประโยชน์ด้านการตื่นตัว อารมณ์ความรู้สึก รวมถึงควบคุมการทำงานของต่อมต่างๆ และฮอร์โมนภายในร่างกายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้แพทย์ใช้วิธีหนามยอกหนามบ่มเพราะแสงสีฟ้ายังสามารถช่วยรักษาอาการนอนไม่หลับของคนไข้ซึ่งพบได้มากกับบุคคลที่ทำงานเวลากลางคืนและต้องได้รับแสงสีฟ้าเป็นเวลานานติดต่อกัน
หมายเหตุ : ข้อมูลอ้างอิง wellnessmama.com
วิธีป้องกันแสงสีฟ้าทำได้อย่างไรบ้าง
ต้องระบุก่อนว่าแสงสีฟ้าพบได้ทั่วไปในชีวิตประจำวันดังนั้นการป้องกัน 100% จึงเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ และการได้รับแสงอย่างถูกต้องเหมาะสมยังมีประโยชน์ต่อร่างกายด้วย วิธีที่ป้องกันเบื้องต้นนั้นทำได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก
แต่วิธีที่ยังยื่นและสามารถทำควบคู่กันไปได้ด้วย นั่นคือการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ที่อุดมไปด้วยวิตามิน A ที่หาได้จากผักผลไม้จำพวกสีเหลืองส้ม เช่น แคนตาลูป มะม่วง ฟักทอง แครอท ผักกาดหวาน ผักโขม เป็นต้น รวมถึงควรดื่มนํ้าบ่อยๆ อย่างน้องหนึ่งชัั่วโมงควรดื่มสองแก้ว ซึ่งก็จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะมนุษย์ออฟฟิคเนื่องจากทำให้เราขับถ่ายและยังได้ลุกออกจากเก้าอี้ ได้ก้าวเดินไปห้องนํ้า ช่วยผ่อนคลายร่างกายพักแข้งพักขา
อย่าลืมนะครับพฤติกรรมการใช้งานสมาร์ทโฟนอย่างไม่เหมาะสมควรต้องตระหนักและยุติได้แล้ว นั่นก็เพื่อตัวคุณเองเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี ไม่ต้องรู้สึกปวดหัวดวงตาแสบคันอ่อนล้า รู้สึกเหนื่องง่ายอ่อนล้าระหว่างวัน เพราะการพักสานตาที่ดีที่สุดคือการนอน..และต้องพักผ่อนให้เพียงพอ
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
ที่มา : wellnessmama.com วันที่ : 9 กันยายน 2560
รีวิว HONOR 200 Smart 5G คุ้มค่าเกินราคา สุดยอดสมาร์ทโฟนสำหรับคนชอบลุย
Infinix ปล่อยเซอร์ไพรส์ HOT 50 Pro+ Series สีสันพิเศษ ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุข
iQOO 13 5G เจ้าของความแรง Snapdragon Elite 8 + RAM สูงสุด 16GB เคาะราคาในไทย 27,900 เท่านั้น
HONOR X9c Smart สมาร์ทโฟนกล้องหลังคู่ 108MP ชิปเซ็ต Dimensity 7025-Ultra
รีวิว vivo X200 Series สายคอนเสิร์ตต้องโดน ซูมชัดเหมือนติดขอบเวที
Motorola ก้าวสู่ยุคใหม่แห่ง AI ด้วย Moto AI และ Smart Connect
OPPO Reno 13 Series ชิปเซ็ต Dimensity 8350 กันน้ำกันฝุ่น IP69 และชาร์จเร็ว 80W!
Redmi Watch 5 สมาร์ทวอทช์รุ่นแรกรันบน HyperOS 2 หน้าจอสี่เหลี่ยม AMOLED กว้าง 2.07 นิ้ว
สรุปจุดเด่นและสเปค OPPO Pad 3 Pro หน้าจอ 144Hz ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 3 ลำโพง 8 ตัว แบตฯ 9510mAh