iPhone 7 (PRODUCT)RED Special Edition เป็น iPhone ที่มาพร้อมกับตัวเครื่องสีแดงรุ่นแรก ซึ่งเป็นความร่วมมือระยะเวลา 10 ปี ระหว่าง Apple กับ (RED) โครงการเกี่ยวกับ HIV/AIDS ซึ่งคอยให้คำปรึกษา ตรวจหาเชื้อ และจ่ายยาที่ช่วยป้องกันการแพร่เชื้อ HIV จากแม่สู่ทารกในครรภ์ โดยที่ก่อนหน้านี้ทางแอปเปิลได้จำหน่ายอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับ (RED) ไม่ว่าจะเป็นเคส iPhone, iPod Touch และอื่นๆ ที่ระดมเงินได้มากกว่า 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งครั้งนี้ก็เช่นกัน นอกจากผู้ใช้ iPhone จะได้เครื่องไปใช้แล้ว ยังได้ร่วมทำบุญเพื่อไปสบทบให้กับกองทุนโลกเพื่อต่อต้านโรคเอดส์อีกด้วย
เริ่มจากกล่องของ iPhone 7 (PRODUCT)RED Special Edition จะมีกล่องสีขาว พร้อมกับรูปของสมาร์ทโฟน โลโก้แอปเปิล และตัวหนังสื่อ iPhone สีแดง เมื่อเปิดออกภายในกล่องก็เหมือน iPhone 7 สีอื่น คือเอกสารต่างๆ จะอยู่ด้านบน เปิดขึ้นถึงเป็น iPhone 7 (PRODUCT)RED Special Edition และอุปกรณ์ต่างๆ ประกอบไปด้วย
นอกจากนี้ ที่พิเศษกว่ารุ่นอื่น คือเอกสารคู่มือด้านในจะมาพร้อมการ์ดสีแดง ระบุว่า (PRODUCT)RED และด้านหลังมีคำอธิบายเกี่ยวกับความร่วมมือของ Apple กับ (RED) ในครั้งนี้
สำหรับ iPhone 7 (PRODUCT)RED Special Edition จะมีตัวเครื่องสีแดงที่ด้านข้างและด้านหลังตัวเครื่อง โดยที่ด้านหน้าจะเป็นสีขาว มีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 138.3 × 67.1 × 7.1 มิลลิเมตร น้ำหนักเพียง 138 กรัม
มาพร้อมหน้าจอแสดงผลสัมผัส Retina HD กว้าง 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1334 × 750 พิกเซล (326 ppi)
เหนือหน้าจอขึ้นไปจะมีเลนส์กล้องถ่ายรูปด้านหน้า ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล ถัดไปทางด้านขวา มีช่องลำโพงเสียงสนทนา และเป็นลำโพงสเตอริโอภายในตัว และด้านบนเป็นระบบเซ็นเซอร์หน้าจอ
ส่วนปุ่มโฮมด้านล่างของหน้าจอ จะเป็นปุ่มโฮมที่มีขอบสีเงิน โดยเป็นปุ่มโฮมแบบใหม่ หรือที่เรียกว่าปุ่มโซลิดสเตท ออกแบบให้มีความแข็งแรง ทนทานยิ่งขึ้น และไวต่อแรงกด โดยปุ่มโฮมนี้จะทำงานร่วมกับ Taptic Engine ทั้งที่เวลากดปุ่มจะไปยุบลงไป แต่ให้ความรู้สึกว่าปุ่มยุบและตอบสนองแรงสั่นเมื่อกด
ส่วนตัวเครื่องด้านบนจะไม่มีพอร์ตใดๆ และตัวเครื่องด้านล่างมีช่องลำโพงเสียงสเตอริโอ ตรงกลางเป็นพอร์ตเชื่อมต่อ lightning โดยที่ช่องเสียบหูฟังก็ใช้พอร์ตเดียวกัน เนื่องจากรูหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตรถูกตัดออกไป
ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีปุ่มเปิด-ปิดเสียง ที่มีสีเดียวกับตัวเครื่อง เมื่อปรับไปอีกด้านจะเห็นเป็นแถบสีขาว ซึ่งรุ่นอื่นๆ จะเห็นเป็นสีแดง นอกจากนี้ ยังมีปุ่มปรับระดับเสียงเพิ่ม-ลด อยู่ถัดลงมาด้านล่าง
ส่วนตัวเครื่องด้านขวามีปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือใช้ล็อคหน้าจอ และมีถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Nano SIM ซึ่งจะต้องใช้อุปกรณ์ในการเปิดถาดซิมออกมา
ตัวเครื่องด้านหลังของ iPhone 7 (PRODUCT)RED Special Edition จะมีสีแดงผิวสัมผัสแบบด้าน โดยมีโลโก้ Apple และตัวหนังสือแบบเงาสะท้อนขึ้นมาจากตัวเครื่อง ซึ่งด้านบนมีเลนส์กล้องถ่ายรูปด้านหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ถัดไปทางขวามีรูไมโครโฟน และไฟแฟลช True Tone แบบ LED สี่ดวง
ข้อมูลสเปก iPhone 7 (PRODUCT)RED Special Edition
สำหรับ iPhone 7 (PRODUCT)RED Special Edition จะมีสเปกตัวเครื่องเหมือนกับ iPhone 7 สีอื่นๆ โดยจะขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล Apple A10 Fusion (64-bit) Hexa Core, RAM 2GB มีหน้าจอแสดงผลสว่างขึ้น 25% จอกว้าง 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1334 x 750 พิกเซล ทั้งยัง มีคุณสมบัติกันน้ำ-กันฝุ่นกระเด็นใส่ มีลำโพงคู่สเตอริโอที่ให้เสียงดังกว่าเดิม และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ได้ถูกตัดออกไปใช้พอร์ต lightning แทน
iPhone 7 (PRODUCT)RED Special Edition มีวางจำหน่ายตั้งแต่ความจุ 128GB ขึ้นไป วางจำหน่ายในราคา 30,500 บาท และความจุ 256GB ราคา 34,500 บาท
นอกจากนี้ ยังมี iPhone 7 Plus (PRODUCT)RED Special Edition ความจุ 128GB ราคา 35,500 บาท และ 256GB ราคา 39,500 บาท
แคตตาล็อกตัวเครื่อง
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
ที่มา : www.siamphone.com วันที่ : 4 เมษายน 2560
ลือ! iPhone 17 และ iPhone 17 Air ยังไม่มีซูม Optical 5x ฟีเจอร์นี้มีเฉพาะรุ่น Pro
รีวิว Apple iPad mini 7 ควรอัปเกรดไหม? แตกต่างจาก iPad mini 6 อย่างไร!
Apple จัดโปรโมชั่น Black Friday และ Cyber Monday ปี 2024 ลดสูงสุด 6,800 บาท
รีวิว iPhone 16 Plus คุ้มค่าที่จะอัปเกรดไหม? แล้วแตกต่างจาก iPhone 16 อย่างไร
รีวิว iPhone 16 Pro แตกต่างจาก iPhone 16 Plus อย่างไร ต้องเพิ่มเงิน 5,000 บาท คุ้มไหม?
vivo Y300 5G หน้าจอ AMOLED-120Hz ทนน้ำทนฝุ่น IP64 ชาร์จเร็ว 80W ลำโพง Hi-Res
Redmi A4 5G หน้าจอ 120Hz ดีไซน์พรีเมียมมากขึ้น ชิปเซ็ต Snapdragon 4s Gen 2 เล่นเกมเพลิน
LAVA Yuva 4 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ราคาประหยัด สเปคคุ้มค่าเกินราคา
iQOO Neo 10 Series สเปคเทพ กล้องสวย ดีไซน์โดนใจ เปิดตัว 29 พฤศจิกายนนี้
OPPO Reno 13 Series ชิปเซ็ต Dimensity 8350 กันน้ำกันฝุ่น IP69 และชาร์จเร็ว 80W!