สมาร์ทโฟน (Smartphone)  |   วันที่ : 12 มีนาคม 2559

ปรับขนาดตัวอักษร - ก+ก

แชร์

นับได้ว่าแบรนด์สมาร์ทโฟนจากประเทศจีนยังคงมีกระแสที่แรงอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียว โดยต่างฝ่ายต่างงัดกลยุทธ์และความสามารถออกมาแข่งขันกันอย่างไม่น้อยหน้ากันเลยทีเดียว ทว่าล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม บริษัท vivo ก็ได้เปิดตัวแอนดรอยด์โฟนรุ่นแรกของโลกที่มี Ram ประเภท LPDDR4 ขนาด 6GB สร้างปรากฏการณ์ความแรงเลยทีเดียว อีกทั้งเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้าอีกหนึ่งบริษัทที่หลายคนเฝ้าติดตามว่า The Next Mi รุ่นต่อไปนั้นจะเป็นอย่างไรก็ถูกเปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการแล้วเช่นกัน พร้อมชูจุดเด่นสเปกจัดเต็มแต่มีราคาที่แสนถูก เพราะฉะนั้นลองยกทั้งสองรุ่นมาเปรียบเทียบกันหน่อยระหว่าง Xiaomi Mi 5 Pro และ vivo XPlay 5 Elite รุ่นไหนคุ้มค่าและเด็ดกว่ากัน....?

 

1. ด้านขนาดตัวเครื่องและนํ้าหนัก

สำหรับทั้งสองรุ่นระหว่าง Xiaomi Mi 5 Pro และ vivo XPlay 5 Elite มีรายละเอียดดังนี้

  • Mi 5 Pro : 144.55 x 69.2 x 7.25 มิลลิเมตร และนํ้าหนัก 139 กรัม
  • X play 5 Elite : 153.5 x 76.2 x 7.59 มิลลิเมตร และนํ้าหนัก 167.8 กรัม

 

2. ด้านระบบปฏิบัติการ

โดยทั้งสองรุ่นขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่นใหม่ 6.0 (marshmallow) ครอบทับด้วย UI ของตนเอง สำหรับ vivo คือ Funtouch OS 2.6 ส่วน Xiaomi มาในเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดเช่นกัน คือ MIUI 7.1 ซึ่งในส่วนของผู้ติดต่อการใช้งาน (User Interface) จะเป็นอย่างไรนั้นคงต้องรอการใช้งานเชิงลึกอีกทีครับ จึงจะสามารถบอกได้ว่ามีความสามารถอะไรบ้าง

 

3. ด้านดีไซน์

เริ่มกันที่แบรนด์ vivo กันก่อนกับสมาร์ทโฟน Ram 6GB รุ่นแรกของโลก โดยตัวเครื่องทำจากวัสดุระดับพรีเมี่ยม ด้วยโลหะระดับคุณภาพชนิด aluminum-magnesium alloy แบบ Unibody ขณะที่ด้านหลังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ออกแบบให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ซึ่งเมื่อจับก็สามารถปลดล็อคได้ทันที สุดท้ายด้านบนของเซ็นเซอร์จะมีแถบขีดสัญญาณ

 

แน่นอนว่าถ้าหากเรายังจำกันได้ตอน Mi 4 เปิดตัว ผู้บริหารระบุว่าการออกแบบนั้นถูกทำอย่างพิถีพิถัน และประณีตทุกขึ้นตอน เพื่อให้ผู้ใช้งานสัมผัสประสบการณ์อันสุดพิเศษ โดยในรุ่น Mi5 ก็เช่นกัน ทว่าเราจะมาพูดถึงในรุ่น Pro กัน เพราะความพิเศษก็อยู่ที่ด้านหลังทำมาจากวัสดุ Zirconia ceramic หรือ กล่าวคือวัสดุชนิดนี้ จะมีความแข็งแกร่งในระดับ 8 จาก 10 อีกทั้งยังให้การสัมผัสที่นุ่มไม่แข็งกระด้าง เหมือนกระจก 

นอกจากนี้ที่ขอบเครื่องด้านหลังทั้งสองด้านคือซ้ายและขวา ยังมีลักษณะโค้งงอเล็กน้อย เพื่อให้สอดรับกับฝ่ามือ เมื่อใช้งาน ไม่ตกหล่นง่ายนั่นเอง

4. ด้านจุดเด่น

สำหรับ vivo Xplay 5 Elite อย่างที่เราทราบกันว่าแบรนด์นี้โดดเด่นเรื่องระบบเสียงด้วยเทคโนโลยี Hi-Fi 3.0 ที่จะฟังหูฟังก็ดี หรือลำโพงแบบ Stereo สองตัวที่ด้านล่างตัวเครื่อง นอกจากนี้ยังใช้งานได้อย่างปลอดภัยด้วยระบบสแกนลายนิ้วมือ ซึ่งใช้ระยะเวลาการปลดล็อคเพียง 0.4 วินาที 

นอกจากนี้ยังมี Ram มาก 6GB กับหน่วยความจำภายใน 128GB + เทคโนโลยี UFS 2.0 และถ้าหากพูดถึงระบบแบตเตอรี่ก็มีไม่น้อยเช่นกันกับความจุ 3,600 mAh ผนวกกำลังด้วยระบบการชาร์จเร็วที่เรียกว่า Dual charging ซึ่งจะสามารถชาร์จได้เร็วกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนทั่วไป อีกทั้งยังมีระบบป้องกันภัย 9 กระบวนการ เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจว่าปลอดภัยแน่นอน

ในขณะที่ Xiaomi Mi 5 Pro มาพร้อมกับพื้นที่หน่วยความจำภายใน 128GB เช่นกัน แต่ผสมผสานเทคโนโลยี UFS 2.0 ที่มีประสิทธิภาพการอ่าน/เขียนข้อมูลเร็วกว่าแบบ eMMC v5.1 อีกทั้งด้านระบบการเชื่อมต่อ 4G LTE ด้วยความสูงถึง Cat 12. (อัตราความเร็วการดาวน์โหลด 600 Mbps) 

นอกจากนี้ก็มีระบบการชาร์จเร็ว Quickcharge 3.0 สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ต่อเนื่องรวดเร็วทั้งวัน และไฮไลท์สำคัญที่ต้องกล่าวถึงคือระบบกันป้องกันภาพสั่นไหว 4 แกนที่กล้องหลัง มั่นใจได้ว่าภาพถ่ายของเราไร้การเบลออย่างแน่นอน

ส่วนด้านเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือจะอยู่ที่ปุ่ม Home บริเวณด้านล่างหน้าจอ

5. ด้านหน้าจอ

สำหรับหน้าจอของ Xiaomi Mi 5 Pro มาพร้อมขนาดกว้าง 5.15 นิ้วความละเอียด FullHD และทางแบรนด์ยังบอกอีกว่าได้รางวัลเทคโนโลยีหน้าจอใน 21 สาขาสิทธิบัตร อีกทั้งยังประพลังงานมากกว่า 17% รวมถึงให้ความสว่างหน้าจอสูงถึง 600 nits และค่าความหนาแน่นต่อพิกเซล 428ppi

ส่วนเหตุผลที่ทางแบรนด์ไม่เลือกความละเอียดหน้าจอ 2K เป็นเพราะว่าดวงตาเราไม่สามารถแยกแยะความละเอียดได้สูงขนาดนั้น โดยเต็มที่ก็คือในระดับ FullHD อีกทั้งหากนำมาใช้ยังเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานโดยเปล่าประโยชน์

ขณะที่ vivo Xplay 5 Elite จัดเต็มด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ มาพร้อมขอบหน้าจอที่โค้งเล็กน้อย โดยประโยชน์คือ ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน ซึ่งแสดงรายละเอียดข้อมูลตามที่ได้ตั้งค่าไว้ ส่วนความกว้างของหน้าจออยู่ที่ 5.43 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2K และความหนาแน่นต่อพิกเซลอยู่ที่ 541 ppi ผนึกกำลังด้วยเทคโนโลยีหน้าจอ Super AMOLED

6. ด้านฮาร์ดแวร์ (CPU, GPU, Ram, Rom และแบตเตอรี่)

vivo Xplay 5 Elite Xiaomi Mi 5 Pro
สถาปัตยกรรม : 64บิต สถาปัตยกรรม : 64บิต
CPU : Snapdragon 820 CPU : Snapdragon 820
GPU : Adreno 530 GPU : Adreno 530
Ram : 6GB Ram : 4GB
Rom : 128GB (UFS 2.0) Rom : 128GB (UFS 2.0)
แบตเตอรี่ : 3,600 mAh (รองรับการชาร์จเร็วแบบ Dual) แบตเตอรี่ : 3,000 mAh (Quick Charge 3.0)

7. ด้านระบบเชื่อมต่อ

สำหรับ vivo Xplay 5 Elite มาพร้อม dual-band WIFI: 2.4GHz / 5GHz, IEEE 802.11 a / ​​b / g / n / ac, Bluetooth 4.2, รองรับการใช้งาน 3G, 4G LTE และ 2 ซิมการ์ด อีกหนึ่งซิมการ์ดใช้ได้แค่ 2G เท่านั้น น่าเสียดายที่ไม่มีระบบ NFC และพอร์ต USB Type-C

 

สำหรับ Xiaomi Mi 5 Pro มีระบบเชื่อมต่อดังต่อไปนี้ 3G, 4G LTE CAT 12., รองรับสองซิมการ์ด, Bluetooth 4.2, NFC, USB Type-C, Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac, WiFi Direct, IR และ VoLTE

8. ด้านกล้องดิจิตอล

ส่วนด้านกล้องดิจิตอล Xiaomi Mi 5 Pro ต้องบอกว่าจัดเต็มเลยทีเดียว เริ่มจากความละเอียด 16 ล้านพิกเซลพร้อมด้วยไฟแฟลช 2 ดวง และเทคโนโลยีไฮไลท์สองจุดคือการโฟกัสภาพแบบ PDFA ที่นิยมใช้กันในกล้อง DSLR ระบบป้องกันภาพสั่นไหว 4 แกน (4 axis OIS) โดยทางแบรนด์เลือกใช้คำว่า Super Stable หรือสุดยอดของความมั่นคงอีกทั้งตัวกระจกป้องกันเลนส์ยังใช้วัสดุแซฟไฟร์ในการป้องกันอีกด้วย ทำให้มั่นใจได้ว่าไม่เป็นรอยง่ายๆ แน่นอน

และอีกเทคโนโลยีที่ Xiaomi นำมาประยุกต์ใช้กับการถ่ายภาพเรียกว่า DTI Image enchancement หรือ DTI กล่าวคือจะทำให้ภาพรับแสงได้ดีขึ้น ส่งผลให้ภาพนั้นมีความสวยสว่างเป็นธรรมชาติและลดอาการภาพเบลอ ส่วนด้านการบันทึกวิดีโอก็ความละเอียดสูง 4K 

สุดท้ายกล้องด้านหน้ามาพร้อมความละเอียด 4 ล้านพิกเซล แต่ใช้เซนเซอร์ขนาดใหญ่ 2.0 µm เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรับแสง และถ้าใครชื่นชอบถ่ายแบบหน้าสวยหล่อละก็มีโหมดที่เราคุ้นเคยเหมือนกันคือ Beautify และที่สำคัญการโทรแบบวิดีโอก็ยังสามารถทำได้สูงสุดถึง 3 คน

และ vivo Xplay 5 Elite ก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน ด้วยความละเอียด 16 ล้านพิกเซล แพ็กคู่ด้วยระบบโฟกัส PDFA กับ ไฟแฟลชสองดวง รูรับแสง F/2.0 เซ็นเซอร์ IMX298 ส่วนโหมดการถ่ายภาพก็มีดังต่อไปนี้ Single / Burst / night / Panorama / Sports Stabilizer โดยสามารถบันทึกวิดีโอความละเอียดระดับ 4K ซึ่งสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวยังมีเทคโนโลยีป้องกันภาพสั่นไหวแบบอิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย (electronic image stabilization) 

ในขณะที่กล้องด้านหน้ามีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.4 

9. ด้านราคาและวันวางจำหน่าย

vivo ก็เปิดราคาวางจำหน่ายออกมาแล้วโดยรุ่นธรรมดามีค่าตัวที่ $565 (ประมาณ 20,xxx บาท) และรุ่น Elite Edition วางจำหน่ายในราคา $655 (ประมาณ 23,xxx บาท) เริ่มวางจำหน่ายที่ประเทศจีนตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคมเป็นต้นไป

Xiaomi Mi 5 Pro ทั้ง 3 เวอร์ชั่นมีตัวเครื่องให้เลือก 3 เฉดสี ได้แก่ สีขาว, สีทอง, และสีดำ เริ่มวางจำหน่ายในประเทศจีนเป็นที่แรกตั้งแต่ 1 มีนาคมนี้เป็นต้นไปราคาเปิดตัวรุ่น Standard edition 1,999 หยวน (10,xxx บาท), High edition 2,299 หยวน (12,xxx บาท) และในรุ่น Pro 2,699 หยวน หรือ (14,xxx บาท) ตามลำดับ

เรียกว่าเป็นสองสมาร์ทโฟนที่น่าจับตามองเลยทีเดียว เพราะมีความแรงและน่าใช้งานไม่น้อย อย่างไรก็ตามในแต่ละรุ่นต่างนั้นก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความชอบและวิจารณญาณของแต่ละ คน และผู้เขียนเองก็เชื่อว่าน่าจะมีรุ่นสองรุ่นสามตามมาอย่างแน่นอนกับ Ram 6GB ตามกระแสกันไป งานนี้คงต้องติดตามกันละครับ จะเป็นแบรนด์ใดกันที่สานต่อ และจะสามารถต่อยอดอะไรได้อีกบ้าง

สุดท้ายขอทิ้งท้ายว่าถ้าหาก vivo นำรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่มาวางจำหน่ายในบ้านเราเมื่อใด จะรีบแจ้งให้ทราบโดยทันทีครับ ส่วนฝั่ง Xiaomi ต้องรอลุ้นผ่านตัวแทนจำหน่ายครับ แต่ส่วนตัวคาดว่ามีมาให้จับจองกันแน่นอน เหมือนกับรุ่น Mi4 ส่วนจะใช้เวลานานเหมือนกันไหม คงต้องรอลุ้น!!

ติดตามข่าวสารมือถือได้ที่
www.facebook.com/siamphonedotcom

ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ

มือถือออกใหม่