แก็ดเจ็ต (Gadget) | วันที่ : 8 พฤษภาคม 2556
นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ICT เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งประเทศไทยถูกจัดอันดับทางด้านรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Government ลำดับสูงขึ้น และมาอยู่ที่อันดับที่ 20 จากการสำรวจของมหาวิทยาลัย วาเซดะ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการศึกษาเรื่องนี้โดยตรง ทำให้เห็นว่าประเทศไทยมีการพัฒนามาอย่างถูกทาง และทาง ICT กับสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ EGA ได้วางแผนการพัฒนาระบบ e-Government ของประเทศไทยให้มีคุณภาพมากขึ้น โดยทำงานร่วมกับทางมหาวิทยาลัยวาเซดะอย่างเป็นระบบ โดยวางเป้าหมายให้ประเทศไทยขยับอันดับขึ้นมาอยู่ที่ 15 ของโลก
แผนงานที่จะดำเนินการหลังจากนี้คือ การขยายการทำงานของประเทศไทยให้เข้าไปมีบทบาทใน APEC e-Government Research Center โดยมีมหาวิทยาลัยวาเซดะ ประเทศญี่ปุ่นเป็นแกนหลัก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการเพื่อเสนอต่อที่ประชุมอาเซียน โดยบทบาทของไทยผ่าน EGA นั้น จะเข้าไปร่วมวิจัยติดตามและประเมินความก้าวหน้าด้าน IT ของ APEC หรือ e-APEC เพื่อทำให้เกิดการทำงานและเชื่อมต่อกับระบบให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียนได้
นอกจากนั้น กิจกรรมของ APEC e-Government Research Center ยังเตรียมการเพื่อร่วมจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการในประเด็นด้าน e-Government ในการประชุม APECTEL ในครั้งต่อไป ซึ่งจะทำให้ไทยมีบทบาทสำคัญทางด้านไอทีและโทรคมนาคมของภาครัฐในภูมิภาคนี้มากขึ้น รวมถึงกิจกรรมการจัดทำ Data Bank หรือคลังข้อมูลสำหรับ e-Government เพื่อรองรับบรรดาสมาชิกทางด้านเศรษฐกิจ และเข้าไปดูแลด้านการฝึกอบรมในหลักสูตรระยะสั้นๆ ให้แก่ CIO ผ่านระบบออนไลน์
โครงการ APEC e-Government Research Center เกิดจากความร่วมมือด้าน e-Government ขององค์กรด้าน e-Gov หลักจาก 4 ประเทศ คือ Institute of e-Government มหาวิทยาลัยวาเซดะ ประเทศญี่ปุ่น, สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ EGA ประเทศไทย และอีกสองหน่วยคือ Infocom Development Authority of Singapore หรือ IDA และ Chinese Taipei’s Taiwan e-Governance Research Center หรือ TEG นอกจากนั้น ทาง ICT ยังได้เร่งพัฒนาระบบ e-Government ของไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและ EGA ตามดัชนีชี้วัดที่สำคัญทั้ง 7 รายการของ Waseda e-Gov Ranking ตั้งแต่ความพร้อมของเครือข่าย/โครงสร้างพื้นฐาน ที่วัดกันตั้งแต่จำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต บรอดแบนด์ มือถือจนถึงผู้ใช้พีซี โดยในปีนี้โครงการ Super GIN จะทำให้เครือข่ายของ e-Government ภายในประเทศครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศไทย
ส่วนเรื่องประสิทธิภาพในการบริหารจัดการของหน่วยงานว่าทำให้ผู้ใช้ตระหนักรู้ถึงระบบมากน้อยเพียงใด จนถึงการหลอมรวมระหว่างระบบเก่า-ใหม่ และการจัดการด้านงบลงทุนระบบ รวมถึงแอพพลิเคชั่นย่อยๆ และตัวบทกฎหมายที่ควบคุมการใช้อี-กอฟเวิร์นเมนต์ เช่น กฎหมายอาชญากรรมคอมพิวเตอร์, ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์, ระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ และระบบบริการเกี่ยวกับประกันสังคมให้ประชาชน ก็จะมีการพัฒนาโดยหน่วยงานในสังกัดของ ICT มากขึ้น ซึ่งคาดว่าภายในปีนี้จะมีการขยายตัวไปอย่างมาก
นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มระดับช่องทางการสื่อสารบนหน้าโฮมเพจ ศักยภาพของผู้บริหารฝ่ายเทคโนโลยีในภาครัฐ โปรโมชั่นส่งเสริมระบบอี-กอฟเวิร์นเมนต์ จนถึงระบบกลไกที่ทำให้อี-กอฟเวิร์นเมนต์ทำงานได้ประสบความสำเร็จ โดยหลังจากนี้จะมีการจัดกลุ่มหน่วยงานรัฐตามศักยภาพ และจะได้วางแนวทางการพัฒนาแต่ละกลุ่มที่เหมาะสมมากขึ้น ซึ่งในส่วนนี้ทางมหาวิทยาลัยวาเซดะได้เข้ามาเป็นที่ปรึกษาในการกำหนดแนวทางด้วย
สำหรับรายงานล่าสุดในการจัดอันดับการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ในระดับสากล ของ Waseda University International e-Government Ranking 2013 ซึ่งจัดทำโดยสถาบันรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยวาเซดะ ประเทศญี่ปุ่น ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์อยู่ในอันดับที่ 20 จาก 55 ประเทศทั่วโลก เป็นการขยับสูงขึ้น 3 อันดับ จากปี 2555 ที่อยู่ในอันดับ 23 จาก 55 ประเทศ โดยอยู่ในลำดับที่ 2 ของประเทศในภูมิภาคอาเซียนรองจากประเทศสิงคโปร์ และอยู่ในอันดับที่ 9 จาก 20 ประเทศของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปก (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC) จากรายงานดังกล่าวเป็นการสะท้อนถึงความพยายามในการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย ซึ่งทำให้เห็นถึงจุดแข็งที่จะต้องส่งเสริมและจุดอ่อนที่จะต้องแก้ไขและปรับปรุงต่อไป
ในระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารร่วมกับสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ผลักดันงานต่างๆ เพื่อสร้างให้เกิดการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับประเทศไทย ตั้งแต่การศึกษา วิจัย พัฒนา และเสนอแนะแนวทางการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจากการศึกษากรอบแนวคิดการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ในระดับสากล อาทิ การ์ทเนอร์ (Gartner) สถาบันรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยวาเซดะ ประเทศญี่ปุ่น และองค์การสหประชาชาติ เป็นต้น พบว่า แนวโน้มการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ในระดับสากลนั้นได้ให้ความสำคัญกับหลักการ Open Government ซึ่งประกอบไปด้วย 1. ความโปร่งใส (Transparency) 2. การมีส่วนร่วม (Collaboration) และ 3. การมีส่วน (Participation)
ทั้งนี้ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) เห็นว่าประเทศไทยควรมีการกำหนดกรอบแนวคิดการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับประเทศไทย (Thailand e-Government Readiness Framework) เพื่อประโยชน์ในการวางแผน การกำหนดนโยบาย ตลอดจนการดำเนินโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศ นอกจากนั้นแล้วหน่วยงานต่างๆ จะได้ทราบถึงสถานการณ์การพัฒนาด้านรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ของตนเอง และนำไปสู่การปรับปรุง พัฒนา และยกระดับขีดความสามารถในการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานภาครัฐในประเทศไทย รวมถึงต้องมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับประเทศไทย เช่น โครงการพัฒนาเครือข่ายสื่อสารข้อมูลเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐ (Government Information Network: GIN) และ โครงการบริการคลาวด์ภาครัฐ (Government Cloud Service: G-Cloud) เป็นต้น และต้องมีการพัฒนาบุคลากรภาครัฐ เช่น หลักสูตรนักบริหารรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government Executive Program) และหลักสูตรรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริหารระดับสูง (รอส.)
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
ที่มา : www.mict.go.th วันที่ : 8 พฤษภาคม 2556
Sonos จัดเต็มส่งท้ายปีกับโปรโมชั่น 12.12 ให้คุณช้อปฟินด้วยส่วนลดสูงสุดกว่า 30%
DJI Mic Mini ไมโครโฟนไร้สายขนาดเล็กรุ่นใหม่ในตระกูล OsmoAudio
OPPO ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่แบบจัดเต็ม ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำสมัยพร้อมโปรโมชั่น
Xiaomi Store สาขาเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน จัดกิจกรรมและโปรโมชันพิเศษฉลองเปิดสาขา
รีวิว OPPO Enco Air4 สัมผัสเสียงที่ชัดเจนและไร้สิ่งรบกวน พร้อมฟีเจอร์ ANC
OPPO Enco Air4 และ OPPO Pad 3 Pro คู่หูอุปกรณ์ IoT สุดล้ำที่พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
เปิดตัว HUAWEI FreeBuds Pro 4! หูฟังไร้สายรุ่นแรกที่ใช้ HarmonyOS NEXT
ทำความรู้จัก TECNO SPARK 30C หน้าจอ 120Hz ทนน้ำทนฝุ่น IP54 ลำโพงสเตอริโอ มีชาร์จเร็ว
OPPO Find X8 Series สมาร์ทโฟนแฟลกชิปพลัง AI ซูมไกล 120 เท่า ด้วย AI Telescope Zoom
สรุปจุดเด่นและสเปค OPPO Pad 3 Pro หน้าจอ 144Hz ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 3 ลำโพง 8 ตัว แบตฯ 9510mAh
Redmi A4 5G หน้าจอ 120Hz ดีไซน์พรีเมียมมากขึ้น ชิปเซ็ต Snapdragon 4s Gen 2 เล่นเกมเพลิน