สมาร์ทโฟน (Smartphone)  |   วันที่ : 14 สิงหาคม 2558

ปรับขนาดตัวอักษร - ก+ก

แชร์

เรียกได้ว่าปีนี้ Samsung จัดเต็มเรื่องการปล่อยสมาร์ทโฟนลงสู่ตลาดเลยจริงๆ หลังจากต้นปีได้เปิดตัวคู่หูสมาร์ทโฟนในซีรีย์ S ไป และล่าสุดก็ยังเผยโฉมรุ่น Note ออกมาด้วยเช่นกัน โดยมาถึงรุ่นที่ 5 แล้ว เพราะฉะนั้นเราจะไปหาคำตอบกันสักหน่อยว่าทั้งสองรุ่นระหว่าง Note 4 กับ Note 5 นั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร...?

ขนาดตัวเครื่อง และนํ้าหนัก

ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเมื่อรุ่นใหม่อย่าง Samsung Galaxy Note 5 มีความบางมากกว่า และนํ้าหนักที่เบากว่าคือ 153.2 x 76.1 x 7.6 มิลลิเมตร นํ้าหนัก 171 กรัม ในขณะที่ Note 4 มีขนาดตัวเครื่อง 153.5 x 78.6 x 8.5 มิลลิเมตร นํ้าหนัก 176 กรัม

ระบบปฏิบัติการ

โดย Samsung Galaxy Note 5 ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 5.1 ครอบทับด้วย TouchWiz UI ซึ่งจะปรับปรุงเรื่องความเสถียร รวมถึงช่วยให้ใช้งานไหลลื่นมากกว่าเดิม นอกจากนี้ยังเข้าใช้งานกล้องดิจิตอลได้รวดเร็ว โดยการกดที่ปุ่ม Home สองครั้ง ส่วน Note 4 ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่น 4.4 ครอบทับด้วย TouchWiz UI 

ด้านดีไซน์

โดย Note 5 ถือว่าได้เพิ่มระดับความหรูหราไปอีกขั้นด้วยการเลือกใช้วัสดุกระจกทั้งด้านหน้าด้านหลัง แทนที่พลาสติกในรุ่น Note 4 และส่วนของขอบตัวเครื่องยังคงเป็นโลหะ แต่จะให้ความรู้สึกที่พรีเมี่ยมกว่า ทั้งนี้รายละเอียดของด้านอื่นๆ มีดังต่อไปนี้

ด้านบนหน้าจอ จะมีกล้องดิจิตอล 5 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง f/1.9 ที่ขยับเข้าใกล้ลำโพง ในขณะที่เซ็นเซอร์ถูกขยับไปที่ด้านซ้ายของลำโพง

ด้านล่างหน้าจอ เช่นเคยก็จะมีปุ่มควบคุมเหมือน Note 4 ทุกประการคือ ปุ่ม Home, ปุ่ม Recent App และปุ่ม Back แต่ความแตกต่างคือการสแกนลายนิ้วมือจะเป็นแบบในรุ่น S6 หมดปัญหาเรื่องการสแกนที่ล้มเหลว

ด้านบน จากเดิมที่เป็นรูเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ไมค์ตัดเสียงรบกวน และพอร์ต IR ใน Note 4 ก็จะถูกปรับเปลี่ยนเป็นช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Nano-Simcard และไมค์ตัดเสียงรบกวน

ด้านล่าง ก็จะมีรูเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, พอร์ต MicroUSB 2.0, ลำโพง, ไมค์สำหรับบันทึกเสียง และช่องใส่ปากกา 

ด้านซ้าย ก็จะมีปุ่มเพิ่ม/ลด ระดับเสียง แต่ตัวปุ่มนั้นจะถูกแยกออกจากกัน ไม่เป็นหนึ่งปุ่มใหญ่เหมือน Note 4

ด้านขวา มีปุ่มล็อค/ปลดล็อค/เปิด/ปิด เครื่อง เหมือนกับ Note 4 แต่จะมีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อย

ด้านหลัง โดยขอบตัวเครื่องมีความโค้งมน เพื่อให้สอดรับกับฝามือ เวลาใช้งานมือเดียว นอกจากนี้ก็มีกล้องดิจิตอลความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/1.9 อย่างไรก็ดีตำแหน่งของไฟแฟลช LED และเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ถูกย้ายไปอยู่ที่ด้านขวาของกล้องแทน ในขณะที่ลำโพงจะไม่ปรากฏที่ด้านหลังอีกต่อไปเหมือนกับ Note 4

ด้านหน้าจอ

ทั้งสองรุ่นจะมีหน้าจอขนาดกว้าง 5.7 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 1440 x 2560 พิกเซล หรือ QHD โดยมีความหนาแน่นต่อพิกเซลอยู่ที่ 515ppi

ปากกา S-Pen

สำหรับความแตกต่างเรื่องของปากกา S-Pen ของทั้งสองรุ่นคือ Note 5 จะมีความเพรียวบาง ใช้วัสดุโลหะในการผลิต ซึ่งจะให้ความรู้สึกพรีเมี่ยม และได้ออกแบบให้ผู้ใช้งานเมื่อจับจะให้ความรู้สึกเหมือนกับปากกา สามารถขีดเขียนได้อย่างคล่องตัวรวดเร็วด้วยค่าการทำงานที่เพิ่มขึ้น 90ms (Note 4 มีค่า 74ms) และจุดที่น่าสนใจคือการที่สามารถขีดเขียนอะไรก็ได้บนหน้าจอ โดยที่ไม่ต้องปลดล็อคให้ยุ่งยากอีกต่อไป

ไฮไลท์สำคัญ : แค่เพียงกดที่หัวของปากกาก็จะเด้งออกมาให้หยิบโดยอัตโนมัติ โดยที่ไม่ต้องไปงัดแงะเหมือนกับ Note 4

ฮาร์ดแวร์ (CPU, GPU, Ram, Rom และแบตเตอรี่)

สำหรับ Note 5 โดยรวมมีการยกเครื่องฮาร์ดแวร์ให้สามารถทำงานได้รวดเร็ว และไหลลื่นขึ้น รวมถึงประหยัดพลังงานจากการใช้ชิปเซ็ต Exynos 7420 ขนาด 14 นาโนเมตร แบ่งการประมวลผลออกเป็น 8 แกน (Cortex A57 4แกน 2.1GHz + Cortex A53 4 แกน 1.5GHz)

โดยจะมี Ram ประเภท LPDDR4 ขนาด 4GB ซึ่งมีหน่วยความจำ 2 เวอร์ชั่นคือ 32/64GB พร้อมทั้งสามารถถ่ายโอนข้อมูลความเร็วสูงด้วยเทคโนโลยี UFS 2.0 storage ไม่มีการรองรับ microSD card โดยมีแบตเตอรี่ 3,000 mAh (ถอดออกไม่ได้) และรองรับการชาร์จแบบไร้สายที่จะสามารถชาร์จจาก 0 - 100% เต็มเพียง 2 ชั่วโมง รวมถึงการชาร์จแบบ Fast charging ก็ใช้ระยะเวลา 90 นาทีเท่านั้น

ส่วน Note 4 เป็นชิปเซ็ตขนาด 20 นาโนเมตร ซึ่งใช้รุ่น Exynos 5433 CPU Octa-core ความเร็ว 1.9GHz, Ram 3GB, ROM 32 GB รองรับการใช้งาน MicroSD Card สูงสุด 128 GB และแบตเตอรี่ขนาดความจุ 3,220 mAh (ถอดออกได้) 

ระบบเชื่อมต่อ 

จะมีความแตกต่างตรงที่ WiFi รองรับความเร็วการดาวน์โหลดสูงกว่าคือ 620Mbps แบบ MIMO (2x2) ส่วน Bluetooth ก็เป็นเวอร์ชั่น 4.2 และการเชื่อมต่อข้อมูลไร้สายความเร็วสูงอย่าง 4G LTE คือ Cat 6 กับ Cat 9

กล้อง 

ด้านหลัง Note 5 มาพร้อมความละเอียด 16 ล้านพิกเซลเช่นเดียวกับ Note 4 แต่จะมีรูรับแสงที่น้อยกว่าคือ f/1.9 ทำให้ถ่ายภาพในพื้นที่สภาวะพื้นที่แสงน้อยทำได้ดีขึ้นกว่าเดิม ไฮไลท์สำคัญคือการบันทึกวีดีโอแบบถ่ายทอดสดความละเอียด FullHD ลง YouTube ได้เลย และส่วนด้านหน้าก็เพิ่มความละเอียดขึ้นมาอีกเล็กน้อยคือ 5 ล้านพิกเซล เช่นเดียวกับรูรับแสงที่น้อยกว่าเดิม f/1.9

จุดเด่นอีกหนึ่งอย่างสำหรับผู้รักเสียงเพลง

Samsung Galaxy Note 5 ใช้ชิปเซ็ตการขับพลังเสียงแบบ Ultra High Quality Audio ทำให้เสียงมีความคงที่ แม่นยำกว่าเดิม (Richer Sound) และยังใช้ได้ผลกับอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ที่เชื่อมต่อโดย Bluetooth อาทิ หูฟัง, ลำโพง เป็นต้น

เรียกได้ว่ามีการอัพเกรดจากรุ่นเดิมไปมากเลยทีเดียว และในส่วนของราคาก็มีการประกาศออกมาเรียบร้อยแล้ว โดยสามารถสัมผัสตัวจริงได้ที่ Samsung shop ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป

ติดตามข่าวสารมือถือได้ที่
www.facebook.com/siamphonedotcom

ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ

มือถือออกใหม่