กล้องถ่ายภาพ (Action Camera)  |   วันที่ : 24 ธันวาคม 2558

ปรับขนาดตัวอักษร - ก+ก

แชร์

ไอบีเอ็มประกาศวิสัยทัศน์ “ค็อกนิทิฟ บิสสิเนส” มองการตั้งเป้าธุรกิจดิจิทัลไม่ใช่จุดหมายที่แท้จริง แต่เป็นการวางรากฐานสำคัญในการก้าวเข้าสู่ยุคค็อกนิทิฟ พร้อมเปิดตัวกลุ่มธุรกิจให้คำปรึกษาด้านโซลูชั่นค็อกนิทิฟ นำผู้เชี่ยวชาญด้านแมชชีนเลิร์นนิ่ง อนาไลติกส์ขั้นสูง วิทยาศาสตร์และการพัฒนาข้อมูล การบริหารความเปลี่ยนแปลง รวมถึงผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมต่างๆ กว่า 2,000 คน เข้าช่วยธุรกิจให้พร้อมก้าวเข้าสู่ยุคค็อกนิทิฟ

“องค์กรในปัจจุบันตระหนักถึงความสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ของการพยายามรวบรวมข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อวิเคราะห์ออกมาเป็นคุณค่าทางธุรกิจ ร้อยละ 80 ของข้อมูลปัจจุบันเป็นข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง เช่น ภาพ เสียง วิดีโอ หรือแม้กระทั่งการแสดงออกทางอารมณ์ต่างๆ ในโลกโซเชียล ซึ่งซับซ้อนเกินกว่าที่ความสามารถของระบบประมวลผลแบบเดิมจะรับมือได้ โดยเฉพาะเมื่อข้อมูลเติบโตขึ้นอย่างทวีคูณ” นางพรรณสิรี อมาตยกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าว

“การก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลหรือการใช้ประโยชน์จากดิจิทัลกลายเป็นปัจจัยพื้นฐานของโลกธุรกิจไปโดยปริยาย นำสู่วิวัฒนาการของยุคค็อกนิทิฟ คือการที่องค์กรต้องมุ่งสร้างความแตกต่างด้วยการผนึกเทคโนโลยีค็อกนิทิฟเข้ามา เพื่อขยายขีดความสามารถในการเข้าใจข้อมูลรูปแบบต่างๆ มีตรรกะในการวิเคราะห์ การสร้างสมมติฐาน ไปจนถึงการเสนอแนวทางที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และที่สำคัญคือความสามารถในการเรียนรู้จากแหล่งข้อมูลหลากหลายอย่างไม่หยุดยั้ง”

“ค็อกนิทิฟ” คือเทคโนโลยีคอมพิวติ้งรูปแบบใหม่ที่ผสานรวมนวัตกรรมทางด้านอนาไลติกส์ ความสามารถในการประมวลผลข้อมูลที่เป็นภาษามนุษย์ รวมถึงความสามารถของระบบในการเรียนรู้ เข้าใจ และให้เหตุผลได้ด้วยตนเอง โดยไอดีซีคาดการณ์ว่าภายในปี พ.ศ. 2561 ครึ่งหนึ่งของผู้บริโภคจะมีการปฏิสัมพันธ์กับบริการที่มีเทคโนโลยีค็อกนิทิฟอยู่เบื้องหลังอย่างเป็นปกติ

ผลสำรวจชี้ผู้บริหารระดับสูงเล็งนำเทคโนโลยีค็อกนิทิฟเข้าต่อยอดธุรกิจ
ผลสำรวจความคิดเห็นกลุ่มผู้บริหารระดับสูง (C-Suite) ทั่วโลกกว่า 5,000 คน โดยสถาบันการศึกษาคุณค่าทางธุรกิจของไอบีเอ็ม (IBM Institute of Business Value) แสดงให้เห็นถึงปัญหาในการนำข้อมูลมหาศาลมาใช้ ที่กลุ่มธุรกิจต่างๆ กำลังเผชิญ โดยร้อยละ 65 ของผู้บริหารระดับสูงในธุรกิจประกันต่างมองถึงการปรับโมเดลทางธุรกิจ และเกือบร้อยละ 30 มองว่าคุณภาพ ความถูกต้อง และความสมบูรณ์ของข้อมูลที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอต่อการตัดสินใจที่สำคัญๆ ขณะที่ร้อยละ 60 ของผู้บริหารระดับสูงในธุรกิจค้าปลีกยอมรับว่าองค์กรตนยังไม่มีเครื่องมือที่พร้อมสำหรับการส่งมอบประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคลสำหรับลูกค้าอย่างแท้จริง สอดคล้องกับผู้บริหารในธุรกิจการดูแลสุขภาพกว่าครึ่ง ที่มองว่าการไม่สามารถนำข้อมูลมากมายที่มีอยู่ในปัจจุบันมาใช้ประโยชน์ได้ กำลังนำมาซึ่งข้อจำกัดและอุปสรรคในการตัดสินใจสำคัญๆ

ผลสำรวจยังชี้ว่าร้อยละ 95 ของผู้บริหารระดับสูงในธุรกิจประกัน ค้าปลีก และการดูแลสุขภาพ ต่างตั้งเป้าลงทุนนำเทคโนโลยีค็อกนิทิฟมาใช้ในธุรกิจตนในอนาคตอันใกล้นี้ โดยผู้บริหารตระหนักว่าทักษะและความสามารถเชิงเทคนิคของบุคลากรจะเป็นอุปสรรคสำคัญในการนำค็อกนิทิฟมาใช้ ซึ่งมากกว่าความกังวลในเรื่องความปลอดภัยของระบบและข้อมูล นโยบายความเป็นส่วนตัว หรือความพร้อมของเทคโนโลยี

พรรณสิรี เสริมว่า “องค์กรต้องไม่มองธุรกิจค็อกนิทิฟเป็นเรื่องไกลตัว เพราะทุกอย่างที่เป็นดิจิทัลสามารถผนวกความอัจฉริยะของค็อกนิทิฟได้ เราเห็นตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงแล้วกับองค์กรที่เต็มไปด้วยวิสัยทัศน์ทั่วโลก และในประเทศไทยที่โรงพยาบาลบํารุงราษฎร์ ซึ่งไอบีเอ็มเชื่อว่าเรายังจะได้เห็นปรากฏการณ์นี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะขณะนี้ยุคคอกนิทิฟมาถึงแล้ว”

อุตสาหกรรมตื่นตัว นำค็อกนิทิฟเข้าต่อยอดธุรกิจ
ที่ผ่านมา ไอบีเอ็มได้ร่วมกับกลุ่มธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ นำค็อกนิทิฟเข้าเสริมศักยภาพธุรกิจแล้ว อาทิ

  • กลุ่มธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่: มีการนำโซลูชั่นค็อกนิทิฟเข้าวิเคราะห์ข้อมูลจากหลากหลายแหล่ง ตั้งแต่ข้อมูลภูมิอากาศท้องถิ่นไปจนถึงข้อมูลเรียลไทม์จากโซเชียลเน็ตเวิร์ค เพื่อวิเคราะห์เชิงลึกถึงสาเหตุของความต้องการในผลิตภัณฑ์ที่เปลี่ยนไป ช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนการเพิ่มสต็อค กำหนดราคา ตลอดจนคาดการณ์ปริมาณอุปสงค์ได้อย่างแม่นยำ
  • กลุ่มธุรกิจประกัน: มีการนำความสามารถในการสื่อสารเป็นภาษามนุษย์ของโซลูชั่นค็อกนิทิฟ ไปช่วยตอบคำถามและให้คำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ออนไลน์ที่น่าจดจำให้แก่ลูกค้า
  • กลุ่มธุรกิจการดูแลสุขภาพ: มีการเตรียมนำเทคโนโลยีด้านพันธุกรรมเข้าช่วยเพิ่มความสามารถในการรักษามะเร็ง โดยเร่งการวิเคราะห์ดีเอ็นเอเพื่อให้สามารถกำหนดแนวทางการรักษาได้อย่างเจาะจงเฉพาะบุคคล โดยผู้บริหารร้อยละ 84 มองว่าเทคโนโลยีค็อกนิทิฟจะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญของแวดวงการดูแลสุขภาพ
  • กลุ่มธุรกิจการเงิน: มีการนำเทคโนโลยีค็อกนิทิฟเข้าช่วยบริหารความเสี่ยงและให้คำแนะนำด้านการลงทุนแบบเฉพาะบุคคล
  • แวดวงการศึกษา: มีการนำเทคโนโลยีค็อกนิทิฟไปช่วยพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนที่เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน

ไอบีเอ็มผุดกลุ่มธุรกิจให้คำปรึกษาด้านโซลูชั่นค็อกนิทิฟ ช่วยธุรกิจพร้อมก้าวเข้าสู่ยุคใหม่เต็มตัว
ล่าสุด ไอบีเอ็มได้ประกาศตั้งกลุ่มธุรกิจให้คำปรึกษาด้านโซลูชั่นค็อกนิทิฟ นำผู้เชี่ยวชาญของไอบีเอ็มในด้านแมชชีนเลิร์นนิ่ง อนาไลติกส์ขั้นสูง วิทยาศาสตร์และการพัฒนาข้อมูล รวมถึงที่ปรึกษาด้านการบริหารความเปลี่ยนแปลงและผู้เชี่ยวชาญธุรกิจในแต่ละอุตสาหกรรม รวมกว่า 2,000 คน พร้อมดึง “วัตสัน” เทคโนโลยีคอมพิวติ้งที่โดดเด่นหนึ่งเดียวด้วยความสามารถอัจฉริยะในการเข้าใจภาษามนุษย์ เรียนรู้ และให้เหตุผล เข้าเป็นเทคโนโลยีหลัก เตรียมพัฒนาที่ปรึกษาและทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีค็อกนิทิฟอีก 25,000 คนภายในเร็วๆ นี้

วัตสันเป็นผลลัพธ์จากการลงทุน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐของไอบีเอ็ม เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีค็อกนิทิฟสำหรับธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยในปีที่ผ่านมา ไอบีเอ็มยังได้ประกาศจับมือกับแอปเปิล ทวิตเตอร์ เดอะเวเธอร์แชนแนล และเฟซบุ๊ค เพื่อทวีความสามารถในการถอดรหัสและนำข้อมูลมหาศาลมาเสริมความแข็งแกร่งแก่ธุรกิจทั่วโลก

ติดตามข่าวสารมือถือได้ที่
www.facebook.com/siamphonedotcom

ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ

มือถือออกใหม่