ในโลกมือถือปัจจุบันการเชื่อมต่อที่รวดเร็วและเชื่อถือได้เกือบจะกลายเป็นของปกติธรรมดา แต่ในบางครั้งบางสถานที่ เมื่อเราหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาใช้งานกลับพบว่าเครือข่ายที่ใช้งานอยู่นั้นมีความเร็วไม่เพียงพอ สัญญาณขาดหาย เข้าถึงอินเทอร์เน็ตยากเหลือแต่สัญญาณเครือข่ายของผู้ให้บริการค่ายอื่นซึ่งไม่สามารถเข้าใช้งานได้ หรือบางสถานการณ์อื่นๆ อย่างเช่นการลืมโทรศัพท์ไว้ในรถทำให้ไม่สามารถรับสายและข้อความที่เข้ามาได้แม้จะมีแท็บเล็ตหรือแล็ปท็อปอยู่ข้างกายก็ตาม
ปัญหาเหล่านี้เป็นที่มาให้ Google เปิดตัว Project Fi อย่างเป็นทางการ โดยโปรเจคดังกล่าวเริ่มใช้งานแล้วที่อเมริกาซึ่ง Google ทำให้ตัวเองกลายเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายเสมือน MVNO (Mobile Virtual Network Operator) โดยร่วมมือกับสองผู้ให้บริการเครือข่ายรายใหญ่ในสหรัฐอย่าง Sprint และ T-Mobile
Project Fi เครือข่ายมือถือที่ Google นำมาให้บริการ มีข้อดีและแตกต่างกับเครือข่ายอื่นอย่างไร ?
1. ช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงการเชื่อมต่อเครือข่ายที่มีคุณภาพสูงที่สุด
Project Fi มีเป้าหมายที่จะให้ผู้ใช้งานได้ใช้เครือข่ายที่ดีที่สุดไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ซึ่งเครือข่ายที่ดีที่สุดในจุดที่ใช้งานอยู่ ณ เวลานั้น อาจจะเป็น Wi-Fi hotspot หรือ 4G LTE จากผู้ให้บริการในประเทศนั้น ซึ่ง Google ได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่มาพร้อมกับ Project Fi ช่วยผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายที่พร้อมใช้งานและเร็วที่สุดในเวลานั้นโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ Google ยังได้ติดตั้งจุดให้บริการ Wi-Fi Hotspot เพิ่มกว่า 1 ล้านจุด
2. เบอร์เดียวใช้ได้ทุกอุปกรณ์
Project Fi จะช่วยให้การโทรและส่งข้อความลงตัวขึ้นกว่าเดิมโดยไม่ยึดติดกับประเภทของเครือข่ายหรือประเภทของอุปกรณ์ที่ใช้งาน ซึ่งหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้เครือข่าย Project Fi จะถูกจัดเก็บอยู่ในระบบคลาวด์ มีซิมหลักสำหรับติดตั้งใช้งานบนอุปกรณ์สมาร์ทโฟนแต่สามารถใช้บัญชี Google ผูกกับอุปกรณ์เครื่องอื่น ทำให้ผู้ใช้งานสามารถพูดคุย รับสายหรือรับ-ส่งข้อความจากอุปกรณ์อื่นๆ เครื่องใดก็ได้ (Tethered devices) ซึ่งรองรับทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต แล็ปท็อป
3. รูปแบบการคิดค่าบริการที่ง่ายที่สุด
Project Fi ช่วยให้ผู้ใช้งานหมดกังวลกับแผนการจ่ายค่าอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์ โดยมีแพ็คเกจ Fi Basics ราคา $20 (ประมาณ 650 บาท) ต่อเดือน ผู้ใช้งานจะได้รับบริการพื้นฐานทั้งหมด (การโทร ส่งข้อความ Wi-Fi Hotspot ทั้งในอเมริกาและประเทศอื่นๆ ครอบคลุมกว่า 120 ประเทศ) ส่วนแพ็คเกจการใช้งาน data package (3G และ 4G) จะมีราคาดังนี้
ซึ่งจุดเด่นของเครือข่าย Project Fi อยู่ตรงที่ว่าถ้าเดือนไหนใช้งาน data package น้อยกว่าขีดจำกัดของ package ที่ซื้อมาก็จะได้เงินส่วนต่างคืนมาด้วย
เครือข่าย Project Fi เริ่มเปิดให้บริการแล้วที่สหรัฐอเมริกา โดยตอนนี้มีเพียงผู้ใช้งาน Nexus 6 เท่านั้นที่สามารถสมัครใช้บริการเครือข่าย Project Fi ได้ เพราะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มีฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์รองรับกับเทคโนโลยีดังกล่าว ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ fi.google.com
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
ที่มา : googleblog.blogspot.com วันที่ : 23 เมษายน 2558
พาชมโรงงานฐานการผลิตระดับโลก เบื้องหลังความสำเร็จของ OPPO ที่ฉงชิ่ง
HUAWEI FreeArc หูฟังใส่สบายเวอร์ สวมแบบ Open-Ear เสียงดี ไมค์ก็ชัด
Microsoft เตรียมยกเลิกรหัสผ่าน! ผลักดันผู้ใช้กว่าพันล้านคนสู่ระบบ Passkey ภายในสิ้นเดือนเมษายน
Google เลื่อนขาย Pixel 9a เป็นเมษายน เนื่องจากปัญหาคุณภาพชิ้นส่วน
HUAWEI FreeBuds 6 หูฟังไร้สายดีไซน์ Semi-Open มาพร้อมไดรเวอร์คู่และ ANC
vivo V50e กล้องหน้าหลัง 3 ตัว 50MP ใช้ชิปเซ็ต Dimensity 7300
REDMAGIC 10 Air สมาร์ทโฟนดีไซน์ขอบเหลี่ยม หน้าจอ 6.8 นิ้ว ภาพสวยคม FHD+
เปิดตัว OPPO Find X8 Ultra เรือธงกล้องเทพ อัปเกรดรอบด้าน บางสุดในรุ่น!
vivo X200 Ultra เตรียมซูมไกลสุดขีด 8.7 เท่า ด้วยเลนส์เสริมจาก ZEISS
POCO M7 Pro 5G สมาร์ทโฟน 5G กับชิป Dimensity 7025-Ultra อัปเกรดทุกด้าน ราคาคุ้ม
ทำความรู้จัก POCO C71 หน้าจอใหญ่ 120Hz กันน้ำ IP52 อัปเดต OS นาน 2 ปี แบตฯ 5200mAh
Redmi Pad Pro 5G แท็บเล็ตจอใหญ่ที่จบครบทุกความบันเทิงในราคา 13,990 บาท25 เม.ย. 68 15:00