ทำความรู้จักครอบครัว ZenFone 3 ทั้ง 3 สไตล์ให้มากกว่าเดิม มีฟีเจอร์เด่นและสเปกอย่างไรบ้าง

เปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับสมาร์ทโฟนจาก Asus กับครอบครัว ZenFone 3 อีกหนึ่งแบรนด์ที่เหล่าสาวกต่างจับตามองว่าจะมีความพิเศษอย่างไรบ้าง ซึ่งดีไวซ์ทั้งหมดจะมีด้วยกันสามรุ่น ได้แก่ ZenFone 3, ZenFone 3 Ultra และ ZenFone 3 Deluxe ดังนั้นจึงถือโอกาสพาไปทำความรู้จักให้มากกว่าเดิม...?

เริ่มกันที่สมาร์ทโฟน ZenFone 3

สำหรับรุ่นดังกล่าวผลิตภายใต้คอนเซ็ปต์ Agility, Beauty, Clarity หรือแปลได้ว่าความรวดเร็ว, ความสวยงาม, ความบริสุทธิ์ พร้อมกับการันตีด้วยรางวัล d&i awards หรือว่ารางวัลดีไซน์และนวัตกรรมในงาน Computex 2016 ส่วนรายละเอียดอื่นๆ มีดังต่อไปนี้

จุดเด่นของ ZenFone 3 : มีขอบหน้าจอที่บางขึ้นและระบบสแกนลายนิ้วมือที่พัฒนาขึ้นให้สามารถสแกนได้รอบทิศ 360 องศา และรองรับการใช้งานร่วมกับแอพฯ เพื่อล็อคการใช้งานหรือจะอนุมัตการจ่ายเงินนอกจากนี้ระบบเสียง Sonic Master เล่นไฟล์เสียงเกรด 24 บิต / 192kHz และยังมีระบบเกม Game Genie ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกม ทั้งถ่ายทอดการเล่นเกม (Live) ลง YouTube หรือ Twitch ได้ด้วย

นอกจากนี้ด้านกล้องดิจิตอลพัฒนาขึ้นเช่นกันเพิ่มความละเอียดขึ้นเป็น 16 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโน โลยี PixelMaster 3.0 โดยมีรูรับแสง f/2.0 จับโฟกัสในระยะเวลาอันรวดเร็ว 0.03 วินาทีด้วยชื่อเรียกว่า TriTech auto-focus technology ผนึกสามกำลังโฟกัส (Laser, Phase Detection, Continuous Auto-focus) และระบบป้องกันภาพสั่นไหวทั้งภาพนิ่งกับวิดีโอ (OIS & EIS) ปกป้องเลนส์กล้องด้วยแร่แซฟไฟร์สามารถบันทึกวิดีโอระดับสูงสุด 4K ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 8 ล้าน พิกเซลพร้อมรูรับแสง f/2.0

สำหรับสเปกของ Asus ZenFone 3 มีดังต่อไปนี้

• รหัสตัวเครื่อง : ZE552KL
• ขนาดตัวเครื่อง : 152.59 x 77.38 x 7.69 มม.
• นํ้าหนัก : 155 กรัม
• ระบบปฏิบัติการ : แอนดรอยด์เวอร์ชั่น 6.0 ครอบทับด้วย ZenUI 3.0
• หน้าจอ : Super IPS ขนาดกว้าง 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล ให้ความสว่างสูงสุด 500nits
• หน่วยประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 625 CPU Octa-core ความเร็ว 2.0GHz แบบ 64 บิต
• GPU : Adreno 506
• Ram : 3/4GB LPDDR3
• Rom : 32/64GB
• MicroSD Card : สูงสุด 128GB
• พอร์ตการเชื่อมต่อ USB Type-C
• เชื่อมต่อ 4G LTE ได้ในระดับความเร็วสูงสุด 300MBps
• ระบบ Wi-Fi 802.11ac Mu-MIMO
• แบตเตอรี่ : 3,300 mAh
• เฉดสี : Sapphire Black, Moonlight White, Shimmer Gold, AQUA BLUE

Asus ZenFone 3 มีราคาวางจำหน่าย $249 หรือประมาณ 8,8xx บาท

รุ่นที่สอง Asus ZenFone Ultra มีรายละเอียดดังนี้

สมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าว ผลิตภายใต้คอนเซ็ปต์ Unleashed, Unlimited, Unrivaled หรือแปลว่า ปลดปล่อย, ไม่จำกัด, หาที่เปรียบไม่ได้ โดยไฮไลท์อยู่ตรงที่ตัวเครื่องเป็นโลหะทั้งชิ้น แต่สามารถทำ ให้เส้นเสาสัญญาณหายไปได้แบรนด์แรกของโลก ผสมผสานความงามการดีไซน์ที่ลงตัวขอบหน้าจอที่บาง และตัวเครื่องบางเพียง 6.8 มิลลิเมตร การันตีด้วยรางวัล Best Choice Golden Award ณ งาน Computex 2016

ด้านหน้าจอทางเอซุสได้นำเทคโนโลยีที่เรียกว่า Tru2Life+ หรือ true-to-life images หมายถึงการแสดงภาพที่สมจริงให้ความคมชัดเป็นธรรมชาติ ซึ่งอยู่ในกระบวนการแบบเดียวกับการประมวลผลในโทรทัศน์ระดับ 4K TV-grade และคุณสมบัติการถ่ายทอดคอนเทนต์แบบ HD ไปสู่หน้าจอใดๆ ก็ได้ ด้วยระบบ DisplayPort USB-C และสุดท้ายระบบเกม Game Genie เพิ่มความสนุกอีกขั้น

ขณะที่ระบบเสียงก็ยังเหมือนเดิมด้วยเทคโนโลยี SonicMaster 3.0 แต่ที่เพิ่มเติมคือรองรับระบบเสียง DTS Headphone X สามารถให้พลังเสียงได้รอบทิศทาง (7.1 Channel) 

ส่วนกล้องดิจิตอลจะอัพเกรดความละเอียดขึ้นมาจากรุ่นปกติเป็น 23 ล้านพิกเซล แต่ให้ความละเอียดภาพได้สูงสุด 92 ล้านพิกเซลมาพร้อมรูรับแสง f/2.0 ระบบออโต้โฟกัส TriTech AF เพียง 0.03 วินา ที และมีระบบป้องกันภาพสั่นไหวเช่นเดียวกับวิดีโอด้วย 4 แกน (OIS) และ 3 แกน (EIS) ตามลำดับ

ขณะที่กล้องหน้ามีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 และมีระบบออโต้โฟกัส ซึ่งให้มุมมองถ่ายภาพ 85 องศา

สำหรับสเปกของ Asus ZenFone 3 Ultra มีดังต่อไปนี้

• รหัสตัวเครื่อง : ZU680KL
• ขนาดตัวเครื่อง : 186.4 x 93.9 x 6.8 มม.
• นํ้าหนัก : 233 กรัม
• ระบบปฏิบัติการ : แอนดรอยด์เวอร์ชั่น 6.0 ครอบทับด้วย ZenUI 3.0
• หน้าจอ : เทคโนโลยี TruVivid ขนาดกว้าง 6.8 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พร้อมระบบตัดแสงสีฟ้า ให้มุมมอง 178 องศา ครอบทับด้วย Corning Gorilla Glass 4 ช่วยป้องกันรอยขีดข่วน
• หน่วยประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 652 CPU Quad-core ความเร็ว 1.8GHz แบบ 64 บิต
• GPU : Adreno 510
• Ram : 3/4GB LPDDR3
• Rom : 32/64/128GB
• MicroSD Card : สูงสุด 200GB
• พอร์ตการเชื่อมต่อ USB Type-C
• รองรับการสแกนลายนิ้วมือ
• เชื่อมต่อ 4G LTE ได้ในระดับความเร็วสูงสุด 300MBps
• ระบบ Wi-Fi 802.11ac Mu-MIMO
• แบตเตอรี่ : 4,600 mAh รองรับการชาร์จเร็ว Quick Charge 3.0 60% ใน 45 นาที สามารถชาร์จให้อุปกรณ์อื่นได้ด้วยระบบไฟ 1.5A
• เฉดสี : Glacier Silver, Titanium Gray, Metallic Pink

Asus ZenFone 3 Ultra มีราคาวางจำหน่าย $479 หรือประมาณ 17,100 บาท

รุ่นสุดท้ายในครอบครัว ZenFone 3 Deluxe มีรายละเอียดดังนี้

รุ่นท็อปของครอบครัว โดยถูกผลิตภายใต้คอนเซ็ปต์ Determined, Desirable, Distinguished หรือแปลว่า มั่นคง, เป็นที่พึ่งปราถนา, โดดเด่น ในส่วนของดีไซน์ใช้โลหะทั้งหมด (All-metal-Unibody) และไร้เส้นสัญญาณ ทำให้ไม่เกะกะสายตา สวยงาม ทั้งหน้าจอก็ยังมีขอบที่บางใช้เทคโนโลยีแสดงผล Super AMOLED ผนึกกำลัง Tru2Life (ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการแสดงผลของทุกพิกเซล) 

นอกจากนี้การสแกนลายนิ้วมือจดจำสูงสุด 5 ลายนิ้วมือ ผู้ใช้สแกนสามารถสแกนได้รอบทิศทาง 360 องศา และเพลิดเพลินไปกับความบันเทิงด้วยเทคโนโลยี SonicMaster กับระบบเสียง Hi-res 

สำหรับสเปกของ Asus ZenFone 3 Deluxe มีดังต่อไปนี้

• รหัสตัวเครื่อง : ZS570KL
• ขนาดตัวเครื่อง : 156.4 x 77.4 x 4.2 มม.
• นํ้าหนัก : 170 กรัม
• ระบบปฏิบัติการ : แอนดรอยด์เวอร์ชั่น 6.0 ครอบทับด้วย ZenUI 3.0
• หน้าจอ : เทคโนโลยี TruVivid + Super AMOLED ขนาดกว้าง 5.7 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พร้อมระบบตัดแสงสีฟ้า ครอบทับด้วย Corning Gorilla Glass 4 ช่วยป้องกันรอยขีดข่วน
• หน่วยประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 820 CPU Quad-core ความเร็ว 2.15GHz แบบ 64 บิต
• GPU : Adreno 530 + OpenGL 3.0
• Ram : 6GB
• Rom : 64/128/256GB
• MicroSD Card : สูงสุด 128GB
• พอร์ตการเชื่อมต่อ USB Type-C
• รองรับการสแกนลายนิ้วมือ
• เชื่อมต่อ 4G LTE ได้ในระดับความเร็วสูงสุด 600MBps
• ระบบ Wi-Fi 802.11ac Mu-MIMO
• กล้องหลัง : ความละเอียด 23 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 ไฟแฟลชคู่ จับโฟกัสได้ในระยะเวลา 0.03 วินาที พร้อมระบบป้องกันการสั่นไหวทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ สามารถบันทึกวิดีโอระดับสูงสุด 4K
• กล้องหน้า : ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 ให้มุมมองภาพ 85 องศา
• แบตเตอรี่ : 3,000 mAh รองรับการชาร์จเร็ว Quick Charging 3.0 60% ใน 39 นาที 
• เฉดสี : Glacier Silver, Titanium Gray, Shimmer Gold

Asus ZenFone 3 Ultra มีราคาวางจำหน่าย $499 หรือประมาณ 17,8xx บาท

สุดท้ายเหล่าสาวกในบ้านเราจะได้จับจองเมื่อใด คงต้องรอลุ้นกันครับ ถ้ายังจำกันได้ปีที่แล้ว กว่าจะเลือกซื้อได้นานเชียวแต่ผู้เขียนคาดว่าไม่นานแน่นอนครับ ส่วนราคาเป็นอย่างใดลองทายกันดูครับ 

บทความที่เกี่ยวข้อง

• 
  รีวิว iPhone Air สัมผัสใหม่ของ iPhone ที่เบากว่าเดิมแต่ยังทรงพลังไม่แพ้รุ่นโปร
• 
  Redmi Note 15 Series หลุดทั้งภาพ และข้อมูลสเปคก่อนเปิดตัวแบบ Global

ติดตามข่าว สยามโฟน.คอม ที่