วันที่ 28 กรกฏาคมที่ผ่านมา เป็นอีกหนึ่งวันที่มีไฮไลท์สำคัญเกิดขึ้นในวงการสมาร์ทโฟน ด้วยการที่ค่ายจากประเทศสหรัฐอเมริกานามว่า Motorola ได้เปิดตัว "Moto X Style" หนึ่งในสามรุ่นที่เป็นรุ่นท๊อป ส่วนอีกหนึ่งค่ายก็คือ OnePlus จากประเทศจีน ได้เผยโฉมทายาทรุ่นที่สองออกมาเรียบร้อยแล้วเช่นกัน และที่สำคัญสื่อต่างประเทศก็หยิบยกประเด็นมาถกเถียงกันว่ารุ่นไหนกันแน่ที่คู่ควรกับฉายา Flagship Killer เพราะฉะนั้นเรามาลองเปรียบเทียบกันสักหน่อย.....?

ด้านขนาดตัวเครื่อง และนํ้าหนัก


ระบบปฏิบัติการ

ด้านดีไซน์
เริ่มกันที่ OnePlus 2 กันก่อน โดยขอบตัวเครื่องทำมาจากวัสดุแมกนีเซียมผสมอลูมิเนียมอัลลอย ส่วนมุมทั้ง 4 ด้านมีลักษณะเป็นเหลี่ยม ในขณะที่ฝาหลังจะมีเพียงสีดำเท่านั้น แต่ก็สามารถเลือกถอดเปลี่ยนตามสไตล์ของตนเอง (StyleSwap) อาทิ Sandstone Black, Bamboo, Rosewood, Black Apricot และ Kevlar ทว่าผู้ใช้งานไม่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้

ส่วนด้านบนเป็นรูไมค์ตัดเสียงรบกวน ถัดไปเป็นรูแจ็คขนาด 3.5 มิลลิเมตร ในขณะที่ด้านล่างตัวเครื่องมีช่องลำโพงอยู่ที่ด้านซ้ายและขวา ตรงกลางเป็นพอร์ตเชื่อมต่อ USB Type - C
ด้านซ้ายมีปุ่มพิเศษที่เรียกว่า “Alert Slider” คอยทำหน้าที่เป็นปุ่มลัดช่วยอำนวยความสะดวกการใช้งาน โดยมีสเต็ปการใช้ 3 แบบคือ เปิดทุกการแจ้งเตือน, เปิดโหมดการใช้งานส่วนตัว และเปิดโหมดเงียบ ในขณะที่ด้านขวามีปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง และปุ่มล็อค/ปลดล็อค/เปิด/ปิดเครื่อง

ต่อไปมาดู Moto X Style กันบ้าง โดยขอบก็ทำจากโลหะเช่นกัน และตัวเครื่องมีลักษณะโค้งงอเล็กน้อย เพื่อให้สอดรับกับฝ่ามือ ส่วนฝาหลังเราก็สามารถเลือกออกแบบที่ Moto Maker ถึง 17 แบบ ส่วนด้านบนหน้าจอมีรูแจ็คขนาด 3.5 มิลลิเมตร ถัดไปเป็นช่องใส่ซิมการ์ดและ MicroSD Card ขณะที่ด้านล่างเป็นพอร์ต Micro USB

ส่วนปุ่มควบคุมการทำงานจะมี 3 ปุ่ม และอยู่บนหน้าจอ หรือ On Screen ในขณะที่ด้านขวามีปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง และปุ่มล็อค/ปลดล็อค/เปิด/ปิดเครื่อง นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมีคุณสมบัติกันน้ำที่สาดหรือหกมาโดนอย่างไม่ตั้งใจ (Splash-Resistant) ตามมาตรฐาน IP52

หน้าจอ
OnePlus 2 มีหน้าจอชนิด LTPS-LCD กว้าง 5.5 นิ้ว ความละเอียด FullHD (401ppi) พร้อมปกป้องหน้าจอด้วย Corning Gorilla Glass 4 ในขณะที่ Moto X Style ใช้หน้าจอแบบ TFT-LCD โดยมีขนาดกว้าง และความละเอียดมากกว่าคือ 5.7 นิ้ว (QHD) ซึ่งมีความหนาแน่นต่อพิกเซลอยู่ที่ 520ppi แต่ปกป้องหน้าจอด้วย Corning Gorilla Glass 3


ฮาร์ดแวร์ (หน่วยประมวลผล, GPU, Ram, Rom, แบตเตอรี่)
OnePlus 2 เลือกใช้ชิปเซ็ตประมวลผลตัวท๊อปสุดแรง Snapdragon 810 ซึ่งเชื่อว่าหลายคนอาจเคยได้ยินข่าวคราวของความร้อนของชิปเซ็ตรุ่นดังกล่าวมาบ้าง แต่ไม่ต้องกังวลไปเพราะทาง CEO ออกมายืนยันด้วยตนเองแล้วว่าจะไม่มีปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้น รายละเอียดของสเปกมีดังนี้
ขอบคุณวีดีโอประกอบเนื้อหาบทความจาก OnePlus
Moto X Style มาพร้อมชิปเซ็ตประมวลผลตัวรอง Snapdragon 808 โดยมีรายละเอียดของสเปกดังต่อไปนี้

ระบบเชื่อมต่อ
OnePlus 2 สามารถใช้งานได้สองซิมการ์ด (Nano SIM) และสแตนบายการใช้งาน 4G LTE ได้พร้อมกัน, Bluetooth 4.1, GPS+GLONASS, Digital Compass, Dual-band Wi-Fi (2.4GHz 802.11b/g/n และ 5GHz 802.11a/n/ac), Wi-Fi Direct, DLNA, hotspot, ระบบสแกนลายนิ้วมือ และ USB Type-C ส่วนคลื่นความถี่ของเครือข่ายมีดังต่อไปนี้
Moto X Style สามารถใช้งานได้แค่เพียงซิมการ์ดเดียวเท่านั้น (Nano SIM) รองรับเครือข่ายไร้สาย 4G LTE, Bluetooth 4.1, GPS+GLONASS, NFC, WiFi 802.11a/g/b/n/ac + MIMO ในขณะที่คลื่นความถี่การใช้งาน เรียกได้ว่าทั่วโลกเลยทีเดียว

กล้อง
One Plus 2 ด้านหลังมีกล้องดิจิตอลความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ซึ่งประกอบด้วยเลนส์ 6 ชิ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการบิดเบือนและความผิดปกติของสี โดยมีรูรับแสง f/2.0, ระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS), Laser Auto Focus สามารถจับภาพได้ในระยะเวลาไม่เกิน 0.2 วินาที, ตรวจจับใบหน้า และไฟแฟลชคู่ LED ส่วนการบันทึกวิดีโอทำได้ความละเอียดสูงสุด 4K
ตัวอย่างภาพถ่าย



ส่วน Moto X Style ในเรื่องของความละเอียดนั้นกินขาด เพราะมาพร้อมกล้อง 21 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายภาพได้ขนาดสูงสุด 5248 x 3936 พิกเซล แต่น่าเสียดายที่ไม่มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ อาทิ Phase Detection Autofocus, ไฟแฟลชคู่ LED, ตรวจจับใบหน้า, บันทึกวีดีโอความละเอียด 4K เป็นต้น
ตัวอย่างภาพถ่าย



การบันทึกวีดีโอความละเอียด 4K
อย่างไรก็ดีทั้งคู่ก็มีกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซลเท่านั้น แต่ Moto X Style จะมีในส่วนของไฟแฟลชเข้ามา ในขณะที่ OnePlus 2 ไม่มีไฟแฟลช

ราคา
สำหรับ OnePlus 2 มีราคาเริ่มต้นในรุ่น 16GB อยู่ที่ 16GB อยู่ที่ $329 (ประมาณ 11,500 บาท) ในขณะที่รุ่น 64GB อยู่ที่ $389 (ประมาณ 13,560 บาท) และสำหรับ Moto X Style เริ่มต้น $399.99 (ประมาณ 13,940 บาท)

สรุปผลการต่อสู้ของสมาร์ทโฟนสเปกจัดเต็ม ราคาประหยัดของทั้งสองรุ่นพบว่า...?
ถ้าพูดถึงในเรื่องของการประมวลผล OnePlus 2 ก็ทำได้ดีกว่าเพราะใช้ชิปเซ็ตประมวลผลรุ่นท๊อปสุด แต่ยังคงมีข้อเสียอยู่ที่ไม่มีระบบ NFC ที่ในปัจจุบันกลายเป็นฟีเจอร์สำคัญไปแล้ว สำหรับการใช้งาน Mobile Playment หรือเชื่อมต่ออุปกรณ์ความบันเทิงต่างๆ เช่นเดียวกับหน้าจอ และกล้องที่มีความละเอียดน้อยเกินไป รวมถึงแบตเตอรี่ที่ไม่มีระบบการชาร์จเร็ว
ส่วนของ Moto X Style ถือว่ากลับมาคราวนี้น่าสนใจไม่น้อย ซึ่งถ้าเป็นในเรื่องของแฟชั่นคงต้องยกนิ้วให้ เพราะเราสามารถออกแบบสมาร์ทโฟนคู่ใจของเราได้ไม่ซํ้าใคร แต่ดันไม่มีเรื่องระบบสแกนลายนิ้วมือ อีกทั้งสามารถใช้งานได้ซิมการ์ดเดียว และ Ram ที่มีมาให้ 3GB เท่านั้น
สุดท้ายเพื่อนๆ คิดว่าสมาร์ทโฟนรุ่นใดกันครับ ที่ควรได้รับฉายา Flagship Killer กันแน่นะ....?
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
วันที่ : 1 สิงหาคม 2558
Samsung Galaxy A07 5G โผล่ทดสอบ Geekbench! ใช้ชิปเซ็ต Dimensity 6300 พร้อมรัน Android 16 ตั้งแต่แ...
OPPO Reno 15c สมาร์ตโฟนชิปเซ็ต Snapdragon 7 Gen 4 กล้องหลัง 3 ตัว Sony LYT-600
Xiaomi 17 Ultra รุ่น Global โผล่ฐานข้อมูล FCC! ยืนยันมาแน่ พร้อม HyperOS 3 และกล้อง Periscope 200MP
Samsung เปิดตัว 60W Power Adapter เตรียมการ Galaxy S26 Series และอุปกรณ์อื่นๆ ในปี 2026
realme เปิดแคมเปญส่งท้ายปี real Festive Deals – Year End Sale จัดโปรแรงส่งท้ายปี
OPPO Find X9 Pro เรือธงกล้องเทพ Hasselblad ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9500 ความสว่างหน้าจอ 3600ni...
iPhone 17 Series ต้องมี! สัมผัสความใสขั้นสุดพร้อมการปกป้องระดับ 9H+ ด้วยกระจกกันรอย Bull Armors
สมาร์ตโฟนรุ่นเล็กสเปคแรง สำหรับนักเรียน-นักศึกษา เริ่มต้นแค่ 3,000 บาท ประจำเดือนพฤศจิกายน 2025
Samsung Galaxy Tab A11+ และ A11 แท็บเล็ตใช้งานทั่วไป ในราคาไม่ข้ามหมื่นบาท
OnePlus 15R และ OnePlus Pad Go 2 ประกาศวันเปิดตัว พร้อมบอกสเปคบ้างส่วนบนหน้าเว็บไซต์
vivo Y31 5G สมาร์ตโฟน 5G รุ่นทนทานยันแบตเตอรี่ เริ่มวางขายในประเทศไทย