ปริมาตรของตัวเครื่อง ความสูง (Heigth) 123.8 มิลลิเมตร ความกว้าง (Width) 58.6 มิลลิเมตร ความลึก (Depth) 7.6 มิลลิเมตร น้ำหนัก (Weight) 112 กรัม ใช้หน่วยประมวลผล A6 เมื่อเทียบกับ iPhone 4S แล้ว ถือว่าเร็วกว่า 2 เท่า บางกว่า 18% และ น้ำหนักที่เบากว่า 20% วัสดุหลักหรือโครงของตัวเครื่องทำจากโลหะอลูมิเนียม-อโนไดซ์ คว้านเนื้อในออกวางวงจรและอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าไปแทน เนื่องจากอลูมิเนียม-อโนไดซ์นั้นมีคุณสมบัติดูดซับเม็ดสีและสารป้องกันการกัดกร่อนได้ดี อีกทั้งยังทนต่อความร้อนได้สูงกว่าอลูมิเนียมปกติ ด้านบนของตัวเครื่องมีปุ่ม สำหรับใช้ ล็อคปิดหน้าจอ/ปลดล็อคแสดงหน้าจอ หรือ กดค้างไว้สำหรับ เปิดเครื่อง/ปิดเครื่อง ผู้ใช้ควรระวังการเกิดรอยบริเวณส่วนขอบอลูมิเนียมของตัวเครื่องที่มันเงา เพราะบริเวณดังกล่าวเกิดจากการขัดเจียรจึงทำให้เป็นรอยง่ายบริเวณอื่น ด้านข้างซ้าย มีปุ่มสวิตซ์สำหรับ เปิด/ปิด การใช้งานโหมดเงียบ (Silent) ใกล้กันนั้นมีปุ่มสำหรับปรับ เพิ่ม และ ลด ระดับเสียง ด้านล่างตัวเครื่อง มีช่องสำหรับเสียบชุดหูฟังสเตอริโอขนาดหัวเสียบ 3.5 มิลลิเมตร ถัดไปทางขวาเป็นช่องไมโครโฟน ตรงกลางเป็นช่องสำหรับเสียบสายเชื่อมต่อ USB แบบ Ligthning ขวาสุดเป็นลำโพงในตัว (Media Player and Ringtone Speaker) ด้านขวาของตัวเครื่องมีช่องสำหรับเสียบ Subscriber identity module Card หรือ SIM Card สำหรับ iPhone 5 นั้นพลาสติกด้านในของตัวเครื่องจะใช้สีเดียวกันกับสีหลักของตัวเครื่องต่างจาก iPhone 4 ที่จะใช้เพียงสีดำ สามารถถอดเปลี่ยนซิมได้โดยการใช้ตัวถอดซิม (SIM Card Ejector) จิ้มลงไปที่รู้แล้วกดจนถาดรองซิมดีดตัวออกมา ขนาดของ nano-SIM นั้นมีขนาดเล็กกว่า micro-SIM และ mini-SIM ที่สำคัญไม่สามารถนำ mini-SIM หรือ micro-SIM มาตัดเป็น nano-SIM เพื่อใช้กับ iPhone 5 ได้ ผู้ซื้อจะต้องเปลี่ยนซิมใหม่เพื่อใช้กับ iPhone 5 เท่านั้น ด้านหลัง ส่วนบนและส่วนล่าง ในรุ่นสีขาวจะเป็นแผ่นกระเบื้อง ในรุ่นสีดำจะเป็นแผ่นกระจกดำ(กระจกใส่เม็ดสี) ตัดแผ่นดังกล่าวไว้ 725 ชิ้น แล้วใช้กล้องคู่ความละเอียด 29 ล้านพิกเซลส่องเพื่อเลือกเอาชิ้นส่วนที่พอดีกันเป๊ะมากที่สุดมาประกอบเข้ากัน บริเวณส่วนบน มีกล้อง iSight ซึ่งเป็นกล้องหลักของเครื่อง เลนส์ทำจากคริสตัลแซฟไฟร์ซึ่งมีความแข็งแกร่งเป็นสองรองจากเพชร ทำให้โอกาสในการเกิดรอยขีดขวนนั้นมีน้อยมาก กับไฟแฟลชแบบ LED และที่อยู่ระหว่างกล้องกับแฟลช คือรูสำหรับรับเสียงไปยังไมโครโฟนตัวที่สอง (ตัวแรกอยู่ด้านล่างเครื่อง) ถัดลงมาเป็นส่วนเนื้ออลูมิเนียม มีรูปโลโก้แอปเปิ้ล ชื่อผลิตภัณฑ์ "iPhone" และ ข้อมูลประจำตัวเครื่อง หมายเลข FCC, IC, IMEI และ ตราแสดงมาตรฐานทางอุสาหกรรมต่าง ๆ ด้านหน้า จากบนลงล่าง บนสุดเป็นกล้องหน้า ถัดลงมาเป็นช่องรับแสงไปยังเซนเซอร์ปรับความสว่างจอแสดงผล และข้างกันนั้นคือ ลำโพงในตัวสำหรับใช้สนทนาโทรศัพท์ หน้าจอ Retina display ชนิดใหม่ที่นำเซ็นเซอร์ของระบบสัมผัสเข้าไปวางอยู่ด้วยกันกับหลอดภาพเป็นการลดความบางของจอให้บางยิ่งกว่าเดิม ความกว้างจอขนาด 4 นิ้ว (วัดแนวทแยงมุม) ระบบสัมผัสมัลติทัช จอแสดงผล 1136 พิกเซลในแนวตั้งและ 640 พิกเซลในแนวขวาง ความละเอียดหน้าจอ 326 จุดต่อตารางนิ้ว อัตราส่วนความคมชัด 800:1 ความส่องสว่าง 500 แรงเทียนต่อตารางเมตร กระจกด้านหน้ามีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถป้องกันการขีดข่วน และป้องกันการเกาะติดของรอยนิ้วมือ ส่วนล่างสุดของด้านหน้า มีปุ่มโฮม (Home button) วางอยู่ หูฟัง Apple EarPods with Remote and Mic ถูกออกแบบมาให้โค้งมนเข้ากับสรีระของช่องหู ด้วยการออกแบบให้จุดกำเหนิดเสียงทุ้ม และ เสียงแหลม เกิดในบริเวณที่เหมาะสม และการเพิ่มช่องลมให้ลำโพงมีการถ่ายเทอากาศส่งผลต่อคุณภาพเสียงที่ใสคมชัดมากขึ้นกว่ารุ่นเดิม สายเชื่อมต่อแบบ Lightning (หัวเสียบ 8-pin) สามารถพลิกด้านของตัวเสียบเพื่อเชื่อมต่อได้ทั้งสองด้าน หมดกังวลว่าจะเสียบผิดด้าน อีกทั้งยังมีขนาดที่เล็กกว่าหัวเสียบรุ่นเก่า (หัวเสียบ 30-pin) ของในกล่องบรรจุภัณฑ์ Apple iPhone 5
* สำหรับเครื่องที่เรานำมารีวิวนั้นภายในกล่องไมได้มีตัวถอดถาดซิม หรือ SIM Card Ejector แถมมาด้วยแต่สามารถใช้ของ iPhone รุ่นก่อนได้ คุณลักษณะภายในเพิ่มเติม ตัวเครื่องรองรับคลื่นความถี่ (เครื่องที่นำมารีวิวเป็น CDMA Model สำหรับเครื่องศูนย์ไทยอาจเป็น GSM Model)
ความแตกต่างระหว่างเครื่องหิ้วกับเครื่องศูนย์
LTE Band ไหนใช้คลื่นอะไร? แอปเปิ้ลได้แจกแจงไว้ดังต่อไปนี้
หากต้องการนำไปใช้งาน 4G โปรดตรวจสอบคลื่นความถี่ LTE ของประเทศที่จะนำไปใช้ก่อนซื้อ ดูได้ที่ http://www.apple.com/iphone/LTE/
แอพพลิเคชั่น Home หรือหน้าจอหลักสามารถเรียกใช้ได้โดยการกดปุ่ม Home ที่อยู่บนเครื่อง หน้าซ้ายสุดมี Spotlight Search ซึ่งมีไว้สำหรับการค้นหาสิ่งของต่างๆ ภายในเครื่อง ตั้งแต่แอพพลิเคชั่นที่ติดตั้ง รายชื่อผู้ติดต่อ เว็บไซต์ และ อื่นๆ เลือกปัดนิ้วบนหน้าจอไปซ้ายหรือขวาเพื่อแสดงไอคอนที่อยู่ในหน้าถัดไป ในแต่ละหน้าของแอพฯ Home นั้นจะสามารถจัดวางไอคอนได้ 20 ไอคอนโดยจะแสดงเรียงตามแนวนอน 4 แถว แนวตั้ง 5 แถว และสามารถจัดวางไอคอนได้สูงสุด 11 หน้า ส่วนล่างของหน้าจอแอพพลิเคชั่น Home คือส่วนที่เรียกว่า Dock ใช้สำหรับวางไอคอนของแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานเป็นประจำ 4 ไอคอน ซึ่งในส่วนของ dock นั้นจะอยู่ติดตามไปกับทุกหน้า แตะส่วนบนของจอแล้วเลื่อนนิ้วลงล่างจะเป็นการแสดงหน้า Notification Center ศูนย์การแจ้งเตือนที่สามารถแสดงข้อมูลจากแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่เราได้ตั้งค่าไว้ การจัดกลุ่มของไอคอนแอพพลิเคชั่นทำได้โดยการแตะค้างไว้ที่ไอคอนแล้วลากเข้าไปหาไอคอนอีกอัน สามารถรวมไอคอนไว้ในกลุ่มเดียวกันได้ 16 ไอคอน การใช้งานโทรศัพท์กดที่ไอคอนรูปหูโทรศัพท์สีเขียว จะเข้าแอพพลิเคชั่น Phone ซึ่งจะมีแถบให้เลือก รายการผู้ติดต่อที่ชื่นชอบ รายการการติดต่อที่ผ่านมา รายการผู้ติดต่อทั้งหมด แป้นหมายเลขสำหรับกดโทร และ โทรเข้าระบบฝากข้อความเสียง สำหรับสายเรียกเข้า และ การรับสายนั้นจะแสดงหน้าจออัตโนมัติเมื่อมีการเรียกเข้า สามารถเลือกรับสายหรือตัดสายทิ้ง หรือที่ติดธุระอยู่และต้องการแจ้งให้คู่สนทนาทราบก็สามารถเลือกตอบเป็น SMS แทนการรับสายได้ การเชื่อมต่อ Social Network ได้มีการเพิ่ม Facebook เข้ามาใน iOS 6 เพื่อให้ผู้ใช้โทรศัพท์สามารถแชร์ข้อความ รวมทั้งรูปภาพไปยังเฟสบุ๊คได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้นโดยการเลือกแชร์ผ่าน Notification Center หรือเลือกแชร์ผ่านปุ่มแชร์ที่อยู่ในหน้าแอพพลิเคชั่นต่างๆ นาฬิกาตัวเครื่องมีความสามารถใช้งานบอกเวลาเมืองต่างๆ บนโลก ตั้งปลุก จับเวลา และ นับเวลาถอยหลัง ปฏิทิน สามารถแสดงตารางนัดหมาย รวมถึงเหตุการณ์สำคัญต่างๆ จาก iCound Facebook และ อื่นๆ เครื่องคิดเลข เมื่อพลิกเครื่องในแนวนอนจะแสดงฟังก์ชั่นการคำนวนเพิ่มเติมมากขึ้นกว่าเดิม เข็มทิศที่วัดได้สองแบบคือแบบทิศเหนือจริง หรือ ทิศเหนือตามแกนแม่เหล็ก เครื่องอัดเสียงบันทึกได้ต่อเนื่องตามความจุที่เหลืออยู่ของตัวเครื่อง และสามารถแชร์ไฟล์เสียงที่บันทึกไปทางอีเมลหรือข้อความได้ Facetime ฟังก์ชั่นการโทรแบบวีดีโอทำให้สามารถมองเห็นอากัปกิริยาของคู่สนทนาใน iOS 6 นั้นสามารถใช้งานได้ทั้งการโทรผ่านเครือข่ายและการโทรผ่าน Wi-Fi ประกอบกับกล้องหน้าของ iPhone 5 นั้นมีความละเอียดสูงขึ้นกว่ารุ่นก่อนจึงทำให้สามารถสนทนา Facetime ได้ภาพคมชัดมากยิ่งขึ้นในระดับ HD 720p และ Siri ที่ยังคงไม่รองรับการใช้งานภาษาไทยเช่นเคย รวมทั้งการสอบถามข้อมูลสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นถามหาตู้เอทีเอ็ม หรือ ถามหาร้านขายหนังสื่อ หรือ อื่นๆ ก็ยังคงใช้งานไม่ได้
การถ่ายภาพแบบพาโนราม่า ด้วยกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ประกอบกับความสามารถของ Gyroscope ชิป A6 และแอพฯกล่องถ่ายรูป ทำให้ได้ภาพมุมกว้างแบบ 240 องศา ความละเอียดสูงถึง 28 ล้านพิกเซล ภายในซิป A6 นั้นมีหน่วยประมวลผลภาพถ่ายที่จะช่วยให้การถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยนั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จำนวนนอยส์ลดลง และ จับภาพได้เร็วขึ้นกว่าเดิม 40% ในโหมดบันทึกวีดีโอ iSight ของ iPhone 5 สามารถถ่ายภาพไปพร้อม ๆ กับการบันทึกวีดีโอโดยจะมีปุ่มให้กดจับภาพนิ่ง ซึ่งเมื่อกดแล้วจะทำให้ได้ไฟล์รูปภาพความละเอียดขนาด 1920 × 1080 พิกเซล (จับภาพจากวีดีโอ) แผนที่แบบใหม่ที่แอปเปิ้ลพัฒนาขึ้นมาโดยใช้ข้อมูลจาก TomTom บริษัทแนวหน้าของระบบนำทาง ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นสามมิติ และ ระบบนำทางแบบ Turn-by-Turn ด้วยความสูงของหน้าจอจึงทำให้เมื่อชมภาพยนตร์ในแนวนอนแล้วจะสามารถรับชมวีดีโอแบบ Widescreen 16:9 ได้อย่างเต็มหน้าจอไม่มีขอบดำ ซึ่งอัตราส่วนที่ภาพยนตร์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันใช้ สำหรับตัวอย่างที่เราจับภาพมาเป็นมิวสิกวีดีโอแบบ Widescreen 21:9 ซึ่งจะเป็นอัตราส่วนในยุคต่อไป และกำลังจะถูกนำมาใช้มากยิ่งขึ้นในอนาคต หูฟัง Apple EarPods with Remote and Mic ที่แถมมาในกล่องนั้น มีต้นแบบทั้งหมด 124 แบบ แต่ได้ทำการทดลองใส่กับหูคนจริง ๆ จากอาสาสมัครกว่า 600 คนแล้ว และได้เลือกชิ้นที่เหมาะสมมากที่สุดชิ้นนี้มาเป็นต้นแบบในการผลิต
ขอขอบคุณ : บริษัท สตูดิโอโฟน จำกัด โทร. 0-2956-1223 ข้อมูลผู้ใช้ ร่วมแสดงความเห็นกับ Apple - iPhone 5 แคตตาล็อกตัวเครื่อง : http://www.siamphone.com/spec/apple/iphone_5.htm บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ iPhone 5 : http://news.siamphone.com/iphone5
|
Siamphone Dot Com : Mobilephone Catalog Online (Thailand) © Copyright 2001-2008, All Rights Reserved. สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 [ ลิขสิทธิ์ & นโยบายส่วนตัว ] หมายเลขทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ 7100703000240 Website & Phone Review : webmaster @ siamphone.com , Magazine : supreecha @ mobilemag.in.th For Information & Sponsor Ads : information @ siamphone.com |