สมาร์ทโฟน (Smartphone) | วันที่ : 13 สิงหาคม 2558
โดยหลังจากที่มีข่าวลือหลุดออกมาเกี่ยวกับสองสมาร์ทโฟนรุ่นท๊อปของแบรนด์สัญชาติเกาหลีใต้ "Samsung" อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดวันนี้ก็เผยโฉมออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว และก็เป็นไปตามที่คาดไว้ว่าจะเปิดตัวสองรุ่น ได้แก่ Galaxy Note 5 และ Galaxy S6 edge+ ส่วนรายละเอียดสเปกเบื้องต้นของทั้งคู่จะมีดังต่อไปนี้
เริ่มกันที่ Samsung Galaxy Note 5
ด้านดีไซน์
เรียกได้ว่าการเปิดตัวในครั้งนี้ทาง Samsung ตั้งใจให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสประสบการณ์ความหรูหรา เพิ่มระดับพรีเมี่ยมอีกขั้น โดยเลือกใช้วัสดุกระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ส่วนของขอบตัวเครื่องจะเป็นแบบโลหะโค้งงอเล็กน้อย เพื่อให้สอดรับกับฝามือ นอกจากนี้ฝาหลังยังรองรับเทคโนโลยีการชาร์จไร้สาย (Wireless Charging) และเช่นเคยแบตเตอรี่จะถอดออกไม่ได้
ส่วนของปากกา S-Pen
จะตอบสนองการทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยมีค่าการทำงานอยู่ที่ 90ms จากเดิมในรุ่น Note 4 อยู่ที่ 74ms อีกทั้งยังพวงด้วยฟีเจอร์ Air Command ให้ใช้งานได้สะดวกคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ตามไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งาน นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่า favourite คือการเข้าโหมดที่ต้องการได้ทันที เมื่อชักปากกาออกมา หรือการจดโน๊ตต่างๆ ได้โดยที่ไม่ต้องปลดล็อคหน้าจอแล้ว อีกทั้งสามารถบันทึกภาพเดียวได้ต่อกันยาวๆ ทำให้รายละเอียดที่ได้ครบถ้วน
ไฮไลท์สำคัญ : แค่เพียงกดที่หัวของปากกาก็จะเด้งออกมาให้หยิบโดยอัตโนมัติ โดยที่ไม่ต้องไปงัดแงะแต่อย่างใด
ขนาดตัวเครื่อง, นํ้าหนัก และระบบปฏิบัติการ
Samsung Galaxy Note 5 มาพร้อมตัวเครื่องขนาด 153.2 x 76.1 x 7.6 มิลลิเมตร โดยมีนํ้าหนัก 171 กรัม ซึ่งรันบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่น 5.1 ครอบทับด้วย TouchWiz
หน้าจอ
Samsung Galaxy Note 5 จะมีหน้าจอชนิด Super AMOLED ขนาดกว้าง 5.7 นิ้ว โดยมีความละเอียดอยู่ที่ระดับ 2K หรือ 1440 x 2560 พิกเซล ส่วนความหนาแน่นต่อพิกเซลคือ 518ppi
ฮาร์ดแวร์ (CPU, GPU, Ram, Rom และแบตเตอรี่)
Samsung Galxy Note 5 ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Exynos 7420 ซึ่งผลิตด้วยเทคโนโลยีขนาด 14 นาโนเมตร (FinFET process) โดยขับเคลื่อนด้วย 8 แกนประมวลผล หรือ CPU Octa-core (Cortex A57 4แกน 2.1GHz + Cortex A53 4 แกน 1.5GHz)
นอกจากนี้ยังสามารถทำงานแบบ Mutitasking ได้อย่างไหลลื่นด้วย Ram 4GB (LPDDR4) และส่วนหน่วยความจำภายในแบ่งออกเป็น 2 เวอร์ชั่นคือ 32/64GB พร้อมทั้งสามารถถ่ายโอนข้อมูลความเร็วสูงด้วยเทคโนโลยี UFS 2.0 storage ไม่มีการรองรับ microSD card
ด้านแบตเตอรี่จะมีขนาดความจุลดลงเล็กน้อยคือ 3,000 mAh และยังรองรับการชาร์จแบบไร้สายตั้งแต่แกะกล่อง รวมถึงการชาร์จแบบ Fast charging
ระบบเชื่อมต่อ
โดย Galaxy Note 5 จะมีระบบเชื่อมต่อดังต่อไปนี้ 3G, 4G LTE, dual-channel Wi-Fi, Wi-Fi Direct, Wi-Fi hotspot, NFC, Bluetooth 4.2, GPS+Glonass, microUSB v2.0, Fingerprint Scanner
กล้อง
Samsung Galaxy Note 5 มีกล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล + ระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS) + ออโต้โฟกัส + ไฟแฟลช LED โดยจะมีรูรับแสงอยู่ที่ f/1.9 ซึ่งสามารถบันทึกวีดีโอความละเอียด 4K หรือว่าผู้ใช้สามารถทำการบันทึกวีดีโอแบบถ่ายทอดสดลง YouTube ที่ความละเอียด FullHD (Livestream 1080p to YouTube) ได้อีกด้วย นอกจากนี้ส่วนของด้านหน้ามีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และมีรูรับแสง f/1.9
เฉดสี
Samsung Galaxy Note 5 มีเฉดสีวางจำหน่ายด้วยกัน 4 สีได้แก่ Black Sapphire, White Pearl, Gold Platinum และSilver Titanium
สรุปสเปกสมาร์ทโฟนรุ่น Samsung Galaxy Note 5 มีดังต่อไปนี้
ลำดับต่อไปคือ Samsung Galaxy S6 edge+
ด้านดีไซน์
ยังคงเลือกใช้ขอบโลหะ ส่วนด้านหลังและด้านหน้าใช้วัสดุกระจก และยังคงเสน่ห์หน้าจอโค้งทั้งสองด้าน (dual-curved)
ขนาดตัวเครื่อง, นํ้าหนัก และระบบปฏิบัติการ
Samsung Galaxy S6 edge+ มีตัวเครื่องขนาด 154.4 x 75.8 x 6.9 มิลลิเมตร นํ้าหนัก 153 กรัม รันบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่น 5.1
ด้านหน้าจอ
Samsung Galaxy S6 edge+ มาพร้อมหน้าจอขนาดกว้าง 5.7 นิ้ว ความละเอียด 1440 x 2560 พิกเซล แบบ Super AMOLED และยังใช้เทคโนโลยี sRGB color spectrum chart เพื่อให้สีที่ถูกต้องแม่นยำ โดยจะมีความหนาแน่นต่อพิกเซลอยู่ที่ 515ppi
ฮาร์ดแวร์ (CPU, GPU, Ram, Rom และแบตเตอรี่)
Samsung Galaxy S6 edge+ ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Exynos 7420 CPU Octa-core แบ่งการประมวลผลออกเป็น 8 แกน (4 แกน Cortex-A53 1.5GHz และ 4แกน Cortex-A57 2.1GHz), GPU Mali-T760MP8, RAM LPDDR4 ขนาด 4GB, หน่วยความจำภายใน 32/64GB ไม่รองรับ MicroSD Card ส่วนแบตเตอรี่มีความจุ 3,000 mAh
ระบบเชื่อมต่อ
Samsung Galaxy S6 edge+ มีระบบเชื่อมต่อดังต่อไปนี้ 3G, 4G LTE, dual-channel Wi-Fi, Wi-Fi Direct, Wi-Fi hotspot, NFC, Bluetooth 4.2, GPS+Glonass, microUSB v2.0, Fingerprint Scanner
กล้อง
Samsung Galaxy S6 edge+ มีกล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล + ระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS) + ออโต้โฟกัส + ไฟแฟลช LED โดยจะมีรูรับแสงอยู่ที่ f/1.9 ส่วนด้านหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง f/1.9
การบันทึกวีดีโอ
โดยจะบันทึกวีดีโอความละเอียดระดับ 4K หรือว่าผู้ใช้สามารถทำการบันทึกวีดีโอแบบถ่ายทอดสดลง YouTube ที่ความละเอียด FullHD (Livestream 1080p to YouTube) ได้เช่นกัน
เฉดสี
โดยจะมี 4 สีวางจำหน่าย คือ White Pearl, Black Sapphire, Gold Platinum และ Silver Titanium
หมายเหตุ : ขอขอบคุณภาพประกอบเนื้อหาข่าวจาก Phonearena.com และ GSMarena.com
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
วันที่ : 13 สิงหาคม 2558
Samsung Galaxy S25 Series สรุปข่าวลือล่าสุดก่อนเปิดตัวต้นปี 2025
Samsung Galaxy S25 Slim สุดยอดกล้องระดับไฮเอนด์ในตัวเครื่องที่บางเฉียบ
Samsung Galaxy A16 จอ FHD+ Super AMOLED ใหญ่ชัดเสมือนจริง กล้อง Triple camera แบตยาวนานขึ้น
Samsung Galaxy S25 Ultra มาแน่! พร้อมตัวเลือกสีสุดอลังการถึง 7 เฉด
Samsung เปิดตัวสมาร์ทโฟนพับรุ่นพิเศษ Galaxy W25 และ W25 Flip ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคระดับพรีเมียมใ...
ทำความรู้จัก Samsung Galaxy A16 5G อัปเดต OS นาน 6 ปี นานที่สุดที่เคยมีมา เคาะราคาไทยแล้ว!
HONOR X9c Smart สมาร์ทโฟนกล้องหลังคู่ 108MP ชิปเซ็ต Dimensity 7025-Ultra
ROG Phone 9 Series กับฟังก์ชัน AniMe Vision display และลูกเล่น AI เกมมิ่งฟีเจอร์แบบจัดเต็ม
Blackview Active 10 Pro มาแล้ว! แท็บเล็ต 5G แบตฯ อึด กล้องเทพ ลดแรงแค่ 7 วันเท่านั้น!
ทำความรู้จัก HONOR 200 Smart 5G หน้าจอ 120Hz ทนน้ำทนฝุ่น IP64 กล้องหลัง 50MP AI Motion Sensing
OPPO Find X8 Series สมาร์ทโฟนแฟลกชิปพลัง AI ซูมไกล 120 เท่า ด้วย AI Telescope Zoom